American History X - หนังดีที่ควรดู แต่ดูแล้วก็โคตรอึ้ง โคตรเจ็บปวดในใจครับ


American History X - หนังดีที่ควรดู แต่ดูแล้วก็โคตรอึ้ง โคตรเจ็บปวดในใจครับ

สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Pantip ทุกท่าน วันนี้ผมอยากจะมาเล่าถึงหนังเรื่องนึงที่ดูจบแล้วมันจุกในอกมากๆ หนังเรื่องนี้คือ American History X ฉายปี 1998 ครับ หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ หรืออาจจะเคยดูแล้ว แต่สำหรับผม เพิ่งมีโอกาสได้ดูจริงจังเมื่อไม่นานมานี้เอง แล้วต้องบอกเลยว่ามันเป็นหนังที่ "ดี" แบบบีบคั้นหัวใจจริงๆ ครับ

หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมหนังเก่าขนาดนี้ถึงยังน่าพูดถึงอยู่? คืออย่างนี้ครับ หนังเรื่องนี้มันไม่ได้เล่าเรื่องราวแบบทั่วไป แต่มันพาเราดำดิ่งลงไปในก้นบึ้งของปัญหาที่ยังคงเป็นประเด็นร้อนในสังคมจนถึงปัจจุบัน นั่นก็คือเรื่องของการเหยียดเชื้อชาติ ความเกลียดชัง และผลกระทบที่จะตามมาจากการเลือกเส้นทางที่ผิดพลาดครับ

เรื่องราวจะเล่าผ่านสองพี่น้องตระกูล "วิงการ์ด" ครับ คือ แดนนี่ (Edward Norton) และ เดเร็ค (Edward Furlong) ซึ่งเป็นน้องชาย เดเร็คเป็นพี่ชายที่เคยมีอุดมการณ์สุดโต่ง นำพาตัวเองไปสู่การเป็นผู้นำกลุ่มนีโอนาซีหัวรุนแรง จนต้องเข้าไปอยู่ในคุก ส่วนแดนนี่ ซึ่งเป็นน้องชายที่ยังเรียนหนังสืออยู่ ก็ได้รับอิทธิพลจากพี่ชาย กลายเป็นคนที่มีความคิดหัวรุนแรงตามไปด้วย แต่เรื่องราวทั้งหมดจะถูกเล่าผ่านมุมมองของแดนนี่ ที่คุณครูให้ทำรายงานเกี่ยวกับพี่ชายของตัวเอง เพื่อหวังจะดึงแดนนี่ออกจากเส้นทางมืดมัวนั้นครับ

สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ทรงพลังมากๆ คือการเล่าเรื่องแบบตัดสลับไปมาระหว่างอดีตและปัจจุบันครับ เราจะได้เห็นว่าเดเร็คในอดีตนั้นเป็นคนยังไง ทำไมถึงกลายเป็นนีโอนาซี? แรงจูงใจของเขาคืออะไร? แล้วอะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป? การเล่าเรื่องแบบนี้มันทำให้เราเข้าใจตัวละครได้ลึกซึ้งขึ้นครับ ไม่ใช่แค่เห็นภาพความรุนแรง แต่เรารู้สึกถึงเบื้องหลัง ความเจ็บปวด และเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเป็นแบบนั้น

การแสดงของ Edward Norton ในบท เดเร็ค นี่คือที่สุดเลยครับ คือเล่นได้แบบโคตรสมจริง โคตรน่าเชื่อถือ ตอนที่เขาเป็นนีโอนาซีหัวรุนแรง แววตา สายตา มันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ความแข็งกร้าว จนเราสัมผัสได้ถึงพลังงานด้านลบที่แผ่ออกมา แต่พอเขาออกมาจากคุก การแสดงก็เปลี่ยนไปอีกแบบ มันมีความเหนื่อยล้า ความเจ็บปวด ความสำนึกผิด และความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง มันเป็นบทบาทที่ต้องใช้อารมณ์และความสามารถสูงมากจริงๆ ครับ และเขาก็ทำได้ดีเยี่ยมจนได้รับคำชมอย่างล้นหลาม

