คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 35
ดูเหมือนจะมีคน เข้าใจอะไรผิดนะครับ
ผมพิมพ์บอกหรอครับว่า "คุณค่าตัวเองอยู่ที่พรหมจรรย์"
ที่ว่า คุณค่าตัวเองอยู่ที่พรหมจรรย์ คุณนั้นแหล่ะครับที่คิดเอง
ลองย้อนกลับไปอ่านซักนิดนะครับ
เหมือนกับพวกคุณร้อนตัวอะไรกัน ผมก็ไม่เข้าใจ
จะว่าคนอื่นกรุณา ทำความเข้าใจ ตีความหมายสาร เข้าใจสารและค่อยมาว่าครับ
แค่เอาประเด็นปัญหา มาถามและบอกผลกระทบแค่นี้
สุดท้ายมันก็แล้วแต่ความคิดส่วนบุคคลของแต่ละคนอยู่ดีครับ
สรุปอีกรอบนะครับ
สิ่งที่ผมต้องการจะบอกคือ
การที่คุณไปมีอะไรกับผู้ชาย มันส่งผลกระทบหลายๆอย่างตามมาโดยที่คุณไม่ได้คิด
และบางคนก็ทำสิ่งเหล่านั้นเพื่อตามกระแสสังคมเท่านั้น โดยไม่ได้รู้ถึงมุมมองคนอื่น
ผลข้างเคียงผลกระทบต่างๆ
เช่น การที่คุณไปมีอะไรกับผู้ชายก่อนแต่ง ไปเช่าห้องอยู่กินร่วมกันคุณอาจจะบอกได้ว่าไม่เห็นผิด
ถุงยางอนามัยก็ป้องกันได้ ถ้าป้องกันได้ แล้วทำไมมีข่าว ทำแท้ง ทำไมมีคนท้องก่อนแต่ง
เพราะ ในบางเวลาผู้ชายอาจขี้เกียจสวมหรือถุงยางอนามัยมีข้อบกพร่อง(ซึ่งน้อยมาก)
หรือเพราะตอนนอนด้วยกัน อยากมีอะไรแบบกระทันหัน
ท้องก่อนแต่ง , โรคติดต่อ ก็จะตามมา และเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นมนุษย์ก็จะแสดงความเห็นแก่ตัวออกมา
ทำแท้ง ทำลายชีวิตน้อยๆที่ไม่มีความผิดเพราะความเห็นแก่ตัวของคุณ
โยนภาระให้พ่อแม่ และต่างๆนาๆอีกมากมาย
และถ้าหากคุณ ไม่ใจง่าย เป็นการป้องกันที่ดีที่สุดและ 100%
อีกทั้งในบางครอบครัว พ่อแม่ รักลูกไม่อยากให้ลูกเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้
กลัวลูกสาวโดนผู้ชายตัดหางปล่อยวัด
ก็ทำให้พ่อแม่คุณเสียใจ
แต่ถ้าคุณ ไม่ใจง่าย (นิยามของคำว่าไม่ใจง่ายคงจะเข้าใจกันนะครับไม่ใช่ตีความผิดๆแล้วมาด่าทอผมอีก)
คือไม่ร่วมเพศกับคนอื่นง่ายๆนั้นแหล่ะครับ
ปัญหาต่างๆก็จะไม่เกิดขึ้น จะไปบอกว่าผู้ชายมันใจง่ายผู้หญิงต้องเท่าเทียม
ถ้าทำแบบนั้น ปัญหายิ่งเพิ่มมากยิ่งขึ้นครับ การแก้ไขปัญหาเป็นสิ่งที่ยาก
ถ้าคุณคิดว่าการใจง่ายเป็นเรื่องที่ดี ก็แนะนำให้ทำให้เท่าเทียมเลยครับ
การป้องกันปัญหาจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
อาจจะบอกว่า การร่วมเพศเป็นสิ่งสำคัญ ขาดไม่ได้งั้นหรอครับ
แล้ว คนที่บวชหล่ะครับ ทำไมเขาถึงตัดจากสิ่งเหล่านี้ได้
เป็นข้อพิสูจน์ความรักงั้นหรอครับ แล้วทำไมพิสูจน์ความรักเสร็จบางคู่ถึงโดนทิ้ง
ทำไม มีบางคู่ที่ไม่ร่วมเพศกันก่อนแต่ง ถึงอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุขครับ
ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละบุคคลอยู่ดีครับ
