สแกนห้องเครื่องบินไทย

นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะไม่กู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หากการพิจารณาแผนฟื้นกิจการของการบินไทยไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบาย และกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซุปเปอร์บอร์ด ที่สั่งให้การบินไทยต้องชำระบัญชี หรือ Due diligence เพื่อสำรวจมูลค่าองค์กรที่แท้จริง “การบินไทยมีปัญหาสภาพคล่องในปีนี้ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถดำเนินการกู้เงินได้ด้วยตัวเอง โดยกระทรวงการคลังไม่ต้องค้ำประกัน อีกทั้งการบินไทยยังมีแผนที่จะขายเครื่องบินในฝูงบินออกไป 3-4 ลำ เมื่อรวมกับเงินกู้ 2,000-3,000 ล้านบาทก็น่าจะเพียงพอต่อการดำเนินกิจการในปีนี้ แต่ในปีหน้าเมื่อแผนการฟื้นฟูกิจการผ่านความเห็นชอบจากซุปเปอร์บอร์ด กระทรวงการคลังจะกู้เงินให้”

นายรังสรรค์ กล่าวว่า รัฐวิสาหกิจทั้ง 7 แห่ง เช่น บริษัท การบินไทย บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และธนาคารเฉพาะกิจ 2 แห่งต้องทำ Due diligence ให้เสร็จภายใน 3 เดือน ตามมติของซุปเปอร์บอร์ด “การทำ Due diligence เพื่อสำรวจมูลค่าทรัพย์สินขององค์กรเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เพราะที่ผ่านมา มีข้อมูลบางเรื่องซุกอยู่ใต้พรม ซุปเปอร์บอร์ดต้องการทราบว่า ที่ซุกอยู่ใต้พรมมันคืออะไร มีความเสียหายและรัฐได้ประโยชน์หรือไม่ หากสัญญาใดมีการทุจริตก็จะได้ลงโทษต่อไป”

นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะเดินสายพูดคุยกับผู้บริหารรัฐวิสาหกิจทั้ง 7 แห่งให้สามารถทำ Due diligence ได้ตามกำหนด 3 เดือน จากที่ไม่เคยมีการทำเรื่องดังกล่าวมาก่อน.

ที่มา  

http://thairath.co.th/content/443587