การผลักให้คนเลือกข้างการไล่ล่าและสร้างอาณาจักรแห่งความกลัว
"ใครไม่ได้อยู่ฝ่ายเราผู้นั้นเป็นศัตรูกับเรา"
การใช้ความเกลียดชังหล่อเลี้ยงความเกลียดชัง ดูถูกเหยียดหยามคนคิดต่าง หรือแม้กระทั่งหักหาญเอาด้วยกำลังโดยการรัฐประหาร
อาจทำให้คนหัวหดได้ในระยะหนึ่ง อาจทำให้คนเงียบได้ชั่วขณะเพราะไม่อยากมีเรื่อง และอาจทำให้ได้ชัยชนะทางการเมืองในช่วงเสี้ยวเวลา
แต่จงจำไว้ว่า จะไม่มีทางได้รับชัยชนะที่แท้จริงและได้การยอมรับจากผู้คน
คนที่เป็นผู้นำในการเคลื่อนไหวแบบนี้ล้วนมีชะตากรรมเดียวกันคือ
กลายเป็น
"เบี้ยที่ถูกละทิ้ง"
ไล่มาตั้งแต่
... สนธิ ลิ้ม ซึ่งไม่ได้แม้แต่เศษเนื้อข้างเขียง แต่กลับได้อภินันทนาการเป็นลูกตะกั่วจากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม
... สนธิ บัง ซึ่งกลายเป็นรอยด่างประวัติศาสตร์ ไร้ซึ่งอำนาจไร้คนเคารพนับถือ โดนดูถูกจากทุกฝ่ายทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติ
คนเหล่านี้เป็นเครื่องมือขนานแท้ เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ยอมเปลืองตัวมาเล่นบทพวกนี้ เข้ามารับช่วงอำนาจเสร็จแล้วก็กลับไปเสวยสุขต่อ โดยปล่อยให้คนเป็นเครื่องมือใช้ชีวิตเหลืออย่างดับอนาถทั้งเป็น
สุเทพนั้นไม่ต้องพูดถึง เสียจนไม่มีอะไรจะเสียแล้ว อนาคตไม่รู้จะเป็นอย่างไร แค่จะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างปกติสุขแบบคนทั่วไปก็ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่
แต่ที่กำลังอยู่ทางแพร่งที่น่าหวาดเสียวคือ ผบ.ทบ.
ลำพังแค่รายได้และเกียรติยศหลังการเกษียณก็เพียงพอให้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขได้แบบเหลือเฟือ ... แบบที่มากกว่าคนธรรมดาทั่วไปด้วยซ้ำ
แต่หากตัดสินใจพลาด สิ่งที่รออยู่อาจเป็น "หายนะ" ไม่ต้องพูดอะไรมากรุ่นพี่อย่าง สุจินดา อิสระพงศ์ เป็นตัวอย่าง
ขึ้นอยู่กับว่าท่านอยากให้จารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์แบบไหน และอยากมีเกียรติยศอย่างเต็มภาคภูมิเช่นทหารอาชีพหรือไม่ .. แล้วเราจะได้เห็นกัน
ยุทธศาสตร์แบบที่ กปปส. ทำไม่มีทางเป็นชัยชนะที่ยั่งยืน มีแต่จะสร้างความแตกแยก เกลียดชัง ร้าวลึก
สมองของคนวางยุทธศาสตร์แบบนี้ แบ่งคนออกเป็นแค่สองพวก คือพวก กปปส.และศัตรูของ กปปส.
แคบ ตื้น คุกคาม เห็นแก่ตัว และด้อยปัญญา
ละเลยความหลากหลายในสังคม ไม่เคารพความเห็นและสิทธิ์ของผู้อื่น บางคนอาจไม่ชอบเพื่อไทยด้วยซ้ำ แต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่ กปปส.ทำ ก็ไปผลักเขาให้อยู่ฝ่ายตรงข้าม
ด้วยเหตุนี้แนวร่วมจึงน้อยลงเรื่อย ๆ ความชอบธรรมก็หมดลงเช่นเดียวกัน
เมื่อคุณหว่านความเกลียดชังคุณย่อมได้รับความเกลียดชัง
เมื่อคุณสร้างความกลัวคุณได้เห็นการลุกขึ้นสู้
เมื่อคุณดูถูกดูหมิ่นคุณจะได้รับการต่อต้าน
เมื่อคุณบังคับคุณจะไม่ได้รับความร่วมมือ
นี่เป็นกฏเกณฑ์ธรรมดาทั่วไป
กปปส.ใช้วิธีเหล่านี้รังแต่จะกัดกินและทำลายตัวเอง และถ้าไม่มีอำนาจนอกระบบมาช่วย ก็จะเฉาและสลายตัวไปเอง
แต่ถ้ามีอำนาจนอกระบบมาช่วย จะกลายเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ และบอกได้เลยว่าสิ่งที่รออยู่คือความตกต่ำล่มจม
จำกัดสิทธิ์ ข่มขู่ ดูถูก และคิดแทน
ยุทธศาสตร์แบบนี้นอกจากไม่ได้ผลไม่ได้รับชัยชนะแล้ว รังแต่จะกัดกร่อนตัวเองและสร้างความวิบัติและความบอบช้ำ
ไม่มีทางใดเลยที่สร้างความปกติสุขให้กับประเทศได้เท่ากับการกลับเข้าสู่กติกาและการมีประชาธิปไตยแบบธรรมชาติ
