เมื่อคนเป็นหัวหน้า...เป็นร่างทรง...ให้คนเจ้าเล่ห์...ใช้ทำลายคน

กระทู้สนทนา
เมื่อคนเป็นหัวหน้า...กลายเป็นร่างทรง...ให้คนเจ้าเล่ห์...ใช้ทำลายคน..

       ผมมีนิทานมาเล่าให้ฟัง มันเสมือนชีวิตจริงเรื่องหนึ่ง กล่าวคือ สมัยทำงานอยู่บริษัทฯ ฝรั่งข้ามชาติ นาย ป..เป็นหัวหน้าที่มีอุปสัยเป็นคนตระหนี่ ขี้เหนียว เห็นแก่ตัวและกลัวเมียเป็นที่สุด แต่ชอบกินฟรี ดื่มฟรี และมีวิสัยทัศน์คับแคบ
       นายส..เป็นพนักงานธรรมดา มีอุปนิสัยประจำตัวคือ ฆ่าน้อง ฟ้องนาย และ ขายเพื่อน เรียกว่า เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่นตลอดเวลา มีนิสัยอิจฉาริษยาคน เจ้าคิดเจ้าแค้นไปเสียทุกเรื่อง และ มักวางแผนชั่วๆ ใส่ร้ายคนอื่นลับหลังเสมอ
       ด้วยนิสัยเจ้าเล่ห์ของนาย ส..ที่รู้ดีว่า ความรู้ความสามารถของตัวเองไม่ได้เก่งจริง ตามปากและภาพที่สร้างชึ้น จึงต้องใช้วิธีทำลายความเชื่อถือของผู้อื่นแทน ด้วยวิธี"หวังดี(แต่ประสงค์ร้าย)" ให้หัวหน้าฟังตลอดเวลา เพื่อตัวเองจะได้รับความเชื่อถือแทน และเขาได้ทำอย่างนี้ตลอดชีวิตการทำงานของเขา จนเป็นที่สะอิดสะเอียนของผู้ร่วมงาน แต่การกระทำของเขาไม่มีหัวหน้าคนไหน สามารถจัดการกับพฤติกรรมเลวๆได้ หากมีใครมาแตะการกระทำของเขา เขาจะมีอาการโมโหโกรธา กระฟัดกระเฟียด ด่าแมร่ง...ผี....ไม่ยอมรับเหตุผลใดๆ..ทั้งสิ้น เขาจะคิดตลอดเวลาว่า เขาคือความถูกต้อง ทุกคนต้องทำตามที่เขาต้องการ จนไม่มีใครอยากจะไปตอแยกับเขา ซึ่งก็ตรงกับเป้าประสงค์ของเขาพอดี
      แต่คนอย่างเขา รู้ตัวดีว่าสร้างศัตรูเอาไว้เยอะ จึงจำเป็นต้องหาเกราะกำบังเอาไว้พิงและเป็นตัวช่วย หากมีใครคิดจะเล่นงานเขา เขาก็จะได้ใช้เป็นเกราะป้องกันและหากต้องการสิทธิพิเศษก็จะขอให้ออกหน้าแทน  ด้วยความคิดเช่นนี้ เขาจึงพยายามจับพวกหัวหน้ามาเป็นพวก(สมุน) แต่ใครละคือคนๆนั้น เพราะแต่ละคนต่างก็รู้ดีถึงพฤติกรรมของเขา ซึ่งมีแต่คนเกลียดชัง จึงหลีกเลี่ยงที่จะคบเป็นพวกด้วย
      เมื่อยังหาหัวหน้าเป็นพวกไม่ได้ นิสัยเลวๆที่ชอบทำลายความน่าเชื่อถืออื่นลับหลัง ก็ยังคงดำเนินต่อไปตามสันดานเดิมๆ นานเข้าคนก็รู้ทันการกระทำเช่นนั้น การเอาคืนก็เกิดขึ้น เมื่อถูกทำลายความน่าเชื่อถือมา เขาก็ถูกทำลายความน่าเชื่อถือกลับไป จนเขาเก็บความโกรธแค้นและอาฆาตพยาบาทนั้นไว้เพื่อรอโอกาสชำระ
       ยิ่งมาระยะหลังๆ...ระบบการทำงานของบริษัทฯ..มีการเปลี่ยนแปลงใหม่หมด...มีการส่งพนักงานไปอบรม...กันทุกแผนก...การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้...จึงเป็นการเปิดเผยความจริงว่า...ใครเก่งจริง...หรือ...ใครเก่งแต่สร้างภาพเก่งแต่ปาก(เหมือนที่เคยเป็นมา)....เพราะเวลานำไปใช้งานจริงๆ...จะต้องแม่นยำและถูกต้อง.....แต่สิ่งที่เขานำกลับไปทำ...มันไปคนละทาง...กับที่อบรมมา...แน่นอน...เขาเกิดอาการอิจฉาริษยา...เสียหน้า..ยอมรับไม่ได้...ที่มีคนอื่นรู้เรื่องว่า..ตัวเองไม่เก่งจริง...และมีคนเก่งกว่าอีก....นี้ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง...ที่เขาจะต้องทำลายความน่าเชื่อถือของคนนั้นให้หมดไป...
      อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้น เมื่อนายป...ได้ขึ้นเป็นหัวหน้า...ก็เข้าทาง..นายส..ที่กำลังมองหาหัวหน้ามาเป็นพวก...ก็เพราะรู้ถึงนิสัยของนายป..ดีว่าเป็นพวกชอบกินชอบดื่มชอบเที่ยว แต่ไม่ชอบจ่ายตังค์ เป็นคนหัวอ่อน หลงเชื่อคนง่าย ใครมาเอาอกเอาใจสักหน่อย นายป..ก็หลงตามได้ง่าย
