สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 22
คุณเสียตัวครั้งแรกตอนไหน ???
ตอนอยู่มหาวิทยาลัยค่ะ
คุณคิดอะไรตอนยอมให้เค้าครั้งนั้น ???
คิดว่าคนนี้นิสัยทั่วไปก็ดีอยู่ น่าจะคบไปยาวจนแต่งงานได้ เพราะคบแล้วไม่เคยทะเลาะกันเลย แต่อยากรู้ว่าบนเตียงเค้าจะเป็นยังไง ก็เลยลองค่ะ
แล้วคุณคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดหรือป่าว
ไม่คิดว่าผิดพลาดค่ะ ถ้าไม่ลองนี่สิ คงพลาดครั้งใหญ่เลยล่ะ
เพราะลองแล้วก็พบว่าเค้าเห็นแก่ตัวบนเตียงมาก ลองคุยแล้วก็อีโก้สูง ไม่ยอมปรับตัว อ้างว่าใครๆก็ทำแบบนี้แหละ
คือถ้าตอนนั้นไม่ลองก็คงคบไปเรื่อยๆจนแต่งงาน แล้วก็แต่งไปทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเค้าเป็นแบบนี้บนเตียง แต่งไปแล้วคงเซ็งน่าดู
ที่สำคัญ หลังจากทำไปแล้ว ชีวิตเราก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่ได้แย่ลงหรือเสียหายอะไรเลย
บางคนคิดว่าผู้หญิงครั้งแรกเอาคืนมาไม่ได้ แต่ผู้ชายก็เอาคืนมาไม่ได้เหมือนกันนี่คะ ดังนั้นดูๆไปก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากไปกว่าผุ้ชายเลย
และการที่เราลองแล้วเลิกกับผู้ชายคนนั้น ก็ทำให้เราได้มาเจอสามีเราในตอนนี้ สามีที่นิสัยเข้ากับเราได้ทุกอย่างทั้งนอกเตียงและบนเตียง และรับเราแบบที่เราเป็นได้
ถ้าครั้งนั้นเราไม่ได้ลอง ก็คงแต่งงานไป(อย่างไม่มีความสุข)กับคนนั้น กว่าจะรู้ข้อเสียที่เค้าไม่ยอมแก้ไข ก็คงสายไปแล้ว และก็คงไม่ได้มาเจอสามีคนที่ใช่จริงๆคนนี้
ส่วนตัวเรามองว่าไม่จำเป็นต้องเก็บไว้หลังแต่งงานค่ะ เพราะการคุมกำเนิด ปัจจุบันถ้าใช้เป็น โอกาสพลาดก็น้อยมาก
เรามองว่า เซ็กส์ก็เป็นกิจกรรมนึงที่ใช้ทำความรู้จักกันระหว่างคนที่กำลังดูใจกัน เหมือนกินข้าว ดูหนัง
เรามองว่า คนส่วนมากคงไม่ยอมแต่งงานกับใครถ้ายังไม่เคยนั่งกินข้าวกับเค้ามาก่อน
แล้วทำไมถึงยอมแต่งงานร่วมเตียงกับใคร ทั้งๆที่ไม่รู้มาก่อนว่านิสัยบนเตียงเค้าเป็นยังไงล่ะ
และอย่างที่ คห 9 บอก
ต้องแยกแยะระหว่าง เซ็กส์กับรักใสๆ ออกจากกันค่ะ มันไม่เกี่ยวข้องกันเลย
บางคนมองว่า
มีเซ็กส์ = ต้องการแค่กาย ไม่จริงใจ
ไม่มีเซ็กส์ = ใสๆ รักจริง
ซึ่งในความเป็นจริงมันไม่ใช่อ่ะค่ะ