ยุทธศาสตร์ของ กปปส.และขบวนการ : ยุทธศาสตร์ที่ไม่มีวันชนะ
"ใครไม่ได้อยู่ฝ่ายเราผู้นั้นเป็นศัตรูกับเรา"
การใช้ความเกลียดชังหล่อเลี้ยงความเกลียดชัง ดูถูกเหยียดหยามคนคิดต่าง หรือแม้กระทั่งหักหาญเอาด้วยกำลังโดยการรัฐประหาร
อาจทำให้คนหัวหดได้ในระยะหนึ่ง อาจทำให้คนเงียบได้ชั่วขณะเพราะไม่อยากมีเรื่อง และอาจทำให้ได้ชัยชนะทางการเมืองในช่วงเสี้ยวเวลา
แต่จงจำไว้ว่า จะไม่มีทางได้รับชัยชนะที่แท้จริงและได้การยอมรับจากผู้คน
คนที่เป็นผู้นำในการเคลื่อนไหวแบบนี้ล้วนมีชะตากรรมเดียวกันคือ
กลายเป็น "เบี้ยที่ถูกละทิ้ง"
ไล่มาตั้งแต่
... สนธิ ลิ้ม ซึ่งไม่ได้แม้แต่เศษเนื้อข้างเขียง แต่กลับได้อภินันทนาการเป็นลูกตะกั่วจากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม
... สนธิ บัง ซึ่งกลายเป็นรอยด่างประวัติศาสตร์ ไร้ซึ่งอำนาจไร้คนเคารพนับถือ โดนดูถูกจากทุกฝ่ายทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติ
คนเหล่านี้เป็นเครื่องมือขนานแท้ เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ยอมเปลืองตัวมาเล่นบทพวกนี้ เข้ามารับช่วงอำนาจเสร็จแล้วก็กลับไปเสวยสุขต่อ โดยปล่อยให้คนเป็นเครื่องมือใช้ชีวิตเหลืออย่างดับอนาถทั้งเป็น
สุเทพนั้นไม่ต้องพูดถึง เสียจนไม่มีอะไรจะเสียแล้ว อนาคตไม่รู้จะเป็นอย่างไร แค่จะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างปกติสุขแบบคนทั่วไปก็ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่
แต่ที่กำลังอยู่ทางแพร่งที่น่าหวาดเสียวคือ ผบ.ทบ.
ลำพังแค่รายได้และเกียรติยศหลังการเกษียณก็เพียงพอให้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขได้แบบเหลือเฟือ ... แบบที่มากกว่าคนธรรมดาทั่วไปด้วยซ้ำ
แต่หากตัดสินใจพลาด สิ่งที่รออยู่อาจเป็น "หายนะ" ไม่ต้องพูดอะไรมากรุ่นพี่อย่าง สุจินดา อิสระพงศ์ เป็นตัวอย่าง
ขึ้นอยู่กับว่าท่านอยากให้จารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์แบบไหน และอยากมีเกียรติยศอย่างเต็มภาคภูมิเช่นทหารอาชีพหรือไม่ .. แล้วเราจะได้เห็นกัน
ยุทธศาสตร์แบบที่ กปปส. ทำไม่มีทางเป็นชัยชนะที่ยั่งยืน มีแต่จะสร้างความแตกแยก เกลียดชัง ร้าวลึก
สมองของคนวางยุทธศาสตร์แบบนี้ แบ่งคนออกเป็นแค่สองพวก คือพวก กปปส.และศัตรูของ กปปส.
แคบ ตื้น คุกคาม เห็นแก่ตัว และด้อยปัญญา
ละเลยความหลากหลายในสังคม ไม่เคารพความเห็นและสิทธิ์ของผู้อื่น บางคนอาจไม่ชอบเพื่อไทยด้วยซ้ำ แต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่ กปปส.ทำ ก็ไปผลักเขาให้อยู่ฝ่ายตรงข้าม
ด้วยเหตุนี้แนวร่วมจึงน้อยลงเรื่อย ๆ ความชอบธรรมก็หมดลงเช่นเดียวกัน
เมื่อคุณหว่านความเกลียดชังคุณย่อมได้รับความเกลียดชัง
เมื่อคุณสร้างความกลัวคุณได้เห็นการลุกขึ้นสู้
เมื่อคุณดูถูกดูหมิ่นคุณจะได้รับการต่อต้าน
เมื่อคุณบังคับคุณจะไม่ได้รับความร่วมมือ
นี่เป็นกฏเกณฑ์ธรรมดาทั่วไป
กปปส.ใช้วิธีเหล่านี้รังแต่จะกัดกินและทำลายตัวเอง และถ้าไม่มีอำนาจนอกระบบมาช่วย ก็จะเฉาและสลายตัวไปเอง
แต่ถ้ามีอำนาจนอกระบบมาช่วย จะกลายเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ และบอกได้เลยว่าสิ่งที่รออยู่คือความตกต่ำล่มจม
จำกัดสิทธิ์ ข่มขู่ ดูถูก และคิดแทน
ยุทธศาสตร์แบบนี้นอกจากไม่ได้ผลไม่ได้รับชัยชนะแล้ว รังแต่จะกัดกร่อนตัวเองและสร้างความวิบัติและความบอบช้ำ
ไม่มีทางใดเลยที่สร้างความปกติสุขให้กับประเทศได้เท่ากับการกลับเข้าสู่กติกาและการมีประชาธิปไตยแบบธรรมชาติ