คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
					
				
								 ความคิดเห็นที่ 2
																			
								
									
								
														
						
					 อาจเกิดจากพฤติกรรมการตอบสนองแบบมีเงื่อนไขครับ ลองอ่านบทความนี้ดู ละกันครับ
การเรียนรู้แบบมีเงื่อนไข
การเรียนรู้แบบมีเงื่อนไข เป้นพฤติกรรมของสัตวืที่แสดงออกมาเพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้า 2 ชนิดที่มากระตุ้นตามลำดับ ดังนี้
1. เมื่อมีสิ่งเร้าชนิดแรกซึ่งเรียกว่า สิ่งเร้าแท้จริงหรือสิ่งเร้าที่ไม่มีเงื่อนไข (unconditioning stimulus) มากระตุ้นสัตว์จะแสดงการตอบสนองที่มีแบบแผนปกติต่อสิ่งเร้ารั้น
2. ขณะที่คงมีการกระตุ้นจากสิ่งเร้าชนิดแรก เมื่อนำสิ่งเร้าชนิดที่ 2 ซึ่งเรียกว่า สิ่งเร้าไม่แท้จริงหรือสิ่งเร้าที่มีเงื่อนไข (conditioning stimulus) มากระตุ้นพร้อมกับสิ่งเร้าชนิดแรกและให้มีการกระตุ้นจากสิ่งเร้าชนิดที่ 2 เพียงอย่างเดียว สัตว์จะมีการตอบสนองที่มีการตอบสนองที่มีแบบแผนเหมือนกับที่กระตุ้นด้วยสิ่งเร้าชนิดแรก ทั้งๆ ที่โดยปกติแล้ว สิ่งเร้าชนิดที่ 2 ไม่ทำให้เกิดการตอบสนองเลย
ตัวอย่างการเรียนรู้แบบมีเงื่อนไข เช่น
- การทดลองของอิวาน พาฟลอฟ (Ivan Pavlov) นักจิตวิทยาชาวรัสเซีย ซึ่งทดลองกับสุนัขพบว่า ตามปกติเมื่อให้อาหารสุนัข สุนัขจะแสดงพฤติกรรมแบบรีเฟล็กซ์ คือ มีน้ำลายไหลออกมาทันทีที่กินอาหาร เนื่องจากมีการนำกระแสประสาทจากตุ่มรับรสที่ลิ้น (tasle bud) ผ่านไปที่สมอง แล้วส่งมาตามเซลล์ประสาทนำคำสั่งไปที่ต่อมน้ำลาย (salivary gland) กระตุ้นให้น้ำลายไหล ในการทดลองตอนแรกพาฟลอฟสั่นกระดิ่งพบว่า สุนัขไม่สดงพฤติกรรมน้ำลายไหล ต่อมาจึงสั่นกระดิ่งพร้อมกับให้อาหารและทำเช่นนี้ติดต่อกันหลายๆวันในที่สุดเมื่อสั่นกระดิ่งเพียงอย่างเดียว สุนัขก็น้ำลายไหลได้ทั้งๆ ที่ไม่มีอาหารซึ่งพาฟลอฟอธิบายว่า พฤติกรรมของสุนัขเช่นนี้ มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้า 2 ชนิด คือ อาหาร ซึ่งเป็นสิ่งเร้าที่ไม่มีเงื่อนไข เพราะเป็นตัวกระตุ้นให้สุนัขน้ำลายไหลได้ตามธรรมชาติกับเสียงกระดิ่ง ซึ่งเป็นสิ่งเร้าที่มีเงื่อนไข เพราะสุนัขเกิดการเรียนรู้ว่าเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งก็จะได้กินอาหารด้วย ต่อมาแม้จะสั่นกระดิ่งเพียงครั้งเดียวก็ยังคงกระตุ้นให้แสดงพฤติกรรมเหมือนกับเมื่อกระตุ้นสิ่งเร้าทั้ง 2 อย่าง คือ น้ำลายไหล ซึ่งเป็นปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ นั่นคือ สิ่งเร้า 2 ชนิด เกิดความสัมพันธ์กัน โดยสิ่งเร้าชนิดที่ 2 (เสียงกระดิ่ง) ไปแทนที่สิ่งเร้าชนิดแรก (อาหาร) และชักนำให้เกิดพฤติกรรมเดียวกันได้
								การเรียนรู้แบบมีเงื่อนไข