คู่ที่มีเซ็กส์กันก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะรักกันที่กายอย่างเดียว มีเซ็กส์แล้วก็รักด้วยความจริงใจ รักทั้งกายและใจได้ค่ะ ประมาณมีรักทุกอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว เพียงแต่เพิ่มกิจกรรมเซ็กส์เข้าไปแค่นั้นเอง
เรามองว่า การมีแฟนมันก็เหมือนซ้อมแต่งงาน ก่อนจะไปมีการผูกมัดกันตามกฎหมาย ก็ต้องดูกันให้ดีว่าเราจะอยู่กับคนนี้ได้มั๊ย นิสัยทุกๆด้านของ เค้าเข้ากับเราได้ขนาดไหน ข้อเสียของเค้ามีอะไรบ้าง เรารับได้ทุกข้อมั๊ย จะทดสอบได้อย่างละเอียดก็ควรทำสถานการณ์ให้ใกล้เคียงของจริงมากที่สุด
ตอนแต่งงานมันก็ต้องมีเซ็กส์กัน ต้องรักกันแบบผู้ใหญ่ แต่เวลาดูใจเอาแต่คบกันแบบใสๆ แล้วมันจะไปรู้ได้ยังไงว่าของจริงจะประมาณไหน
เหมือนไปลงชื่อแข่งวิ่งมาราธอน แต่ตอนซ้อมแค่เดินบนลู่อยู่ในบ้าน แล้วจะเห็นภาพได้ยังไงล่ะว่าแข่งจริงเราจะรอดมั๊ย ถ้าอยากรู้ว่ารอดมั๊ยก็ต้องยอมเอาตัวเองไปวิ่งนอกบ้านในระยะทางที่ใกล้เคียงกับตอนวิ่งจริง
ตอนอยู่มหาวิทยาลัยค่ะ
คุณคิดอะไรตอนยอมให้เค้าครั้งนั้น ???
คิดว่าคนนี้นิสัยทั่วไปก็ดีอยู่ น่าจะคบไปยาวจนแต่งงานได้ เพราะคบแล้วไม่เคยทะเลาะกันเลย แต่อยากรู้ว่าบนเตียงเค้าจะเป็นยังไง ก็เลยลองค่ะ
แล้วคุณคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดหรือป่าว
ไม่คิดว่าผิดพลาดค่ะ ถ้าไม่ลองนี่สิ คงพลาดครั้งใหญ่เลยล่ะ
เพราะลองแล้วก็พบว่าเค้าเห็นแก่ตัวบนเตียงมาก ลองคุยแล้วก็อีโก้สูง ไม่ยอมปรับตัว อ้างว่าใครๆก็ทำแบบนี้แหละ
คือถ้าตอนนั้นไม่ลองก็คงคบไปเรื่อยๆจนแต่งงาน แล้วก็แต่งไปทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเค้าเป็นแบบนี้บนเตียง แต่งไปแล้วคงเซ็งน่าดู
ที่สำคัญ หลังจากทำไปแล้ว ชีวิตเราก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่ได้แย่ลงหรือเสียหายอะไรเลย
บางคนคิดว่าผู้หญิงครั้งแรกเอาคืนมาไม่ได้ แต่ผู้ชายก็เอาคืนมาไม่ได้เหมือนกันนี่คะ ดังนั้นดูๆไปก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากไปกว่าผุ้ชายเลย
และการที่เราลองแล้วเลิกกับผู้ชายคนนั้น ก็ทำให้เราได้มาเจอสามีเราในตอนนี้ สามีที่นิสัยเข้ากับเราได้ทุกอย่างทั้งนอกเตียงและบนเตียง และรับเราแบบที่เราเป็นได้