มันก็เหมือนกับการที่คุณ รับประทานอาหารสุขๆดิบๆ ถามว่ารับประทานได้ไหมก็ได้ครับ
แต่มีผลกระทบที่อาจตามมาคือ พยาธิ ซึ่งถ้าคุณทานคุณก็จะได้รับความเสี่ยงนั้น
ถ้าไม่ทาน ก็ป้องกันได้ 100% โดยไม่ต้องรับความเสี่ยงจากพยาธิดังกล่าว
การร่วมเพศ หรือใจง่ายเกินเหตุก็เช่นกัน ถ้าคุณใจง่ายร่วมเพศกับแฟนง่าย ถึงจะใช้ถุงยางอนามัยก็ตาม
ก็มีความเสี่ยงที่ผลกระทบจะตามมา(ผลกระทบส่วนหนึ่งได้อธิบายไว้ด้านบนแล้วครับ) แต่ถ้าคุณไม่ทำ
ปัญหาก็ไม่เกิดเช่นกันครับ
ไม่มีใครผิดใครถูกทั้งนั้นครับ ความคิดของคนไม่เหมือนกันผมย่อมเข้าใจดี
แต่ถ้าเกิดปัญหา อย่าไปโยนภาระให้คนอื่นเป็นพอครับ
ผมพิมพ์บอกหรอครับว่า "คุณค่าตัวเองอยู่ที่พรหมจรรย์"
ที่ว่า คุณค่าตัวเองอยู่ที่พรหมจรรย์ คุณนั้นแหล่ะครับที่คิดเอง
ลองย้อนกลับไปอ่านซักนิดนะครับ
เหมือนกับพวกคุณร้อนตัวอะไรกัน ผมก็ไม่เข้าใจ
จะว่าคนอื่นกรุณา ทำความเข้าใจ ตีความหมายสาร เข้าใจสารและค่อยมาว่าครับ
แค่เอาประเด็นปัญหา มาถามและบอกผลกระทบแค่นี้
สุดท้ายมันก็แล้วแต่ความคิดส่วนบุคคลของแต่ละคนอยู่ดีครับ
สรุปอีกรอบนะครับ
สิ่งที่ผมต้องการจะบอกคือ
การที่คุณไปมีอะไรกับผู้ชาย มันส่งผลกระทบหลายๆอย่างตามมาโดยที่คุณไม่ได้คิด
และบางคนก็ทำสิ่งเหล่านั้นเพื่อตามกระแสสังคมเท่านั้น โดยไม่ได้รู้ถึงมุมมองคนอื่น
ผลข้างเคียงผลกระทบต่างๆ
เช่น การที่คุณไปมีอะไรกับผู้ชายก่อนแต่ง ไปเช่าห้องอยู่กินร่วมกันคุณอาจจะบอกได้ว่าไม่เห็นผิด
ถุงยางอนามัยก็ป้องกันได้ ถ้าป้องกันได้ แล้วทำไมมีข่าว ทำแท้ง ทำไมมีคนท้องก่อนแต่ง
เพราะ ในบางเวลาผู้ชายอาจขี้เกียจสวมหรือถุงยางอนามัยมีข้อบกพร่อง(ซึ่งน้อยมาก)
หรือเพราะตอนนอนด้วยกัน อยากมีอะไรแบบกระทันหัน
ท้องก่อนแต่ง , โรคติดต่อ ก็จะตามมา และเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นมนุษย์ก็จะแสดงความเห็นแก่ตัวออกมา
ทำแท้ง ทำลายชีวิตน้อยๆที่ไม่มีความผิดเพราะความเห็นแก่ตัวของคุณ
โยนภาระให้พ่อแม่ และต่างๆนาๆอีกมากมาย
และถ้าหากคุณ ไม่ใจง่าย เป็นการป้องกันที่ดีที่สุดและ 100%
อีกทั้งในบางครอบครัว พ่อแม่ รักลูกไม่อยากให้ลูกเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้
กลัวลูกสาวโดนผู้ชายตัดหางปล่อยวัด
ก็ทำให้พ่อแม่คุณเสียใจ
แต่ถ้าคุณ ไม่ใจง่าย (นิยามของคำว่าไม่ใจง่ายคงจะเข้าใจกันนะครับไม่ใช่ตีความผิดๆแล้วมาด่าทอผมอีก)
คือไม่ร่วมเพศกับคนอื่นง่ายๆนั้นแหล่ะครับ
ปัญหาต่างๆก็จะไม่เกิดขึ้น จะไปบอกว่าผู้ชายมันใจง่ายผู้หญิงต้องเท่าเทียม
ถ้าทำแบบนั้น ปัญหายิ่งเพิ่มมากยิ่งขึ้นครับ การแก้ไขปัญหาเป็นสิ่งที่ยาก
