มาต่อค่ะ ถือว่าแบ่งปันประสบการณ์ การทำงานต่างบ้านต่างเมืองกันเน๊อะ
จากกระทู้เดิม
http://pantip.com/topic/32468932/comment9
ตัวเราเองช่วงที่ทำร้านกาแฟในสำนักงานใหญ่ของแบ็งค์ ก็มีลูกค้าหลายคนสนใจว่า ทำไมเราทำกาแฟอร่อยจัง ใช้เวลากี่ปีทำกาแฟ?
ก็มีการชวนคุยถามประสบการณ์อาชีพการงาน
ว่าตอนอยู่ไทยทำงานอะไรมา
หลายๆคนเสียดายประสบการณ์ในสายอาชีพที่เราทำ ขอ portfolio ของเราไปนำเสนอกับที่แบงค์เลย เพราะเค้ามีสาขางานเกี่ยวกับงานออกแบบ
แต่ทางแบ็งค์แนะนำว่าเราควรจะไปรียนเพิ่มที่ Tafe อีกหนึ่งปี เพราะที่นี่ ต่อให้มีประสพการณ์แค่ไหน ถ้าไม่ได้จบตรงกับประเทศของเค้า จะหางานตามที่เราเคยเรียนมาได้ยากและเค้าไม่รับ
อีกอย่างตอนนั้น รายได้ต่อสัปดาห์เราค่อนข้างมั่นคง ยิ่งได้ไปคุยงานกับสตีฟ ได้เงินค่อนข้างสูง และสตีฟให้สูงกว่าเชฟอีก ก็เลยงงก เลือกเอางานที่ได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยไว้ก่อน
และอีกอย่างนึง คนทำงานร้านอาหารที่นี่ ( ตอนนั้นนะ ที่เราทำระหว่างปี 2003-2009 ถือว่ารายได้ดีพอสมควร ) โดยเฉพาะเชฟ รึ barista ที่มีชื่อเสียงในแวดวงที่รู้จักกัน
มีอยู่ช่วงหนึ่งเจ้าของกระทู้ ไปฮอลิเดย์ กลับมาที่ The Rock มีการแข่งขัน Art latte competition ครั้งแรกในซิดนีย์ ครั้งที่ 1 เลย
คือกลับมาวันรุ่งขึ้นเค้าก็ปิดรับสมัครกัน เตรียมตัวไม่ทัน
แต่เราก็ไปดูการแข่งขันนะ เจอลูกค้าหลายคนที่มากินกาแฟร้านเราไปนั่งดูด้วย มีคุณลุงคนหนึ่งเค้าไปนั่งดูแล้วเค้าก็ลุกขึ้นยืน ชี้มาที่เราและบอกกรรมการว่า
That's shame , she didn't apply for this year, otherwise I think she will be the winner
ตอนแรกๆสมัยก่อนนู่น art latte ยังใหม่อยู่ ใครทำได้นี่ถือว่าเก่ง เรียกลูกค้าเค้าร้านได้ดี ปัจจุบันนี้เจ้าของกระทู้เชื่อว่า ลวดลายบนถ้วยกาแฟ
อลังการณ์งานสร้างกว่าแต่ก่อนมาก ตามที่เห็นๆกันอยู่ในสื่อต่างๆ ณ ปัจจุบัน ( บ่งบอกถึงความแก่ของตัวเอง barista รุ่นป้า 555)
ตอนที่ จขกท. ทำงานก็ไม่คิดว่าจะออกคือทำไปเรื่อยๆ ปีหลังๆก็พัฒนาไปเยอะ แต่ไม่ค่อยสนใจจะถ่ายรูป กะว่าว่างเมื่อไรก็ค่อยถ่าย ไม่คิดจะเปลี่ยนงานก็เลยไม่มีรูปตอนปีท้ายๆให้ดู
มีแต่ตอนไปเป็นผู้สาธิตการทำกาแฟ ให้กับart latte ปีต่อๆมาที่ The Rock หลังจากสตีฟได้ขายบริษํทไปแล้ว สตีฟทำงานเกี่ยวกับบริษัทเมล็ดกาแฟก็โทรมาให้เราไปสาธิตตลอด