ถ้าครั้งนั้นเราไม่ได้ลอง ก็คงแต่งงานไป(อย่างไม่มีความสุข)กับคนนั้น กว่าจะรู้ข้อเสียที่เค้าไม่ยอมแก้ไข ก็คงสายไปแล้ว และก็คงไม่ได้มาเจอสามีคนที่ใช่จริงๆคนนี้
ส่วนตัวเรามองว่าไม่จำเป็นต้องเก็บไว้หลังแต่งงานค่ะ เพราะการคุมกำเนิด ปัจจุบันถ้าใช้เป็น โอกาสพลาดก็น้อยมาก
เรามองว่า เซ็กส์ก็เป็นกิจกรรมนึงที่ใช้ทำความรู้จักกันระหว่างคนที่กำลังดูใจกัน เหมือนกินข้าว ดูหนัง
เรามองว่า คนส่วนมากคงไม่ยอมแต่งงานกับใครถ้ายังไม่เคยนั่งกินข้าวกับเค้ามาก่อน
แล้วทำไมถึงยอมแต่งงานร่วมเตียงกับใคร ทั้งๆที่ไม่รู้มาก่อนว่านิสัยบนเตียงเค้าเป็นยังไงล่ะ
และอย่างที่ คห 9 บอก
ต้องแยกแยะระหว่าง เซ็กส์กับรักใสๆ ออกจากกันค่ะ มันไม่เกี่ยวข้องกันเลย
บางคนมองว่า
มีเซ็กส์ = ต้องการแค่กาย ไม่จริงใจ
ไม่มีเซ็กส์ = ใสๆ รักจริง
ซึ่งในความเป็นจริงมันไม่ใช่อ่ะค่ะ
คู่ที่มีเซ็กส์กันก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะรักกันที่กายอย่างเดียว มีเซ็กส์แล้วก็รักด้วยความจริงใจ รักทั้งกายและใจได้ค่ะ ประมาณมีรักทุกอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว เพียงแต่เพิ่มกิจกรรมเซ็กส์เข้าไปแค่นั้นเอง
เรามองว่า การมีแฟนมันก็เหมือนซ้อมแต่งงาน ก่อนจะไปมีการผูกมัดกันตามกฎหมาย ก็ต้องดูกันให้ดีว่าเราจะอยู่กับคนนี้ได้มั๊ย นิสัยทุกๆด้านของ เค้าเข้ากับเราได้ขนาดไหน ข้อเสียของเค้ามีอะไรบ้าง เรารับได้ทุกข้อมั๊ย จะทดสอบได้อย่างละเอียดก็ควรทำสถานการณ์ให้ใกล้เคียงของจริงมากที่สุด
ตอนแต่งงานมันก็ต้องมีเซ็กส์กัน ต้องรักกันแบบผู้ใหญ่ แต่เวลาดูใจเอาแต่คบกันแบบใสๆ แล้วมันจะไปรู้ได้ยังไงว่าของจริงจะประมาณไหน
เหมือนไปลงชื่อแข่งวิ่งมาราธอน แต่ตอนซ้อมแค่เดินบนลู่อยู่ในบ้าน แล้วจะเห็นภาพได้ยังไงล่ะว่าแข่งจริงเราจะรอดมั๊ย ถ้าอยากรู้ว่ารอดมั๊ยก็ต้องยอมเอาตัวเองไปวิ่งนอกบ้านในระยะทางที่ใกล้เคียงกับตอนวิ่งจริง
ความคิดเห็นที่ 34
เรื่องที่เล่านี้เป็นประสบการณ์จากเพื่อนเราสมัยเรียนมหาวิทยาลัยนะคะ เพื่อนเราผู้หญิงคบกับแฟนมาตั้งแต่ม.ปลาย จน ถึงมหาวิทยาลัยค่ะ พ่อแม่รับรู้ทั้ง 2 ฝ่าย และที่สำคัญ 2 คนยังไม่เคยมีอะไรกัน เต็มที่ก็แค่กอด หอมแก้ม ปกติธรรมดาของวัยรุ่นเท่านนั้น จนเรียนจบ ทำงานทั้งคู่ ฝ่ายชายมาขอฝ่ายหญิงแต่งงาน ก็ได้แต่งพร้อมสินสอดเป็นล้าน เพื่อน ๆ ก็อิจฉากันใหญ่ อิจฉาด้วยความยินดี