      เมื่อนายส..รู้ถึงจุดอ่อนของนายป..ดี จึงเสแสร้งวางแผนพานายป..ไปเลี้ยงต้อนรับ เพื่อเอามาเป็นพวก โดยพาไปกินไปดื่มไปเลี้ยงสุรา เคล้านารีอย่างเต็มที่ อย่างที่นายป..ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน และนายส..ลงทุนลงแรง เอาอกเอาใจ เลี้ยงรับรองนายป. ตลอดเวลาต่อเนื่องแบบหมอเลี้ยงไข้ จนนายป..ตายใจ หลงคิดไปว่า นายส..ดีกับกรู..จริงๆ..
      เมื่อคิดว่าเลี้ยงนายป..จนเชื่องแล้ว...ก็ถึงเวลาแห่งการถอนทุนคืน...จะป่วย จะลา จะอบรม จะทำอะไร ที่ไหน ตรงไหน ขอได้หมด ไม่สนใจกฎเกณฑ์ที่บริษัทฯวางไว้ นายป..ประเคนให้หมด เรียกว่าเอาผลประโยชน์ของบริษัทฯมาทดแทนค่าเหล้า ค่าเบียร์ ค่าอาหารที่เคยเลี้ยงไป
      โอกาสแห่งการชำระแค้น...ก็มาถึง...
      นายส..จึงวางแผนที่จะทำลายศัตรูของตนเอง ให้ผู้คน ดูหมิ่น จงเกลียดจงชัง ดูถูก ดูแคลนและเข้าใจผิด แต่จะทำได้อย่างไรละเพราะชื่อเสียงของตัวเองก็เสียหาย ไม่มีใครเชื่อถือ และไม่มีใครยอมรับอยู่แล้ว..ดังนั้น นาย ส..จึงได้ใช้นาย ป...เป็นร่างทรง..เป็นเครื่องมือ..ให้นำข้อมูลที่ เป็นเท็จ ล้าสมัย ตกแต่ง บิดเบือน ใส่ความศัตรู กล่าวหาฯทั้งรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน ไปพูดในกลุ่มเพื่อนๆของนายป..เพื่อให้ผู้ฟังเหล่านั้น จงเกลียด จงชัง เข้าใจผิด ดิสเครดิตศัตรู และก็ได้ผล เพราะหลายๆคนที่ฟังมานั้น ไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งของสองคนนี้ว่าเป็นอย่างไร และคนพวกนี้เป็นคนหลงเชื่อคนง่าย  ประสบการณ์ ชีวิตน้อย จึงไม่มีวันที่จะเข้าใจแผนชั่วๆของนาย ส..และนายป....ได้เลย ...
       การกระทำเยี่ยงนี้..ทั้งนายส..และนายป.. คิดว่าตัวเองวางแผนมาเก่งแล้ว ไม่มีใครตามทัน เขาเข้าใจผิด เพราะความจริงแล้วศัตรูของเขารู้ตัวตั้งแต่พฤติกรรมแรกๆที่นายป..ไปพูดนินทาว่าร้าย ทำลายความน่าเชื่อถือให้หัวหน้าต่างๆฟังแล้ว แต่เขาก็ปล่อยให้มันดำเนินต่อไป อยากจะพูดอยากจะทำลายก็ปล่อยไป ศัตรูของคุณ(ตามความคิดของคุณ)เขาไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นในตัวเอง ไม่ยึดติดกับคำว่าศักคิ์ศรี ไม่มองว่าตัวเองเป็นใคร และไม่ได้วิเศษวิโสกว่าใคร แค่มนุษย์เดินดินธรรมดา ใครเกลียดใครชังก็ปล่อยเขาไป แค่เข้าใจคำว่า เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย คือจุดหมายปลายทางของคนทุกคน เพียงแต่เขาเหล่านั้นยังไม่เข้าใจชีวิต แต่ศัตรูของคุณ เขาปล่อยวาง
จากนิทานเรื่องนี้พอจะสรุปหลักคิดดังนี้
          *อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นว่าผู้พูดน่าเชื่อถือ หรือมีตำแหน่งใหญ่โต
          *จงรู้ไว้ว่าข่าวที่เราได้รับเป็นข่าวที่ถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งสิ้น
          *คนจะดีจะชั่วอยู่ที่ปากของคน...ไม่ใช่ข้อเท็จจริง
          *จะเกลียดจะชังใครสักคน ให้เกิดจากการเรียนรู้ ไม่ใช่เกิดจากคำบอกเล่าหรือนินทา
          *เราเชื่อแต่คำนินทา แต่เราไม่เคยถามหาความจริง

หมายเหตุ: 1) ในความเป็นหัวหน้า อย่าได้ให้ลูกน้องไปเลี้ยงดูปูเสื่อ เพราะลูกน้องกำลังสร้างอิทธิพลต่อท่านจนท่านมิอาจปฎิเสธได้ในที่สุด
             2) คุณไม่สามารถตัดสินใครดีหรือเลว ถูกหรือผิด โดยทีคุณไม่มีข้อมูลลึกซึ้งเพียงพอโดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว หากคุณกล้าทำจะทำให้คุณพลาดอย่างยิ่ง เสียผู้เสียคนไปได้
             3)  การเป็นผู้บริหารต้องมีคุณธรรม ซื่อสัตย์  ยุติธรรม และมีหลักการบริหารโปร่งใส
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่