ความคิดเห็นของ จขกท . คิดว่า ศิลปของกาแฟสวยงามก็จริง แต่ความคงเส้นคงวาในรสชาติสำคัญกว่า Art Latte เป็นแค่ตัวช่วยเสริมให้วงการกาแฟดูน่าสนใจ ดึงดูดลูกค้าเข้าร้าน
แต่ถ้าเค้ามาแล้ว กาแฟสวยงาม แต่รสชาติห่วยแตก ลูกค้าก็หายได้ง่ายๆเหมือนกัน คือมาลองครั้งเดียวแล้วหายไปเลย
หลังๆจขกท. เลยไปเน้นเรื่องเทคนิคการทำยังไง ให้คุณภาพของกาแฟเหมือนเดิมทุกครั้งที่ให้ลูกค้าประทับใจมากกว่า
เห็นร้านกาแฟเปิดหลังๆหลายที่ๆมีแบบ Art Latte เยอะ แต่บางครั้งใช้เวลาในการตกแต่งมาก ใช้เวลาในการตกแต่งมากไป กว่าจะเอาออกมาเสริฟ ความแน่นของนมเริ่มยุบ
รสชาติก็จะเปลี่ยน
ตัวจขกท. เองจะเน้นใส่ลวดลายให้เร็วและน้อย ดูสะอาด ไม่รกมากไปบนถ้วย สวยงามแต่ไม่เวิ่นเว้อ ลายนู่นนี่นั่นมั่วไปหมด
ชอบให้บนแก้วดูสะอาด ร้อนในอุณหภูมิเมื่อไปถึงลูกค้าตัวครีมนมด้านบนยังมีความเงา
ไม่ใช่แต่งลายซะอลังการณืงานสร้าง แต่นมเริ่มเหี่ยว ครีมเริ่มทรุดตัว ลูกค้าก็ไม่ชอบอยู่ดี
ครีเอทมากไปบางครั้งก็กลายเป็นขยะได้หมือนกัน
( ตอนคุยงานกับสตีฟจะ นำเสนอเค้าค่ะว่าเราต้องการให้งานออกมาแบบไหน เพราะวันๆลูกค้าจะเยอะ
แต่ทำยังไงให้ลูกค้ามาประชุมพร้อมกันหลายสิบคน ได้กาแฟสวยงามและรสชาติดีทุกแก้ว
เวลาสำคัญที่สุด เทนมในหนึ่งแก้วใช้วลาเท่าไร ตกแต่งท่าไร จับเวลากันเลยทีเดียว
ส่วนลูกค้า take away ก็อย่าทิ้ง เพราะพวกนี้พวกทำงานออฟฟิตเดินหลายรอบ มาเช้ามากลางวัน มาบ่าย
ไม่ใช่กาแฟสวยงามสำหรับคนนั่งในร้าน ส่วนลูกค้าที่มาต่อคิวทำลวกๆให้เค้าก็ไม่ได้
บพวกคนขับแท็กซี่มาเร็วไปเร็ว มาจอดปุ๊บยกมือโบกให้เราต้องจำให้ได้ลุงคนนี้ดื่มอะไร เพราะรคเค้าต้องลื่อนตามคิว
คิวแท็กซี่จะอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนกับเรา บางครั้งเค้าข้ามมาสั่งไม่ได้ต้องคอยขยับรถ เค้าผิวปากมานี่ มองหน้าเค้าถ้าเค้าพยักหน้านี่เริ่มทำเลย เค้ารีบ มัวแต่ช้าเค้ารอไม่ไหว
เล่าแล้วยาววววว......... จะมีคนอ่านต่อมั้ย 555
@@@ เล่าประสบการณ์ เป็น Barista ในประเทศออสเตรเลีย ระหว่างปี 2003 - 2009 @@@ ( ภาค 2 )
จากกระทู้เดิม
http://pantip.com/topic/32468932/comment9
ตัวเราเองช่วงที่ทำร้านกาแฟในสำนักงานใหญ่ของแบ็งค์ ก็มีลูกค้าหลายคนสนใจว่า ทำไมเราทำกาแฟอร่อยจัง ใช้เวลากี่ปีทำกาแฟ?