หลังจากแต่งงานไปได้ 2 เดือน เพื่อนเราขอเลิก คุณคิดดูดิว่าคบมา 8 ปี แล้วขอเลิก รู้ไหมค่ะว่าเลิกด้วยเหตุผลอะไร ผู้ชายซาดิสถ์ค่ะ สภาพเพื่อนเรา มีรอยช้ำ รอยกัด ที่แขนมีรอยเชือกผูกแน่นมาก อวัยวะเพศบวมค่ะ เยอะค่ะ เพื่อนทนไม่ไหวจริง ๆ ตอนแรกผู้ชายไม่ยอมเลิก แต่ทางฝั่งผู้หญิงไม่ยอม ทั้งพ่อแม่ และญาติพี่น้องเห็นสภาพผู้หญิงถึงกับนั่งร้องไห้กันเลย สุดท้ายผู้ชายต้องยอมเลิก ด้วยเหตุผล ทางผู้หญิงมีผู้ใหญ่มีอิทธิพลนิดหน่อยเข้ามาเคลียร์ให้
คุณรู้ไหมจนถึงวันนี้เพื่อนเราอายุ 34 ไม่มีสามีอีกเลย เธอเข็ดจริง ๆ ค่ะ เธอไม่มีแฟน ไม่มีลูก และไม่ขอแต่งงานอีกเลย เรียกว่าปิดตัวเอง เธอทำงาน เก็บเงิน เที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว เพื่อนเรายังบอกเลย ถ้ามีอะไรกันตั้งแต่คบกันแรก ๆ ก็คงจะรู้ถึงเรื่องบนเตียง มารู้ก็ตอนแต่ง ตอนให้ใจไปเต็มๆ แต่เจอความซาดิสถ์ก็ไม่ไหวนะคะ ต่อให้รักกันขนาดไหน แต่ถ้าวันนึงร่ายการเธอทนไม่ไหวขึ้นมา ตายกับตายค่ะ
เราไม่ขอเล่าว่าเธอเจออะไรไม่ดีเกี่ยวกับบนเตียงบ้าง เราฟังเราน้ำตาคลอค่ะ ><
หลังจากแต่งงานไปได้ 2 เดือน เพื่อนเราขอเลิก คุณคิดดูดิว่าคบมา 8 ปี แล้วขอเลิก รู้ไหมค่ะว่าเลิกด้วยเหตุผลอะไร ผู้ชายซาดิสถ์ค่ะ สภาพเพื่อนเรา มีรอยช้ำ รอยกัด ที่แขนมีรอยเชือกผูกแน่นมาก อวัยวะเพศบวมค่ะ เยอะค่ะ เพื่อนทนไม่ไหวจริง ๆ ตอนแรกผู้ชายไม่ยอมเลิก แต่ทางฝั่งผู้หญิงไม่ยอม ทั้งพ่อแม่ และญาติพี่น้องเห็นสภาพผู้หญิงถึงกับนั่งร้องไห้กันเลย สุดท้ายผู้ชายต้องยอมเลิก ด้วยเหตุผล ทางผู้หญิงมีผู้ใหญ่มีอิทธิพลนิดหน่อยเข้ามาเคลียร์ให้
คุณรู้ไหมจนถึงวันนี้เพื่อนเราอายุ 34 ไม่มีสามีอีกเลย เธอเข็ดจริง ๆ ค่ะ เธอไม่มีแฟน ไม่มีลูก และไม่ขอแต่งงานอีกเลย เรียกว่าปิดตัวเอง เธอทำงาน เก็บเงิน เที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว เพื่อนเรายังบอกเลย ถ้ามีอะไรกันตั้งแต่คบกันแรก ๆ ก็คงจะรู้ถึงเรื่องบนเตียง มารู้ก็ตอนแต่ง ตอนให้ใจไปเต็มๆ แต่เจอความซาดิสถ์ก็ไม่ไหวนะคะ ต่อให้รักกันขนาดไหน แต่ถ้าวันนึงร่ายการเธอทนไม่ไหวขึ้นมา ตายกับตายค่ะ
เราไม่ขอเล่าว่าเธอเจออะไรไม่ดีเกี่ยวกับบนเตียงบ้าง เราฟังเราน้ำตาคลอค่ะ ><
ความคิดเห็นที่ 25
คุณเสียตัวครั้งแรกตอนไหน ???
