ผมคบกับแฟนผมคนนี้นานมากโดยไม่เคยมีปัญหาเลย แต่เค้าเป็นคนชอบบริหารเสน่ห์จนเกิดเรื่อง คือชอบคุยชอบแชท แล้วก็กลายไปเป็นนัดเจอกับผู้ชาย แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ ผู้ชายคนนั้นที่แฟนผมไปเที่ยวด้วย เป็นเพื่อนที่เด้งมาในไลน์แฟนของผม ไปๆมาๆโลกมันกลม ผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่รู้จั่กกับแม่ผมอีกคนหนึ่ง ซึ่งแม่อีกคนแก่กว่าผม 2 ปี แต่ดันแจ๊คพ๊อตอีก คือผู้ชายคนนั้นพาแฟนผมไปเที่ยวแล้วลากไปทำธุระ แต่คือจะไปเช่าผับพ่อผม พอพ่อรู้ก็กีดกันทุกอย่าง แล้วก็บังคับผมให้ทำงานในสนามไดร์ฟกอล์ฟโดยไม่ออกไปไหน ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่ให้พกเงิน (เยี่ยงแรงงานต่างด้าว) และขู่ว่าถ้าจะคบต่อก็ตัดพ่อลูก ซึ่งหมายถึงเงินที่ส่งเสียทุกเดือน ปกติผมเป็นบ้านเล็ก ของคุณพ่อ แม่ผมเป็น พนง.ธนาคาร แต่โดนแกล้งให้ออกโดยการโยกย้าย เพราะคุณแม่ เป็นเบาหวาน ความดัน หัวใจ ไต ทำให้ทำงานไม่คุ้มกับค่าจ้าง คุณแม่หวังที่จะเกษียณตอน 55 ปี แต่ไม่ตรงตามแผน จึงทำให้ผมต้องรับหน้าที่ชำระสิ่งต่างๆแทนคุณแม่ แต่คุณพ่อก็ส่งเสียให้ตลอด แต่ไม่มากมายนักเดือนละ 20,000 ไม่เคยขาด นั่นคือที่มา พอผมมีโอกาสผมก็จะแอบหยอดตู้โทรหาแฟนตอนช่วงที่โดนขัง ตอนั้นดราม่ามาก แฟนผมก็รู้สึกผิดก็ขอร้องให้ผมหนีออกจากที่บ้านไปอยู่ด้วยกัน ผมเลยบอกว่าผมมีหลายอย่างที่ต้องจ่ายให้คุณแม่ เค้าบอกจะรับผิดชอบทุกอย่าง ทุกวันนี้ผมเลยออกมาอยู่หางานทำเอง ขี่มอไซค์แบกถุงเสื้อผ้าตระเวนขายของตลาดนัด แต่มันก็สนุกดีนะ แต่สิ่งที่ผมรู้สึกแย่คือ พ่อ แม่ และพี่ชายเค้า เค้ามองผมเหมือนผมไปเกาะเค้ากิน เหมือนผมเป็นคน

คำพูดที่เสียดสีกดดัน มันแย่มาก ผมจะทำไงดี ควรกลับบ้านไปหาพ่อมั้ย แล้วคอยเวลาที่จะกลับมาคบกันใหม่ แต่ผมขอบอกเลยผมได้เงินจากเค้ามาผมก็เอามาโปะค่าบ้านผมไม่กินไม่เที่ยวไม่เคยซื้ออะไรที่เป็นของผมเลยตั้งแต่ออกจากบ้านมา ยกเว้นถุงเท้า และผมคิดว่าถ้าเราแต่งงานกัน มันก็จะได้เป็นสินสมรสของเรา พักหลังเราทะเลาะกันบ่อยมากเพราะแรงกดดันอื่นๆที่เข้ามา ซึ่งประโยคสุดท้ายที่ผมตะโกนใส่เค้าไปก็คือ "ถ้าตัวเองรู้จักยับยั้งช่างใจ เราก็คงสบายไม่ต้องมาลำบากแบบนี้ ไม่ต้องมาใช้เงินของตัวเองแบบนี้!!!"
(((((ผมเหมือนเกาะผู้หญิงกินไหมครับ ?)))))