ทำไมฝรั่งกินเผ็ด ได้เก่งกว่าคนไทย ทั้งที่อวัยะภายใน น่าจะรับเผ็ดได้น้อยกว่าคนไทย ถ้าคนไทยแข่งก็คงสู้ไม่ได้แน่ๆ ??

กระทู้คำถาม
"สเตฟาน เคอเน่" สุดยอดคนกินเผ็ด(ระดับ 7.7 ล้านสโกวิลล์) จากมาซิโดเนีย
ชนะการแข่งขัน "กินเผ็ดชิงแชมป์โลก" ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี

วันที่ 5 สิงหาคม 2557 00:30

ในภาษาอังกฤษมีสำนวนว่า "บิ๊ก บอยส์ ด้อนท์ คราย" หรือ "ผู้ชายต้องไม่ร้องไห้" แต่เมื่อวันเสาร์ (2 ส.ค) ที่ผ่านมามีการแข่งขัน "กินเผ็ดชิงแชมป์โลก" ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ซึ่งทำให้เราได้เห็นผู้ชายอกสามศอกหลายคนต้องเสียน้ำตากันเป็นแถว ๆ

การแข่งขัน "กินเผ็ดชิงแชมป์โลก" นี้ไม่มีกฎกติกาอะไรที่ยุ่งยาก นอกจากผู้เข้าแข่งขันจะต้องทานอาหารที่มีความเผ็ดไล่ขึ้นไปตามลำดับทั้ง 14 จานให้หมด จึงจะคว้าตำแหน่งแชมป์มาครองได้

สำหรับจุดเริ่มต้นของการแข่งขันสุดพิสดารนี้ เกิดจากการที้มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งท้ากันว่า ใครจะสามารถทานเผ็ดได้มากกว่ากัน ซึ่งต่อมาความคิดนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จนกระทั่งกลายเป็นการแข่งขันอย่างจริงจังในที่สุด

แฟรงค์ สไปซ์ ผู้จัดการแข่งขันครั้งนี้ขึ้นมา กล่าวว่า เขาเป็นคนปรุงซอสสูตรพิเศษที่มีความเผ็ดจัดจ้านมาใช้ราดไส้กรอกเยอรมันเพื่อใช้ในการแข่งขันด้วยตนเอง

การแข่งขันเริ่มต้นด้วยอาหารจานแรกซึ่งราดซอสที่มีระดับความเผ็ด 10,000 สโกวิลล์ ซึ่งเป็นหน่วยวัดระดับความเผ็ดร้อนของพริก ก่อนที่ระดับความเผ็ดก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงอาหารจานสุดท้ายที่มีระดับความเผ็ดถึง 7 ล้านสโกวิลล์ ซึ้งเป็นความเผ็ดร้อนที่ยิ่งกว่าสเปรย์พริกไทยเสียอีก

ผลปรากฎว่าผู้ชนะในการแข่งขัน คือ นายสเตฟาน เคอเน่ สุดยอดคนกินเผ็ดจากประเทศมาซิโดเนีย ที่สามารถกินเผ็ดได้ถึงระดับ 7.7 ล้านสโกวิลล์ แต่หลังจากจบการแข่งขันเจ้าตัวต้องเอาน้ำแข็งมาประคบไว้เพื่อดับความร้อน ซึ่ง สเตฟาน กล่าวทิ้งท้ายว่า ความเผ็ดร้อนในปากที่เกิดจากการกินนั้นเป็นสิ่งที่ตนเองทนได้ แต่อาการปวดท้องหลังจากนั้นคือสิ่งที่ทรมานเป็นอย่างมาก
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/lifestyle/20140805/596973/%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81.html
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่