- ตอนยังไม่ 18 ดี
คุณคิดอะไรตอนยอมให้เค้าครั้งนั้น ???
- เพราะอยากเหมือนที่เขาอยากนั่นแหละ และอยากรู้ด้วยว่าฝีมือจะดีมั้ย จะทำให้เราถูกใจมั้ย
แล้วคุณคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดหรือป่าว
- ไม่พลาดนะ เพราะได้รู้ว่าฝีมือห่วยและเห็นแก่ตัว ไม่ควรที่จะคบต่อ ถ้าเราคบไปจนแต่งงานแล้วไปเจอตอนหลังก็ต้องเลิกอยู่ดีอะ เราไม่ทนหรอก ต่อให้นิสัยดีเป็นเทพบุตรเราก็ไม่ทนนะ จะให้เราสแครชตัวเองแล้วทนอยู่กับผู้ชายเซ็กซ์ห่วยเพียงเพราะเขาดีพออะไรงี้เหรอ ไม่ใช่อะ เออ ถ้าคบๆไปแล้วเกิดอุบัติเหตุจนเป็นอัมพาตท่อนล่างแบบนี้ยังเข้าใจได้อะ แต่ห่วยมาตั้งแต่ต้นนี่ไม่จำเป็นต้องทนนะ
ส่วนตัวมองว่าเซ็กซ์ก็เหมือนกิจกรรมอื่นๆที่อาจจะมีอันตรายและผลข้างเคียงบ้าง แค่เราป้องกันให้ดีก็จบแล้ว ปัจจัยควบคุมได้ที่ตัวเองทั้งนั้น ปั่นจักรยานไปทำงานเช้าเย็นในถนนกทม.ยังอันตรายกว่าเลย เพราะมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ที่ตัวเราด้วย แต่ safe sex นี่คุมได้ที่ตัวเราล้วนๆ คนที่พลาดคือพวกไม่ใส่ใจและไม่มีความรู้มากกว่า
เราไม่เคยมองว่าการมีเซ็กซ์มันเป็นการลดคุณค่าในตัวคนเราตรงไหน ประสบการณ์ทางเพศมันจะมาตัดสินคุณค่าของคนได้ยังไง มันเป็นมายาคติของสังคมไทยที่ตีกรอบว่าเรื่องเซ็กซ์เรื่องเพศเป็นของต่ำมากกว่า ไม่ควรมีกันตามชอบใจ ไม่ควรมีเพราะเป็นเรื่องสนุกตื่นเต้น แบบอยากมีตอนไหนจัดไป กำหนดกันขึ้นมาว่าต้องมีกับสามีภรรยาเท่านั้น ใครที่ละเมิดไปทำก่อนคือพวกฟอนเฟะ มักมากในกาม ดูเป็นพวกแรดหรือหื่น หมกมุ่น อดใจไม่ได้ ปล่อยใจไปกับตัณหาหรือความสุขทางเนื้อหนัง ไม่ใช่คนไทยที่ดี ไม่มีมารยาทแบบไทยๆ ไร้สาระมากพูดเลย
- ตอนยังไม่ 18 ดี
คุณคิดอะไรตอนยอมให้เค้าครั้งนั้น ???
