
👿👿👿
พูดถึง “หนังผีปอบ” นี่ถือเป็นตำนานระดับชาติของวงการหนังไทยก็ว่าได้ ตั้งแต่ยุค ปอบผีฟ้า, ปอบหวีดสยอง, อีปอบผีป่า ไปจนถึง หอแต๋วแตก ที่ยังขุดมุกปอบมาเล่นไม่รู้จบ จน “ปอบ” กลายเป็นสัญลักษณ์ผีประจำชาติไทยไปแล้ว แต่เรื่อง “ห่าก้อม” (Ha-Kom) กลับพยายามหยิบ “ผีปอบ” มาตีความใหม่อีกครั้ง ในแบบที่ไม่ใช่แค่ผีวิ่งไล่กินตับคน แต่เป็นการสำรวจ “ความเป็นปอบในใจคน” ผ่านบรรยากาศหมู่บ้านชนบทที่เต็มไปด้วยความเชื่อ ความกลัว และความเห็นแก่ตัวของมนุษย์เอง

👿👿👿
📖 เรื่องราวเกิดขึ้นในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งทางภาคอีสาน ที่ชาวบ้านเริ่มล้มป่วยและตายกันอย่างปริศนา จนมีคนกล่าวหาว่าเป็นเพราะ “ผีปอบ” เข้าสิงคนในหมู่บ้าน ความกลัวแผ่ขยายรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง เมื่อทุกคนเริ่มชี้นิ้วหากันเอง ใครที่ดูผิดแผกหรือมีพฤติกรรมประหลาดก็อาจกลายเป็น “ปอบ” ในสายตาคนอื่น และในขณะเดียวกัน ความจริงบางอย่างที่เกี่ยวพันกับ “ครอบครัวหนึ่ง” ในหมู่บ้าน ก็ค่อย ๆ ถูกเปิดเผยออกมา ว่าแท้จริงแล้ว... ใครกันแน่ที่เป็น “ผีปอบของจริง”

👿👿👿
🎥 “ห่าก้อม” เดินเรื่องตามสูตรหนังผีแบบไทยที่คุ้นเคย ผีปอบออกอาละวาด มีคนโดนสิง คนตายทีละคน และตามมาด้วยการไล่ล่าปอบเพื่อกำจัดให้สิ้นซาก แต่สิ่งที่หนังทำได้ดีคือ การใช้จังหวะเล่าเรื่องแบบค่อย ๆ กดดันคนดู จากความสงสัยเล็ก ๆ สู่ความหวาดกลัว และสุดท้ายกลายเป็น “ความโกรธ” ที่สังคมใช้ทำร้ายกันเอง ความรู้สึกของหนังจะคล้ายกับ ผีโทรศัพท์สายสยองผสมกับหนังสังคมอย่าง The Crucible ที่พูดถึง “สังคมล่าแม่มด” ซึ่งดูไปเรื่อย ๆ จะรู้ว่า “ผี” ที่น่ากลัวจริง ๆ ไม่ใช่ตัวที่กินคน... แต่เป็น “คนที่กินกันเอง”

👿👿👿
: จุดเด่นของหนังคือ การตีความใหม่ได้เฉียบ “ห่าก้อม” ใช้ผีปอบเป็นสัญลักษณ์แทน “สันดานคน” ที่เห็นแก่ตัว เอาเปรียบ และพร้อมจะเหยียบคนอื่นเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ซึ่งสะท้อนสังคมได้ดี การล่าแม่มดในหมู่บ้านคือภาพจำลองของ “โซเชียลในยุคปัจจุบัน” ที่พร้อมจะรุมด่าคนโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง บรรยากาศหมู่บ้านชนบท ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างสมจริง ทั้งแสง สี เสียง และการใช้ภาษาถิ่น เพิ่มความขลังและดิบให้กับหนัง และโดยเฉพาะครอบครัวปอบรุ่นเก๋า (ที่แสดงเป็นลุงกับป้าผมจำชื่อแกไม่ได้ แต่คือคนที่เล่นเป็น ปอบตาพวง ในธี่หยด) คือ MVP ของเรื่องจริง ๆ การแสดงถึง มีพลังและน่าเชื่อถือกว่านักแสดงรุ่นใหม่เกือบทั้งหมด

