จากประเด็นหลังไมค์ฉาวซึงทำให้เกิดผลกระทบตามมามากมาย
ทั้งภาพพจน์ของสมาชิกและของห้องสนทนาการเมืองราชดำเนินพันทิป
มองในมุมปกติก็จะเสียความรู้สึกมากๆ ไม่เป็นผลดีกับใครทั้งนั้น
และการตัดสินใจ
“ยอมหยุดจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง”น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
แต่เมื่อดูตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎ
“การหยุด” น่าจะทำได้ยากมากเลย
ดังนั้นความเสียหายที่ตามมานับวันแต่จะมากขึ้น ถือว่าเป็นวิกฤตของจริง
WM ใช้วิธี “ลบกระทู้และ คคห.” เพื่อรักษากฎระเบียบของห้อง
แต่ก็ดังที่ทราบ ไม่เกิดผลที่เป็นรูปธรรมอันใด
ดังนั้น จขกท.ขอเสนอสมาชิกห้องนี้ให้พลิกวิกฤตเป็นโอกาสกันคะ
พลิกอย่างไร จึงถือได้ว่าเป็นโอกาสของห้อง
“โอกาส” คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของสมาชิก เพื่อคุณภาพห้องราชดำเนิน
ปรับพฤติกรรมและแนวคิดของสมาชิกทุกคน เพื่อคุณภาพของห้องนี้
ที่
“เคยได้รับการยอมรับโดยทั่วไป”
โดยนำบทเรียนที่ขมขื่น เจ็บปวด ของสมาชิกกลุ่มหลังไมค์ทั้งสองฝ่าย เป็นสารตั้งต้น
จขกท.ขออนุญาตสรุปข้อมูลที่ได้เป็นบทเรียนสำหรับสมาชิกในห้องนี้ด้วยกันคะ
เป็นความเห็นส่วนตัวจริงๆ ซึ่งไม่กล้าพูดว่าถูกหรือผิด เพียงแต่เป็นข้อเสนอ
เพื่อพิ’ณากันค่ะ
ท่ามกลางความสับสน ยุ่งเหยิงและเจ็บปวดของสมาชิกทั้งหลายนั้น
สมาชิกอื่นๆกลับได้
“ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง” ว่า
มีอาสาสมัคร รปภ.ในระดับสมาชิกจริง
“รปภ” ที่มีหน้าที่ปกป้องสมาชิกฝ่ายเดียวกัน และดี๊สเครดิตฝ่ายตรงข้าม
น่าตกใจค่ะ แต่ก็เป็นเรื่องดีที่สมาชิกทั้งหลายได้รับรู้…และสมควรรู้ด้วย
แต่ข้อดีจริงๆคือ...ข้อมูลเท่านี้กลับเพียงพอที่เราจะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสของห้องได้เลยคะ
การแก้ปัญหาให้ลุล่วง สำคัญที่สุดคือ เราค้นหา “เหตุแห่งปัญหา”พบหรือไม่
จากเรื่องราวใหญ่โต…อันที่จริงไม่มีอะไรซับซ้อน นอกจากการรวมกลุ่มของสมาชิก
เป็นทีมงานเฉพาะกิจเพื่อต่อสู้กับสมาชิกต่างความคิดเห็น
เรียนถามเพื่อนสมาชิกในบอร์ดทุกท่านว่า…
เรามีความจำเป็นอย่างไร กับการสร้างกลยุทธ์การต่อสู้ชนิดนี้คะ
ถึงเราจะสร้างกลุ่มก้อนสมาชิกเพื่อพันธกิจเยี่ยงนี้ ถามว่า
“ความสำเร็จอยู่ที่ใด” และที่ผ่านมา “สำเร็จหรือไม่” หรือ “ล้มเหลวหมดรูป”
ถ้าวัตถุประสงค์คือการกำจัดสมาชิกที่เห็นต่างออกจากบอร์ดไปละก็..
ไม่มีทางเป็นเป็นไปได้เลย…ภายใต้กฎระเบียบใหม่สำหรับการสมัครสมาชิกห้องในวันนี้
และผลงานจากพฤติกรรมแบบนี้ได้ทำให้สมาชิกต่างฝ่ายให้อาย ให้กลัว ให้ทดท้อ ฯลฯ
ได้สำเร็จแล้วกี่ราย? และตัวผู้กระทำได้รับผลดีหรือเสียหายร้ายแรงตามมา?
