หลายๆมหาลัยก็คงเปิดเทอมวันนี้สินะครับ
มหาลัยผมเช่นกัน เมื่อเช้านี้ ฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างหนัก ด้วยความที่ว่า ซอยบ้านผมต่ำกว่าพื้นถนน เลยทำให้เกิดอาการระบายน้ำไม่ทันอย่างหนัก ท่อน้ำไม่สามารถระบายทิ้งได้ หรือศัพท์ทางวิทยาศาสตร์เรียกอาการนี้ว่า น้ำท่วม ทำให้ผมออกไปเรียนล่าช้า รถประจำทางก็ติดอยู่ร่วม 3ชั่วโมงตลอดการเดินทาง ตารางเรียน8 โมง ออก6 ครึ่ง ถึง 9โมง คุณพระช่วย ไม่เคยเจออาการรถติดขนาดนี้มาก่อน แล้วยืนบนรถประจำทางตลอดทาง ขาผมแทบจะหงิกงอหักลงตรงนั้นเลยทีเดียว ทำให้เกิดอารมณ์หงุดหงิดเป็นอย่างมาก พอถึงมหาลัย ก็มีบุคคลมากหน้าหลายตาเดินเข้ามหาลัยพร้อมกับผม ผมจึงใจชื้นขึ้นว่า เออ ผมคงไม่ได้มาสายแค่คนเดียว แต่หลังจากที่ผมเดินเข้าทางประตูหน้าของมหาลัย แล้ว คณะผมซึ่งอยู่ติดกับรั้วท้ายมหาลัย ผมเดินไปคิดนู้นนี่ไป จู่ๆอาการติสแตก ก็เกิดขึ้น โดยที่มิได้ตั้งตัว มาคิดว่า เห้ย ไอที่เราทำอยู่นี่มันใช่ตัวเราจริงๆหรือสิ่งที่พ่อแม่เราป้อนมาให้วะ เลยเกิดคำถามขึ้นในหัวมากมาย ว่าจริงๆเราชอบอะไรกันแน่ เราควรทำอะไร เราจำอยู่กับสิ่งที่เราเรียนได้มั้ย ผมเลยต้องการหาคำตอบ โดยการ ไม่เข้าเรียน แล้ว1วันนี้ ผมจะผจญโลก เพื่อเปิดทัศนคติให้ชีวิต ผมเข้าหน้ามหาลัย แล้วเดินออกทางด้านหลัง โบกแท็กซี่ ขึ้นไปนั่ง แล้วผมก็บอกพี่แท็กซี่ว่า ไปไหนดี ?? พี่เค้าคง งง ไอหอกนี่ นั่นคำถามตู ผมเลยเติมไปอีกว่า ไปหัวลำโพงดีกว่า และแล้วเวลาเกือบ10 โมง ผมจึงไปจบอยู่ที่หัวลำโพง ทีแรกคิดว่าจะเดินทาง แต่ควักตังในกระเป๋าดู มันก็มีอยู่ไม่ถึงพันบาท เดินทางคงยากแน่ๆ เลยเกิดไอเดียขึ้น ทำไมเราไม่เปิดบทสนทนา กับคนที่ดูแล้วน่าจะเจนโลกหล่ะ มองซ้ายมองขวา มีแต่ตาลุง กับป้าๆ ที่ดูแล้วกำลังเดินทางกลับบ้าน กลับฝรั่งเดินไปมา หน้าตาล่กๆ ทำให้ไม่กล้าเข้าไปทัก และ จุดหมายปลายทางผมก็เกิดขึ้น บนเก้าอี้นั่ง ฝรั่งหัวทองวัยกลางคนนายหนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว ผมทำทีเข้าไปนั่งอยู่แถวข้างหน้าเขา แล้วก็แกล้งหันซ้ายหันขวา แล้วผมก็เปิดบทสนทนา ใจความมีดังนี้
ฝรั่งหัวทองนายนี้ มาจากประเทศ อิตาลี่ เมืองโรแมนติกเชียว กำลังจะไปเที่ยวที่อยุธยา ทำงานเป็น employee มาเที่ยวไทยได้2อาทิตแล้ว แล้วพรุ่งนี้กำลังจะกลับประเทศแล้ว จึงเริ่มแลกเปลี่ยนทัศนคติกัน ผมเปิดก่อนว่า ผมเนี่ยกำลังเรียนอยู่ แต่ผมไม่แน่ใจว่า ความสนใจผมมันใช่ที่เรียนจริงๆรึเปล่า ประมาณนี้นะ ผมต้องการทำสิ่งที่ผมรัก ผมไม่ได้ต้องการเงินทองมากมาย แต่ปัญหาก็คือ ผมไม่รู้ว่า ตัวผมนั้นต้องการอะไร