ถ้าคุณคิดว่าการใจง่ายเป็นเรื่องที่ดี ก็แนะนำให้ทำให้เท่าเทียมเลยครับ
การป้องกันปัญหาจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
อาจจะบอกว่า การร่วมเพศเป็นสิ่งสำคัญ ขาดไม่ได้งั้นหรอครับ
แล้ว คนที่บวชหล่ะครับ ทำไมเขาถึงตัดจากสิ่งเหล่านี้ได้
เป็นข้อพิสูจน์ความรักงั้นหรอครับ แล้วทำไมพิสูจน์ความรักเสร็จบางคู่ถึงโดนทิ้ง
ทำไม มีบางคู่ที่ไม่ร่วมเพศกันก่อนแต่ง ถึงอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุขครับ
ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละบุคคลอยู่ดีครับ
มันก็เหมือนกับการที่คุณ รับประทานอาหารสุขๆดิบๆ ถามว่ารับประทานได้ไหมก็ได้ครับ
แต่มีผลกระทบที่อาจตามมาคือ พยาธิ ซึ่งถ้าคุณทานคุณก็จะได้รับความเสี่ยงนั้น
ถ้าไม่ทาน ก็ป้องกันได้ 100% โดยไม่ต้องรับความเสี่ยงจากพยาธิดังกล่าว
การร่วมเพศ หรือใจง่ายเกินเหตุก็เช่นกัน ถ้าคุณใจง่ายร่วมเพศกับแฟนง่าย ถึงจะใช้ถุงยางอนามัยก็ตาม
ก็มีความเสี่ยงที่ผลกระทบจะตามมา(ผลกระทบส่วนหนึ่งได้อธิบายไว้ด้านบนแล้วครับ) แต่ถ้าคุณไม่ทำ
ปัญหาก็ไม่เกิดเช่นกันครับ
ไม่มีใครผิดใครถูกทั้งนั้นครับ ความคิดของคนไม่เหมือนกันผมย่อมเข้าใจดี
แต่ถ้าเกิดปัญหา อย่าไปโยนภาระให้คนอื่นเป็นพอครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
สำหรับเรามองว่าเราไม่จำเป็นต้องมีค่านิยมแบบเดียวกับคนรุ่นก่อนๆค่ะ ค่านิยมและทัศนคติของใครก็ของมัน ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องส่งต่อให้กันแบบทายาทอสูร ส่วนตัวเราเองถ้าเกิดมีลูกแล้วลูกอยากรักนวลสงวนตัวก็ทำไป เราคงไม่ว่าอะไร แต่จะต้องสอนกันหน่อยว่าถึงจะคิดแบบนั้นก็อย่าได้เที่ยวมองคนที่ไม่คิดแบบตัวเองว่าเป็นคนไร้ค่า แล้วยกตัวเองเหมือนว่าสูงส่งเสียเต็มประดา เพราะคนที่คิดแบบนั้นไม่ใช่คนดีแน่ๆละ ถ้าจะมองเซ็กซ์ว่าเป็นกิจกรรมพิเศษที่ต้องทำกับคนรักเท่านั้น ต้องทำกับสามีเท่านั้น ก็ได้ ไม่เป็นไร แต่ก็คงจะถามนะว่าแล้วจะแน่ใจได้ยังไงว่าจะเจอคนที่ฝีมือถูกใจหรือไม่เจอพวกมีรสนิยมแบบที่ตัวเองรับไม่ได้ อืมม แต่ก็อย่างว่า ถ้าจะมีเด็กไหนสักคนมาเกิดเป็นลูกเราคงยากละที่จะไม่คิดแบบเรา ฮ่าๆ
ป.ล. ยืนยันว่า safe sex สำคัญที่สุด
ป.ล. ยืนยันว่า safe sex สำคัญที่สุด
ความคิดเห็นที่ 18
สาเหตุหลักที่เรามีเซ็กส์ก่อนแต่ง ก็เพราะ
เราไม่อยากแต่งงานไปกับคนที่เข้ากับเราไม่ได้หรือมีรสนิยมประหลาดๆบนเตียงค่ะ ของอย่างนี้ถ้าไม่ลองก่อนแล้วจะไปรู้ได้ยังไง
จะให้ไปลุ้นเอาคืนวันแต่งงานหรอคะว่าคนที่เราเพิ่งแต่งงานด้วยนั้นจะดีหรือห่วยบนเตียง?