ส่วน Edward Furlong ในบท แดนนี่ ก็แสดงได้ดีไม่แพ้กันครับ เราจะได้เห็นพัฒนาการของตัวละครที่ค่อยๆ ถูกชักจูงไปในทางที่ผิด และเราก็จะรู้สึกสงสารตัวละครนี้ ที่กำลังเดินตามรอยพี่ชายไปอย่างช้าๆ ครับ

ภาพในหนังหลายๆ ฉากมันติดตามากๆ ครับ โดยเฉพาะฉากที่เดเร็คใช้ความรุนแรงในอดีต มันไม่ได้ฉายแบบโหดร้ายทารุณจนเกินไป แต่มันเน้นให้เห็นถึงผลลัพธ์ของความเกลียดชังที่น่าสะพรึงกลัว ฉากที่เป็นสัญลักษณ์ของนีโอนาซี หรือฉากที่แสดงถึงการต่อสู้ระหว่างกลุ่มต่างๆ มันทำให้เรารู้สึกถึงความขัดแย้งที่รุนแรงในสังคมอเมริกันยุคนั้น

สิ่งที่ผมประทับใจมากๆ อีกอย่างคือ หนังเรื่องนี้ไม่ได้แค่เล่าถึงปัญหา แต่พยายามจะนำเสนอ "ทางออก" หรือ "การเปลี่ยนแปลง" ครับ มันแสดงให้เห็นว่าความเกลียดชังมันสร้างวงจรที่ไม่มีวันจบสิ้น มีแต่จะยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็แสดงให้เห็นว่า "การให้อภัย" และ "การยอมรับความแตกต่าง" คือหนทางที่จะหลุดพ้นจากวังวนนั้นได้

ฉากที่เดเร็คคุยกับคุณครูของแดนนี่ หรือฉากที่เดเร็คพยายามจะอธิบายให้แดนนี่ฟัง มันเป็นฉากที่กินใจมากๆ ครับ ทำให้เราได้คิดตามว่าจริงๆ แล้ว "คนเรามันไม่ได้เกิดมาพร้อมความเกลียดชัง" แต่เป็นสิ่งแวดล้อม สังคม และประสบการณ์ที่หล่อหลอมให้คนเป็นแบบนั้น

ดูหนังเรื่องนี้แล้วผมนึกถึงคำพูดที่ว่า "ความเกลียดชัง คือ ความโง่เขลา" (Hate is a really dumb thing) มันเป็นคำพูดที่ตรงไปตรงมา แต่ก็คมคายมากๆ ครับ หนังเรื่องนี้มันสะท้อนให้เห็นว่า การยึดติดกับอุดมการณ์ที่ผิดๆ หรือการมองคนอื่นด้วยอคติ มันจะนำพาไปสู่หายนะเสมอ

ถึงแม้ว่าหนังจะจบแบบที่ทำให้เราเจ็บปวดใจ แต่ผมว่ามันเป็นความเจ็บปวดที่ "คุ้มค่า" ที่จะได้ดูครับ มันทำให้เราตระหนักถึงปัญหาที่แท้จริงในสังคม และกระตุ้นให้เราคิดถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

ถ้าใครยังไม่เคยดู American History X ผมแนะนำเลยครับว่าควรหามาดูสักครั้ง ถึงแม้ว่ามันอาจจะทำให้คุณรู้สึกอึดอัด เศร้า หรือไม่สบายใจในบางช่วง แต่รับรองว่ามันเป็นหนังที่จะอยู่ในความทรงจำของคุณไปอีกนานแน่นอนครับ เป็นหนังที่ทำให้เราตั้งคำถามกับตัวเอง และกับสังคมที่เราอยู่

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ ใครเคยดูแล้วมาแชร์ความรู้สึกกันได้นะครับ หรือใครยังไม่เคยดู ลองไปหามาดู แล้วมาคุยกันครับ ผมพร้อมรับฟังทุกความเห็นครับผม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่