ก็มีการชวนคุยถามประสบการณ์อาชีพการงาน
ว่าตอนอยู่ไทยทำงานอะไรมา
หลายๆคนเสียดายประสบการณ์ในสายอาชีพที่เราทำ ขอ portfolio ของเราไปนำเสนอกับที่แบงค์เลย เพราะเค้ามีสาขางานเกี่ยวกับงานออกแบบ
แต่ทางแบ็งค์แนะนำว่าเราควรจะไปรียนเพิ่มที่ Tafe อีกหนึ่งปี เพราะที่นี่ ต่อให้มีประสพการณ์แค่ไหน ถ้าไม่ได้จบตรงกับประเทศของเค้า จะหางานตามที่เราเคยเรียนมาได้ยากและเค้าไม่รับ
อีกอย่างตอนนั้น รายได้ต่อสัปดาห์เราค่อนข้างมั่นคง ยิ่งได้ไปคุยงานกับสตีฟ ได้เงินค่อนข้างสูง และสตีฟให้สูงกว่าเชฟอีก ก็เลยงงก เลือกเอางานที่ได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยไว้ก่อน
และอีกอย่างนึง คนทำงานร้านอาหารที่นี่ ( ตอนนั้นนะ ที่เราทำระหว่างปี 2003-2009 ถือว่ารายได้ดีพอสมควร ) โดยเฉพาะเชฟ รึ barista ที่มีชื่อเสียงในแวดวงที่รู้จักกัน
มีอยู่ช่วงหนึ่งเจ้าของกระทู้ ไปฮอลิเดย์ กลับมาที่ The Rock มีการแข่งขัน Art latte competition ครั้งแรกในซิดนีย์ ครั้งที่ 1 เลย
คือกลับมาวันรุ่งขึ้นเค้าก็ปิดรับสมัครกัน เตรียมตัวไม่ทัน
แต่เราก็ไปดูการแข่งขันนะ เจอลูกค้าหลายคนที่มากินกาแฟร้านเราไปนั่งดูด้วย มีคุณลุงคนหนึ่งเค้าไปนั่งดูแล้วเค้าก็ลุกขึ้นยืน ชี้มาที่เราและบอกกรรมการว่า
That's shame , she didn't apply for this year, otherwise I think she will be the winner
ตอนแรกๆสมัยก่อนนู่น art latte ยังใหม่อยู่ ใครทำได้นี่ถือว่าเก่ง เรียกลูกค้าเค้าร้านได้ดี ปัจจุบันนี้เจ้าของกระทู้เชื่อว่า ลวดลายบนถ้วยกาแฟ
อลังการณ์งานสร้างกว่าแต่ก่อนมาก ตามที่เห็นๆกันอยู่ในสื่อต่างๆ ณ ปัจจุบัน ( บ่งบอกถึงความแก่ของตัวเอง barista รุ่นป้า 555)
ตอนที่ จขกท. ทำงานก็ไม่คิดว่าจะออกคือทำไปเรื่อยๆ ปีหลังๆก็พัฒนาไปเยอะ แต่ไม่ค่อยสนใจจะถ่ายรูป กะว่าว่างเมื่อไรก็ค่อยถ่าย ไม่คิดจะเปลี่ยนงานก็เลยไม่มีรูปตอนปีท้ายๆให้ดู
มีแต่ตอนไปเป็นผู้สาธิตการทำกาแฟ ให้กับart latte ปีต่อๆมาที่ The Rock หลังจากสตีฟได้ขายบริษํทไปแล้ว สตีฟทำงานเกี่ยวกับบริษัทเมล็ดกาแฟก็โทรมาให้เราไปสาธิตตลอด
