(แอบดูมาแล้ว) ฝากไว้ในกายเธอ (2014) : รู้อยู่เต็มอก..นรกอยู่ในใจ



(ข้อเขียนนี้พูดถึงเนื้อหาบางส่วน แต่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่เปิดเผยความลับหนัง)

ความจริงตั้งป้อมอคติไว้พอสมควรกับหนังเรื่องนี้ เนื่องจาก จขกท. ไม่ค่อยปลื้ม ลัดดาแลนด์ ผลงานเรื่องที่แล้วของผู้กำกับ จิม โสภณ สักเท่าไหร่ เพราะดูแล้วเหมือนลักไก่เอาหนังเรื่อง Tokyo Sonata (2008) ของ คิโยชิ คุโรซาวะ มาโคลนนิ่งใหม่เป็นหนังผี  

พอมาคราวนี้ จขกท. เลยมโนไปก่อนล่วงหน้าว่าพี่แกจะไปเอาพล็อตหนังเรื่องไหนมาโมใหม่เป็นหนังผีอีกหรือเปล่า ยิ่งพล็อตหนังของ ฝากไว้ในกายเธอ มาในอารมณ์ผู้ชายสองคนชิงดีชิงเด่นกันเรื่องกีฬา (ว่ายน้ำ) และความรัก แว่บแรกทำเอานึกถึงหนังที่สร้างมาจากมังงะของอาจารย์มิสึรุ อะดะชิ  อย่าง Rough  หรือ Touch ชอบกล แถมซับพล็อตเรื่องผู้ชายท้องได้ก็ชวนให้นึกไปถึงหนังสยองขวัญตลกร้ายอย่าง Bad Milo (2013) เสียเหลือเกิน

แต่สุดท้าย หนังก็ทลายกำแพงอคติของคนดูอย่าง จขกท. ลงได้อย่างราบคาบ เพราะนอกจากจะไม่มีเค้าลางของหนังเรื่องไหนเป็นพิเศษแล้ว ยังทำออกมาได้ดี พาคนดูไปไกลเกินกว่าที่คาดไว้มาก

ฝากไว้ในกายเธอ เป็นเหมือนส่วนผสมของหนังทริลเลอร์ฆาตกรรม กับ หนังผีสยองขวัญ โดยมีส่วนของทริลเลอร์ฆาตกรรมเป็นเส้นเรื่องหลัก ที่สามารถสร้างความระทึกในทางหักเหลี่ยมเฉือนคมให้กับคนดูได้อย่างต่อเนื่อง จากการดำเนินเรื่องผ่านตัวร้ายที่ต้องไล่ลบกลบความผิดที่ตัวเองก่อไว้ให้สำเร็จ ฉากการแย่งกันเข้าเฟซบุ๊คเพื่อ ดูข้อมูล/ลบข้อมูล ระหว่างตัวละครสองฝ่ายนั้นถือเป็นซีเควนซ์ระดับไฮไลต์ ที่สร้างความพลุ่งพล่านให้กับคนดูจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ และก็มีการใส่อารมณ์ขันแทรกเข้ามาขัดได้ในจังหวะจะโคนที่ลงตัว

ขณะที่ในส่วนของผี แม้ถูกอัดเข้ามาเป็นระยะๆ แต่แทบทั้งหมดยังคงเป็นมุก "ตุ้งแช่" ใช้เสียง ใช้ภาพฉับไว เข้าข่มขวัญคนดูแบบเดิมๆ ดาดๆ ยังขาด "จังหวะช็อค" ที่แปลกใหม่ และบางครั้งยังจงใจขายความแหวะสยองแบบไร้เหตุผลอยู่ประปราย อาทิ การให้ตัวละครแอบเข้าไปในบ้านคนตายอีกทางหนึ่ง แต่ตอนออก หาเรื่องให้ตัวละครไปออกในอีกทางหนึ่ง ซึ่งมีศพคนตายขวางทางออกอยู่  และตัวละครต้องแหวกศพเพื่อออกจากบ้านไปเพื่อให้กลายเป็นฉากหลอนๆ ทั้งที่ถ้าตัวละครกลับออกไปทางเดิม(ที่เข้ามา)จะง่ายกว่าหรือเปล่า? และฉากอื่นๆ ทำนองนี้อีกหลายต่อหลายฉากที่ดูจงใจเกินเหตุ

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมแล้ว ฝากไว้ในกายเธอ ยังคงเป็นหนังที่ลงตัว ชัดเจน มีความหนักแน่นในสิ่งที่กำลังพูดถึงมากพอ ตั้งแต่ต้นเรื่องไปจนถึงบทสรุปที่กล้าจะหักหาญหัวใจคนดู โดยไม่อินังขังขอบกับคำว่า "ฟีลกู้ด" อันเป็นสโลแกนและจุดขายของหนังค่ายนี้ และก็เป็นบทสรุปที่สอดคล้องลงตัวกับประเด็น  "นรกในใจ" และ "การสำนึกผิด" ที่หนังพูดมาตั้งแต่ต้น..ที่บางทีก็ดูเหมือนว่าคนยุคนี้ยังมีน้อยเกินไปจริงๆ อย่างที่หนังบอกไว้นั่นแหละ    

คะแนน 3.75 / 5 ดาว

อ่านรีวิว และข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/pages/เกรียนหนัง/112834835539518
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่