ผลที่เกิดขึ้นในบอร์ดเวลานี้ น่าจะให้ข้อคิดและบทเรียนกับสมาชิกทุกท่านได้นะคะ
แบบซาบซึ้งตรึงใจจริงๆด้วย
จขกท.จึงถือว่านี่เป็นวิกฤตที่เราต้องหยุดที่ต้นเหตุแห่งปัญหาเพื่อโอกาส
ที่จะทำให้ห้องสนทนาการเมืองของเราพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น ธรรมชาติขึ้น
“กลยุทธ์การสร้างกลุ่มเฉพาะกิจหลังไมค์เพื่อต่อสู้ทางความคิดกับต่างฝ่าย”
ควรยุติเด็ดขาด
“หลังไมค์” ควรถูกใช้ตามวัตถุประสงค์ของบอร์ดที่จัดให้สมาชิกเท่านั้น
จขกท.เห็นว่า
“ถ้าไม่มีกลุ่มจัดตั้งโดยมีภารกิจร่วมเช่นว่า” ปัญหาความบาดหมาง
ทั้งในระหว่างสมาชิกในกลุ่มเดียวกัน และต่างฝ่าย ต่างกลุ่ม จะหมดไปและไม่เกิดอีก
การปล่อยให้สมาชิกแต่ละท่าน ได้เป็นตัวของตัวเอง ได้แสดงความคิดเห็นโดยอิสระ
ปราศจากการครอบงำจากกลุ่ม ถึงแม้จะโต้แย้งกันบ้าง ทุ่มเถียงกันบ้าง จะไม่รุนแรง
ถ้าไม่มีฝ่ายสนับสนุนที่เป็นกองกำลังจัดตั้งเข้าร่วมวง…จริงมั้ยคะ?
โดยสรุป จขกท.จึงเสนอให้ “ยุติแนวคิดการจัดตั้ง รปภ.ของกลุ่ม” ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดค่ะ
ขอเสนอให้ทุกสมาชิกสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องหวาดผวา
ไม่ต้องถูกรบกวนด้วยขบวนการ
“เฉพาะกิจ” ที่ถูกจัดตั้งขึ้น
การแสดงความคิดเห็นควรเป็นไปตามครรลองของแต่ละบุคคลที่เป็นธรรมชาติ
โดยไม่จำเป็นต้องยึดโยงกับอะไรและกับใคร…ดีมั้ยคะ
สมาชิกมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างคะ กับข้อเสนอนี้?
<><> พลิกวิกฤตเป็นโอกาสดีกว่าค่ะ สมาชิกราชดำเนิน <><>
ทั้งภาพพจน์ของสมาชิกและของห้องสนทนาการเมืองราชดำเนินพันทิป
มองในมุมปกติก็จะเสียความรู้สึกมากๆ ไม่เป็นผลดีกับใครทั้งนั้น
และการตัดสินใจ“ยอมหยุดจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง”น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
แต่เมื่อดูตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎ “การหยุด” น่าจะทำได้ยากมากเลย
ดังนั้นความเสียหายที่ตามมานับวันแต่จะมากขึ้น ถือว่าเป็นวิกฤตของจริง
WM ใช้วิธี “ลบกระทู้และ คคห.” เพื่อรักษากฎระเบียบของห้อง
แต่ก็ดังที่ทราบ ไม่เกิดผลที่เป็นรูปธรรมอันใด
ดังนั้น จขกท.ขอเสนอสมาชิกห้องนี้ให้พลิกวิกฤตเป็นโอกาสกันคะ
พลิกอย่างไร จึงถือได้ว่าเป็นโอกาสของห้อง
“โอกาส” คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของสมาชิก เพื่อคุณภาพห้องราชดำเนิน
ปรับพฤติกรรมและแนวคิดของสมาชิกทุกคน เพื่อคุณภาพของห้องนี้
ที่“เคยได้รับการยอมรับโดยทั่วไป”
โดยนำบทเรียนที่ขมขื่น เจ็บปวด ของสมาชิกกลุ่มหลังไมค์ทั้งสองฝ่าย เป็นสารตั้งต้น
จขกท.ขออนุญาตสรุปข้อมูลที่ได้เป็นบทเรียนสำหรับสมาชิกในห้องนี้ด้วยกันคะ
เป็นความเห็นส่วนตัวจริงๆ ซึ่งไม่กล้าพูดว่าถูกหรือผิด เพียงแต่เป็นข้อเสนอ
เพื่อพิ’ณากันค่ะ