การเรียนรู้แบบมีเงื่อนไข เป้นพฤติกรรมของสัตวืที่แสดงออกมาเพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้า 2 ชนิดที่มากระตุ้นตามลำดับ ดังนี้
1. เมื่อมีสิ่งเร้าชนิดแรกซึ่งเรียกว่า สิ่งเร้าแท้จริงหรือสิ่งเร้าที่ไม่มีเงื่อนไข (unconditioning stimulus) มากระตุ้นสัตว์จะแสดงการตอบสนองที่มีแบบแผนปกติต่อสิ่งเร้ารั้น
2. ขณะที่คงมีการกระตุ้นจากสิ่งเร้าชนิดแรก เมื่อนำสิ่งเร้าชนิดที่ 2 ซึ่งเรียกว่า สิ่งเร้าไม่แท้จริงหรือสิ่งเร้าที่มีเงื่อนไข (conditioning stimulus) มากระตุ้นพร้อมกับสิ่งเร้าชนิดแรกและให้มีการกระตุ้นจากสิ่งเร้าชนิดที่ 2 เพียงอย่างเดียว สัตว์จะมีการตอบสนองที่มีการตอบสนองที่มีแบบแผนเหมือนกับที่กระตุ้นด้วยสิ่งเร้าชนิดแรก ทั้งๆ ที่โดยปกติแล้ว สิ่งเร้าชนิดที่ 2 ไม่ทำให้เกิดการตอบสนองเลย
ตัวอย่างการเรียนรู้แบบมีเงื่อนไข เช่น
- การทดลองของอิวาน พาฟลอฟ (Ivan Pavlov) นักจิตวิทยาชาวรัสเซีย ซึ่งทดลองกับสุนัขพบว่า ตามปกติเมื่อให้อาหารสุนัข สุนัขจะแสดงพฤติกรรมแบบรีเฟล็กซ์ คือ มีน้ำลายไหลออกมาทันทีที่กินอาหาร เนื่องจากมีการนำกระแสประสาทจากตุ่มรับรสที่ลิ้น (tasle bud) ผ่านไปที่สมอง แล้วส่งมาตามเซลล์ประสาทนำคำสั่งไปที่ต่อมน้ำลาย (salivary gland) กระตุ้นให้น้ำลายไหล ในการทดลองตอนแรกพาฟลอฟสั่นกระดิ่งพบว่า สุนัขไม่สดงพฤติกรรมน้ำลายไหล ต่อมาจึงสั่นกระดิ่งพร้อมกับให้อาหารและทำเช่นนี้ติดต่อกันหลายๆวันในที่สุดเมื่อสั่นกระดิ่งเพียงอย่างเดียว สุนัขก็น้ำลายไหลได้ทั้งๆ ที่ไม่มีอาหารซึ่งพาฟลอฟอธิบายว่า พฤติกรรมของสุนัขเช่นนี้ มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้า 2 ชนิด คือ อาหาร ซึ่งเป็นสิ่งเร้าที่ไม่มีเงื่อนไข เพราะเป็นตัวกระตุ้นให้สุนัขน้ำลายไหลได้ตามธรรมชาติกับเสียงกระดิ่ง ซึ่งเป็นสิ่งเร้าที่มีเงื่อนไข เพราะสุนัขเกิดการเรียนรู้ว่าเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งก็จะได้กินอาหารด้วย ต่อมาแม้จะสั่นกระดิ่งเพียงครั้งเดียวก็ยังคงกระตุ้นให้แสดงพฤติกรรมเหมือนกับเมื่อกระตุ้นสิ่งเร้าทั้ง 2 อย่าง คือ น้ำลายไหล ซึ่งเป็นปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ นั่นคือ สิ่งเร้า 2 ชนิด เกิดความสัมพันธ์กัน โดยสิ่งเร้าชนิดที่ 2 (เสียงกระดิ่ง) ไปแทนที่สิ่งเร้าชนิดแรก (อาหาร) และชักนำให้เกิดพฤติกรรมเดียวกันได้
 แสดงความคิดเห็น
				
	        
				
	        
				
				 
 
		
				
 	 
			 
						 
							 
							 
							 
							 
							


 
 





 
 


[ถามหมอสมอง]มีโรคเกี่ยวกับเสียงแบบแปลกๆบ้างไหมครับ?
ได้ยินเสียงดังๆแล้วโมโห
ได้ยินเสียงดังๆแล้วง่วง
ได้ยินเสียงดังๆแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศ
อะไรประเภทนี้อะครับ