- เพราะอยากเหมือนที่เขาอยากนั่นแหละ และอยากรู้ด้วยว่าฝีมือจะดีมั้ย จะทำให้เราถูกใจมั้ย
แล้วคุณคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดหรือป่าว
- ไม่พลาดนะ เพราะได้รู้ว่าฝีมือห่วยและเห็นแก่ตัว ไม่ควรที่จะคบต่อ ถ้าเราคบไปจนแต่งงานแล้วไปเจอตอนหลังก็ต้องเลิกอยู่ดีอะ เราไม่ทนหรอก ต่อให้นิสัยดีเป็นเทพบุตรเราก็ไม่ทนนะ จะให้เราสแครชตัวเองแล้วทนอยู่กับผู้ชายเซ็กซ์ห่วยเพียงเพราะเขาดีพออะไรงี้เหรอ ไม่ใช่อะ เออ ถ้าคบๆไปแล้วเกิดอุบัติเหตุจนเป็นอัมพาตท่อนล่างแบบนี้ยังเข้าใจได้อะ แต่ห่วยมาตั้งแต่ต้นนี่ไม่จำเป็นต้องทนนะ
ส่วนตัวมองว่าเซ็กซ์ก็เหมือนกิจกรรมอื่นๆที่อาจจะมีอันตรายและผลข้างเคียงบ้าง แค่เราป้องกันให้ดีก็จบแล้ว ปัจจัยควบคุมได้ที่ตัวเองทั้งนั้น ปั่นจักรยานไปทำงานเช้าเย็นในถนนกทม.ยังอันตรายกว่าเลย เพราะมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ที่ตัวเราด้วย แต่ safe sex นี่คุมได้ที่ตัวเราล้วนๆ คนที่พลาดคือพวกไม่ใส่ใจและไม่มีความรู้มากกว่า
เราไม่เคยมองว่าการมีเซ็กซ์มันเป็นการลดคุณค่าในตัวคนเราตรงไหน ประสบการณ์ทางเพศมันจะมาตัดสินคุณค่าของคนได้ยังไง มันเป็นมายาคติของสังคมไทยที่ตีกรอบว่าเรื่องเซ็กซ์เรื่องเพศเป็นของต่ำมากกว่า ไม่ควรมีกันตามชอบใจ ไม่ควรมีเพราะเป็นเรื่องสนุกตื่นเต้น แบบอยากมีตอนไหนจัดไป กำหนดกันขึ้นมาว่าต้องมีกับสามีภรรยาเท่านั้น ใครที่ละเมิดไปทำก่อนคือพวกฟอนเฟะ มักมากในกาม ดูเป็นพวกแรดหรือหื่น หมกมุ่น อดใจไม่ได้ ปล่อยใจไปกับตัณหาหรือความสุขทางเนื้อหนัง ไม่ใช่คนไทยที่ดี ไม่มีมารยาทแบบไทยๆ ไร้สาระมากพูดเลย
แสดงความคิดเห็น
[[[กระทู้นี้ 18+]]] คุณคิดว่ามี SEX ก่อนแต่งงานมันเป็นเรื่องปกติไปแล้วหรอ ???
ตลอดชีวิต ไม่เคยเสียตัวให้ชายใดเลย (Virgin สุดๆ)
เหตุผลที่ตั้งกระทู้นี้ก็เพราะว่า ผู้ชายคนล่าสุด ทำให้ จขกท สงสัยอะไรหลายๆอย่าง
เกี่ยวกับความคิดของคนปัจจุบัน
คุณเสียตัวครั้งแรกตอนไหน ???
คุณคิดอะไรตอนยอมให้เค้าครั้งนั้น ???
แล้วคุณคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดหรือป่าว
ส่วนตัว จขกท มองว่า SEX เป็นสิ่งที่มีได้หลังแต่งงานเท่านั้น
ไม่รวมการ จับมือ ถือแขน หอมแก้ม จูบปาก (อันนั้นมันเปนปกติของคนเป็นแฟนกัน)
สิ่งที่สงสัยอีกอย่าง คือ
""" บนโลกนี้ยังมีผู้ชายที่จะอดใจรอมีอะไรกับแฟนหลังแต่งงานอยู่อีกไหม""""
หรือ จขกท ควรทำใจ ว่ารักใสๆ ที่จริงใจต่อกัน มันหาไม่ได้บนโลกใบนี้แล้ว