ท่ามกลางความสับสน ยุ่งเหยิงและเจ็บปวดของสมาชิกทั้งหลายนั้น
สมาชิกอื่นๆกลับได้ “ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง” ว่า มีอาสาสมัคร รปภ.ในระดับสมาชิกจริง
“รปภ” ที่มีหน้าที่ปกป้องสมาชิกฝ่ายเดียวกัน และดี๊สเครดิตฝ่ายตรงข้าม
น่าตกใจค่ะ แต่ก็เป็นเรื่องดีที่สมาชิกทั้งหลายได้รับรู้…และสมควรรู้ด้วย
แต่ข้อดีจริงๆคือ...ข้อมูลเท่านี้กลับเพียงพอที่เราจะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสของห้องได้เลยคะ
การแก้ปัญหาให้ลุล่วง สำคัญที่สุดคือ เราค้นหา “เหตุแห่งปัญหา”พบหรือไม่
จากเรื่องราวใหญ่โต…อันที่จริงไม่มีอะไรซับซ้อน นอกจากการรวมกลุ่มของสมาชิก
เป็นทีมงานเฉพาะกิจเพื่อต่อสู้กับสมาชิกต่างความคิดเห็น
เรียนถามเพื่อนสมาชิกในบอร์ดทุกท่านว่า…
เรามีความจำเป็นอย่างไร กับการสร้างกลยุทธ์การต่อสู้ชนิดนี้คะ
ถึงเราจะสร้างกลุ่มก้อนสมาชิกเพื่อพันธกิจเยี่ยงนี้ ถามว่า
“ความสำเร็จอยู่ที่ใด” และที่ผ่านมา “สำเร็จหรือไม่” หรือ “ล้มเหลวหมดรูป”
ถ้าวัตถุประสงค์คือการกำจัดสมาชิกที่เห็นต่างออกจากบอร์ดไปละก็..
ไม่มีทางเป็นเป็นไปได้เลย…ภายใต้กฎระเบียบใหม่สำหรับการสมัครสมาชิกห้องในวันนี้
และผลงานจากพฤติกรรมแบบนี้ได้ทำให้สมาชิกต่างฝ่ายให้อาย ให้กลัว ให้ทดท้อ ฯลฯ
ได้สำเร็จแล้วกี่ราย? และตัวผู้กระทำได้รับผลดีหรือเสียหายร้ายแรงตามมา?
ผลที่เกิดขึ้นในบอร์ดเวลานี้ น่าจะให้ข้อคิดและบทเรียนกับสมาชิกทุกท่านได้นะคะ
แบบซาบซึ้งตรึงใจจริงๆด้วย
จขกท.จึงถือว่านี่เป็นวิกฤตที่เราต้องหยุดที่ต้นเหตุแห่งปัญหาเพื่อโอกาส
ที่จะทำให้ห้องสนทนาการเมืองของเราพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น ธรรมชาติขึ้น
“กลยุทธ์การสร้างกลุ่มเฉพาะกิจหลังไมค์เพื่อต่อสู้ทางความคิดกับต่างฝ่าย”
ควรยุติเด็ดขาด
“หลังไมค์” ควรถูกใช้ตามวัตถุประสงค์ของบอร์ดที่จัดให้สมาชิกเท่านั้น
จขกท.เห็นว่า “ถ้าไม่มีกลุ่มจัดตั้งโดยมีภารกิจร่วมเช่นว่า” ปัญหาความบาดหมาง
ทั้งในระหว่างสมาชิกในกลุ่มเดียวกัน และต่างฝ่าย ต่างกลุ่ม จะหมดไปและไม่เกิดอีก
การปล่อยให้สมาชิกแต่ละท่าน ได้เป็นตัวของตัวเอง ได้แสดงความคิดเห็นโดยอิสระ
ปราศจากการครอบงำจากกลุ่ม ถึงแม้จะโต้แย้งกันบ้าง ทุ่มเถียงกันบ้าง จะไม่รุนแรง
ถ้าไม่มีฝ่ายสนับสนุนที่เป็นกองกำลังจัดตั้งเข้าร่วมวง…จริงมั้ยคะ?
โดยสรุป จขกท.จึงเสนอให้ “ยุติแนวคิดการจัดตั้ง รปภ.ของกลุ่ม” ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดค่ะ
ขอเสนอให้ทุกสมาชิกสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องหวาดผวา
ไม่ต้องถูกรบกวนด้วยขบวนการ “เฉพาะกิจ” ที่ถูกจัดตั้งขึ้น
การแสดงความคิดเห็นควรเป็นไปตามครรลองของแต่ละบุคคลที่เป็นธรรมชาติ
โดยไม่จำเป็นต้องยึดโยงกับอะไรและกับใคร…ดีมั้ยคะ
สมาชิกมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างคะ กับข้อเสนอนี้?