เราคนนึงล่ะค่ะที่ไม่เสี่ยงไปลุ้นใจหายใจคว่ำอะไรแบบนั้น ถ้าแต่งงานทั้งทีก็ขอดูให้ละเอียดก่อนค่ะ
ที่สำคัญ เราไม่เคยมองว่ามีเซ็กส์คือการเสียตัว ไม่ได้เอาคุณค่าตัวเองไปผูกอยู่กับพรหมจรรย์ และถือคติว่าผู้ชายคนไหนที่รับเราแบบที่เราเป็นไม่ได้ก็ไม่ได้รักเราจริง แล้วเราจะไปอยากแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเราจริงทำไมล่ะ
ส่วนเรื่องการตั้งครรภ์นั้นมันป้องกันได้ แค่ถุงยางอย่างเดียวก็กันได้ 99% แล้ว ถ้ากลัวมากก็ใช้หลายๆอย่างพร้อมกัน รวมๆไปก็ 100% แล้ว โอกาสท้องแทบไม่มีเลย
ดังนั้นเรื่องพวกนี้เราถึงไม่กังวลค่ะ
อ่อ และเราบอกพ่อแม่ตามตรงทุกอย่างค่ะ พ่อแม่เราสนับสนุนให้ทดลองมีอะไรกับแฟนก่อน จะได้ไม่ต้องไปเจอสิ่งที่รับไม่ได้ในคืนวันแต่งงาน ดังนั้นเราบอกพ่อแม่ได้ทุกอย่าง คุยได้ทุกเรื่องค่ะ บางครั้งปัญหาเรื่องบนเตียงยังปรึกษาแม่เลย
เราไม่อยากแต่งงานไปกับคนที่เข้ากับเราไม่ได้หรือมีรสนิยมประหลาดๆบนเตียงค่ะ ของอย่างนี้ถ้าไม่ลองก่อนแล้วจะไปรู้ได้ยังไง
จะให้ไปลุ้นเอาคืนวันแต่งงานหรอคะว่าคนที่เราเพิ่งแต่งงานด้วยนั้นจะดีหรือห่วยบนเตียง?
เราคนนึงล่ะค่ะที่ไม่เสี่ยงไปลุ้นใจหายใจคว่ำอะไรแบบนั้น ถ้าแต่งงานทั้งทีก็ขอดูให้ละเอียดก่อนค่ะ
ที่สำคัญ เราไม่เคยมองว่ามีเซ็กส์คือการเสียตัว ไม่ได้เอาคุณค่าตัวเองไปผูกอยู่กับพรหมจรรย์ และถือคติว่าผู้ชายคนไหนที่รับเราแบบที่เราเป็นไม่ได้ก็ไม่ได้รักเราจริง แล้วเราจะไปอยากแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเราจริงทำไมล่ะ
ส่วนเรื่องการตั้งครรภ์นั้นมันป้องกันได้ แค่ถุงยางอย่างเดียวก็กันได้ 99% แล้ว ถ้ากลัวมากก็ใช้หลายๆอย่างพร้อมกัน รวมๆไปก็ 100% แล้ว โอกาสท้องแทบไม่มีเลย
ดังนั้นเรื่องพวกนี้เราถึงไม่กังวลค่ะ
อ่อ และเราบอกพ่อแม่ตามตรงทุกอย่างค่ะ พ่อแม่เราสนับสนุนให้ทดลองมีอะไรกับแฟนก่อน จะได้ไม่ต้องไปเจอสิ่งที่รับไม่ได้ในคืนวันแต่งงาน ดังนั้นเราบอกพ่อแม่ได้ทุกอย่าง คุยได้ทุกเรื่องค่ะ บางครั้งปัญหาเรื่องบนเตียงยังปรึกษาแม่เลย
แสดงความคิดเห็น
ทำไมผู้หญิงสมัยนี้ เสียตัวกันง่ายจัง
แล้วการมีอะไรกันก่อนแต่งงาน กลายมาเป็นธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติไปเสียแล้วรึปล่าว?