ทำเอาฝรั่งอึ้งไปเลย ถามกลับมาว่าผมอายุเท่าไหร่ ผมบอกไปว่าอายุ20 เค้าบอก เอ้อ แล้วไม่มี pleasure แรงกดดันอะไรเลยหรอ ผมบอกไม่มีอะ เค้าเลยแนะนำๆวิธีการหาเงินให้ อะไรประมาณนี้ ผมถามว่าคิดยังไงกับประเทศไทย เค้าบอก โคตรๆๆร้อน นี่ผมตัวเปียกทั้งวันเลยเนี่ย ก็นั่งหัวเราะกันไป แล้วเราก็คุย แลกเปลี่ยนสัพเพเหระกันมากมาย จนถึงเวลารถไฟเค้า เค้าก็ทิ้งท้ายไว้ว่า enjoy your life make different find your life and love it
ทำให้ผมคิดได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมมีการเริ่มต้นขึ้น แล้วถ้าเราเริ่มต้นขึ้นแล้ว ต้องทำมันให้ดีที่สุด ยิ่งแตกต่าง ยิ่งก้าวไกล ต้องการยิ่งใหญ่ต้องทำตามใจตัวเอง
วันนี้เป็นวันที่โดดเรียนแล้วรู้สึกคุ้มค่ามากที่สุดในชีวิต ในการเปิดประสพการณ์การอะไรใหม่
ผมกล้าทักชาวต่างชาติ ผมกล้าพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดกัน ภาษาอังกฤษ ผิดๆถูกๆ แต่เข้าใจเหมือนกัน ไม่เป็นไร ฝึกเข้าไป สิ่งสำคัญไม่ใช่ภาษา แต่คือเกิดเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆให้ตัวเอง ให้ได้รุ้ว่า เราเป็นแค่จุดเล็กๆไร้พลังในโลก จากที่เคยคิดว่า เรารู้อะไรหลายๆอย่าง ทำให้เรารู้ว่า เรายังไม่รุ้อะไรเกี่ยวกับโลกนี้เลย
ขอบคุณครับ

มือใหม่หัดเขียน
อารมณ์ติสแตกวันเปิดเทอม
มหาลัยผมเช่นกัน เมื่อเช้านี้ ฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างหนัก ด้วยความที่ว่า ซอยบ้านผมต่ำกว่าพื้นถนน เลยทำให้เกิดอาการระบายน้ำไม่ทันอย่างหนัก ท่อน้ำไม่สามารถระบายทิ้งได้ หรือศัพท์ทางวิทยาศาสตร์เรียกอาการนี้ว่า น้ำท่วม ทำให้ผมออกไปเรียนล่าช้า รถประจำทางก็ติดอยู่ร่วม 3ชั่วโมงตลอดการเดินทาง ตารางเรียน8 โมง ออก6 ครึ่ง ถึง 9โมง คุณพระช่วย ไม่เคยเจออาการรถติดขนาดนี้มาก่อน แล้วยืนบนรถประจำทางตลอดทาง ขาผมแทบจะหงิกงอหักลงตรงนั้นเลยทีเดียว ทำให้เกิดอารมณ์หงุดหงิดเป็นอย่างมาก พอถึงมหาลัย ก็มีบุคคลมากหน้าหลายตาเดินเข้ามหาลัยพร้อมกับผม ผมจึงใจชื้นขึ้นว่า เออ ผมคงไม่ได้มาสายแค่คนเดียว แต่หลังจากที่ผมเดินเข้าทางประตูหน้าของมหาลัย แล้ว คณะผมซึ่งอยู่ติดกับรั้วท้ายมหาลัย ผมเดินไปคิดนู้นนี่ไป จู่ๆอาการติสแตก ก็เกิดขึ้น โดยที่มิได้ตั้งตัว มาคิดว่า เห้ย ไอที่เราทำอยู่นี่มันใช่ตัวเราจริงๆหรือสิ่งที่พ่อแม่เราป้อนมาให้วะ เลยเกิดคำถามขึ้นในหัวมากมาย ว่าจริงๆเราชอบอะไรกันแน่ เราควรทำอะไร เราจำอยู่กับสิ่งที่เราเรียนได้มั้ย ผมเลยต้องการหาคำตอบ โดยการ ไม่เข้าเรียน แล้ว1วันนี้ ผมจะผจญโลก เพื่อเปิดทัศนคติให้ชีวิต ผมเข้าหน้ามหาลัย