ความคิดเห็นของ จขกท . คิดว่า ศิลปของกาแฟสวยงามก็จริง แต่ความคงเส้นคงวาในรสชาติสำคัญกว่า Art Latte เป็นแค่ตัวช่วยเสริมให้วงการกาแฟดูน่าสนใจ ดึงดูดลูกค้าเข้าร้าน
แต่ถ้าเค้ามาแล้ว กาแฟสวยงาม แต่รสชาติห่วยแตก ลูกค้าก็หายได้ง่ายๆเหมือนกัน คือมาลองครั้งเดียวแล้วหายไปเลย
หลังๆจขกท. เลยไปเน้นเรื่องเทคนิคการทำยังไง ให้คุณภาพของกาแฟเหมือนเดิมทุกครั้งที่ให้ลูกค้าประทับใจมากกว่า
เห็นร้านกาแฟเปิดหลังๆหลายที่ๆมีแบบ Art Latte เยอะ แต่บางครั้งใช้เวลาในการตกแต่งมาก ใช้เวลาในการตกแต่งมากไป กว่าจะเอาออกมาเสริฟ ความแน่นของนมเริ่มยุบ
รสชาติก็จะเปลี่ยน
ตัวจขกท. เองจะเน้นใส่ลวดลายให้เร็วและน้อย ดูสะอาด ไม่รกมากไปบนถ้วย สวยงามแต่ไม่เวิ่นเว้อ ลายนู่นนี่นั่นมั่วไปหมด
ชอบให้บนแก้วดูสะอาด ร้อนในอุณหภูมิเมื่อไปถึงลูกค้าตัวครีมนมด้านบนยังมีความเงา
ไม่ใช่แต่งลายซะอลังการณืงานสร้าง แต่นมเริ่มเหี่ยว ครีมเริ่มทรุดตัว ลูกค้าก็ไม่ชอบอยู่ดี
ครีเอทมากไปบางครั้งก็กลายเป็นขยะได้หมือนกัน
( ตอนคุยงานกับสตีฟจะ นำเสนอเค้าค่ะว่าเราต้องการให้งานออกมาแบบไหน เพราะวันๆลูกค้าจะเยอะ
แต่ทำยังไงให้ลูกค้ามาประชุมพร้อมกันหลายสิบคน ได้กาแฟสวยงามและรสชาติดีทุกแก้ว
เวลาสำคัญที่สุด เทนมในหนึ่งแก้วใช้วลาเท่าไร ตกแต่งท่าไร จับเวลากันเลยทีเดียว
ส่วนลูกค้า take away ก็อย่าทิ้ง เพราะพวกนี้พวกทำงานออฟฟิตเดินหลายรอบ มาเช้ามากลางวัน มาบ่าย
ไม่ใช่กาแฟสวยงามสำหรับคนนั่งในร้าน ส่วนลูกค้าที่มาต่อคิวทำลวกๆให้เค้าก็ไม่ได้
บพวกคนขับแท็กซี่มาเร็วไปเร็ว มาจอดปุ๊บยกมือโบกให้เราต้องจำให้ได้ลุงคนนี้ดื่มอะไร เพราะรคเค้าต้องลื่อนตามคิว
คิวแท็กซี่จะอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนกับเรา บางครั้งเค้าข้ามมาสั่งไม่ได้ต้องคอยขยับรถ เค้าผิวปากมานี่ มองหน้าเค้าถ้าเค้าพยักหน้านี่เริ่มทำเลย เค้ารีบ มัวแต่ช้าเค้ารอไม่ไหว
เล่าแล้วยาววววว......... จะมีคนอ่านต่อมั้ย 555