พอมองดูสังคมสมัยนี้ผมรู้สึกสะอิดสะเอียนยังไงก็ไม่รู้นะครับ เห็นคนหลายคนพึ่งจะคบกันได้ไม่ถึงอาทิตย์ หรือพึ่งจะเคยเห็นหน้ากัน
ก็ไปแอบมีอะไรกันเสียแล้ว แล้วพวกคุณเคยคิดไหมครับว่าผู้ที่ให้กำเนิดคุณมาถ้าเขารู้แล้วเขาจะรู้สึกอย่างไร
ไม่เชื่อคุณลองไป บอกพ่อแม่คุณดูสิ ว่า "แม่ๆหนูเสียตัวแล้วนะ" คุณเคยคิดถึงความรู้สึกพวกเขาเหล่านี้บ้างไหม
มันก็จริงอยู่ที่เรื่อง เพศสัมพันธ์ อาจเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ควรจะรู้ไม่ใช่รึครับ ว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร
ซึ่งถ้าคุณได้ไปอยู่ในฐานะ พ่อแม่ คน แล้วลูกคุณไปเสียตัวไปทั่วทีบ ทั่วแดน แล้วคุณจะรู้สึกอย่างไร ต้องมองย้อนดูนะครับ
ซึ่งยังมีผลกระทบอื่นๆ ตามมาอีก เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
สภาพแวดล้อม อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงสมัยนี้ไม่ซีเรียสกับเรื่องพวกนี้
แต่ถ้าคุณรู้จักปฏิเสธและควบคุม ยังไงมันก็ไม่เกิดครับ
และการไปเช่าห้องอยู่ด้วยกัน เสมือนสามีภรรยา นี่ก็เป็นธรรมเนียมไปแล้วรึปล่าวครับ?
บางคนยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก็ไปเช่าห้องอยู่ด้วยกันเสมือนเป็นสามีภรรยากันไปเสียแล้ว
แล้วคุณคิดหรอครับว่าคนที่คุณอยู่ด้วยนั้น ซึ่งยังไม่ได้แต่งงานกันนั้น จะไม่ทิ้งหรือทำร้ายคุณในภายหลัง
ผู้ชายสมัยนี้บางคนก็คบผู้หญิงไม่ได้จริงจรังอะไรมากมายหรอกครับ ส่วนมากแค่หวังจะมีอะไรด้วยแค่นั้นเอง
ถ้าเจอคนที่ดีกว่าก็คงจะทิ้งคุณแล้วก็หนีไปหาคนนั้น
ถ้าเขาจะคบ กับคุณและหวังแต่งงานกับคุณจริงคงจะให้เกียรติคุณและก็ดูใจกันไปนานๆ ระหว่างนั้น
ไม่ใช่ไปเช่าห้องอยู่ด้วยกันเป็นการจำลองชีวิตก่อนแต่งงานรึยังไงครับ
อันนี้ในมุมมองของผมที่ผมได้เห็นมาจากยุคสมัยนี้นะครับ
ผมรู้สึกว่ามันแย่อ่ะครับ
พ่อแม่ย่อมต้องรักลูกทุกคนอยู่แล้ว
ส่งเสียให้เรียน แต่กลับไปหา "ผัว" ซึ่งท่านก็ไม่ได้รู้เลย ก็ตั้งใจส่งเสียให้เรียนต่อไป
ถ้ากระทู้ของ จขกท.ไปเสียดแทงใครหลายๆคนเข้าต้องขออภัยนะครับ
คือผมสงสัยจริงๆ ว่ามันกลายมาเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงสมัยนี้ไปแล้วรึอย่างไร