แล้วเดินออกทางด้านหลัง โบกแท็กซี่ ขึ้นไปนั่ง แล้วผมก็บอกพี่แท็กซี่ว่า ไปไหนดี ?? พี่เค้าคง งง ไอหอกนี่ นั่นคำถามตู ผมเลยเติมไปอีกว่า ไปหัวลำโพงดีกว่า และแล้วเวลาเกือบ10 โมง ผมจึงไปจบอยู่ที่หัวลำโพง ทีแรกคิดว่าจะเดินทาง แต่ควักตังในกระเป๋าดู มันก็มีอยู่ไม่ถึงพันบาท เดินทางคงยากแน่ๆ เลยเกิดไอเดียขึ้น ทำไมเราไม่เปิดบทสนทนา กับคนที่ดูแล้วน่าจะเจนโลกหล่ะ มองซ้ายมองขวา มีแต่ตาลุง กับป้าๆ ที่ดูแล้วกำลังเดินทางกลับบ้าน กลับฝรั่งเดินไปมา หน้าตาล่กๆ ทำให้ไม่กล้าเข้าไปทัก และ จุดหมายปลายทางผมก็เกิดขึ้น บนเก้าอี้นั่ง ฝรั่งหัวทองวัยกลางคนนายหนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว ผมทำทีเข้าไปนั่งอยู่แถวข้างหน้าเขา แล้วก็แกล้งหันซ้ายหันขวา แล้วผมก็เปิดบทสนทนา ใจความมีดังนี้
ฝรั่งหัวทองนายนี้ มาจากประเทศ อิตาลี่ เมืองโรแมนติกเชียว กำลังจะไปเที่ยวที่อยุธยา ทำงานเป็น employee มาเที่ยวไทยได้2อาทิตแล้ว แล้วพรุ่งนี้กำลังจะกลับประเทศแล้ว จึงเริ่มแลกเปลี่ยนทัศนคติกัน ผมเปิดก่อนว่า ผมเนี่ยกำลังเรียนอยู่ แต่ผมไม่แน่ใจว่า ความสนใจผมมันใช่ที่เรียนจริงๆรึเปล่า ประมาณนี้นะ ผมต้องการทำสิ่งที่ผมรัก ผมไม่ได้ต้องการเงินทองมากมาย แต่ปัญหาก็คือ ผมไม่รู้ว่า ตัวผมนั้นต้องการอะไร ทำเอาฝรั่งอึ้งไปเลย ถามกลับมาว่าผมอายุเท่าไหร่ ผมบอกไปว่าอายุ20 เค้าบอก เอ้อ แล้วไม่มี pleasure แรงกดดันอะไรเลยหรอ ผมบอกไม่มีอะ เค้าเลยแนะนำๆวิธีการหาเงินให้ อะไรประมาณนี้ ผมถามว่าคิดยังไงกับประเทศไทย เค้าบอก โคตรๆๆร้อน นี่ผมตัวเปียกทั้งวันเลยเนี่ย ก็นั่งหัวเราะกันไป แล้วเราก็คุย แลกเปลี่ยนสัพเพเหระกันมากมาย จนถึงเวลารถไฟเค้า เค้าก็ทิ้งท้ายไว้ว่า enjoy your life make different find your life and love it
ทำให้ผมคิดได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมมีการเริ่มต้นขึ้น แล้วถ้าเราเริ่มต้นขึ้นแล้ว ต้องทำมันให้ดีที่สุด ยิ่งแตกต่าง ยิ่งก้าวไกล ต้องการยิ่งใหญ่ต้องทำตามใจตัวเอง
วันนี้เป็นวันที่โดดเรียนแล้วรู้สึกคุ้มค่ามากที่สุดในชีวิต ในการเปิดประสพการณ์การอะไรใหม่
ผมกล้าทักชาวต่างชาติ ผมกล้าพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดกัน ภาษาอังกฤษ ผิดๆถูกๆ แต่เข้าใจเหมือนกัน ไม่เป็นไร ฝึกเข้าไป สิ่งสำคัญไม่ใช่ภาษา แต่คือเกิดเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆให้ตัวเอง ให้ได้รุ้ว่า เราเป็นแค่จุดเล็กๆไร้พลังในโลก จากที่เคยคิดว่า เรารู้อะไรหลายๆอย่าง ทำให้เรารู้ว่า เรายังไม่รุ้อะไรเกี่ยวกับโลกนี้เลย
ขอบคุณครับ