👿👿👿
👎 จุดด้อยของหนังยังคงการเล่าเรื่องยังคงสูตรเดิมของหนังผีไทยทั่วไป เดาง่าย ใครจะตาย ใครจะโดนสิง ดูออกตั้งแต่กลางเรื่อง แถมนักแสดงหน้าใหม่ส่วนใหญ่ดูแข็งทื่อ ขาดอารมณ์ร่วมและความเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะในฉากดราม่าหนัก ๆ แลพูดถึงเรื่องจังหวะการตัดต่อและการหลอกผีบางฉากยังไม่ลงตัว เหมือนจะพยายามทำให้ตกใจแต่กลับดูจงใจเกินไป แล้วก็ CG ที่ยังดูหลอกตาไม่เนียน ทำให้อรรถรสของหนังมันน่ากลัวน้อยลง และเรื่องที่เป็นจุดหลักๆ ที่ยังไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่คือ หนังมีประเด็นดี แต่ขาดน้ำหนักในการขับเนื้อหาให้ไปสุด”

👿👿👿
“ห่าก้อม” อาจไม่ใช่หนังผีที่น่ากลัวที่สุดในรอบปี แต่เป็นหนึ่งในหนังที่ พยายามเล่าเรื่องผีด้วยความหมายใหม่ ผีที่แท้จริงอาจไม่ได้อยู่ในร่างคน แต่แฝงอยู่ในใจของเราเอง ถ้ามองในแง่ของความหลอน มันอาจไม่ถึงขั้นนั่งไม่ติดเก้าอี้ แต่ถ้ามองในมุมของ “ความเป็นมนุษย์” หนังเรื่องนี้อาจทำให้คุณรู้สึกหนาวกว่าผีเสียอีก
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai
[CR] [#Review] ห่าก้อม - เมื่อผีปอบไม่ได้น่ากลัวเท่าคน
👿👿👿
พูดถึง “หนังผีปอบ” นี่ถือเป็นตำนานระดับชาติของวงการหนังไทยก็ว่าได้ ตั้งแต่ยุค ปอบผีฟ้า, ปอบหวีดสยอง, อีปอบผีป่า ไปจนถึง หอแต๋วแตก ที่ยังขุดมุกปอบมาเล่นไม่รู้จบ จน “ปอบ” กลายเป็นสัญลักษณ์ผีประจำชาติไทยไปแล้ว แต่เรื่อง “ห่าก้อม” (Ha-Kom) กลับพยายามหยิบ “ผีปอบ” มาตีความใหม่อีกครั้ง ในแบบที่ไม่ใช่แค่ผีวิ่งไล่กินตับคน แต่เป็นการสำรวจ “ความเป็นปอบในใจคน” ผ่านบรรยากาศหมู่บ้านชนบทที่เต็มไปด้วยความเชื่อ ความกลัว และความเห็นแก่ตัวของมนุษย์เอง
👿👿👿
📖 เรื่องราวเกิดขึ้นในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งทางภาคอีสาน ที่ชาวบ้านเริ่มล้มป่วยและตายกันอย่างปริศนา จนมีคนกล่าวหาว่าเป็นเพราะ “ผีปอบ” เข้าสิงคนในหมู่บ้าน ความกลัวแผ่ขยายรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง เมื่อทุกคนเริ่มชี้นิ้วหากันเอง ใครที่ดูผิดแผกหรือมีพฤติกรรมประหลาดก็อาจกลายเป็น “ปอบ” ในสายตาคนอื่น และในขณะเดียวกัน ความจริงบางอย่างที่เกี่ยวพันกับ “ครอบครัวหนึ่ง” ในหมู่บ้าน ก็ค่อย ๆ ถูกเปิดเผยออกมา ว่าแท้จริงแล้ว... ใครกันแน่ที่เป็น “ผีปอบของจริง”
👿👿👿
🎥 “ห่าก้อม” เดินเรื่องตามสูตรหนังผีแบบไทยที่คุ้นเคย ผีปอบออกอาละวาด มีคนโดนสิง คนตายทีละคน และตามมาด้วยการไล่ล่าปอบเพื่อกำจัดให้สิ้นซาก แต่สิ่งที่หนังทำได้ดีคือ การใช้จังหวะเล่าเรื่องแบบค่อย ๆ กดดันคนดู จากความสงสัยเล็ก ๆ สู่ความหวาดกลัว และสุดท้ายกลายเป็น “ความโกรธ” ที่สังคมใช้ทำร้ายกันเอง ความรู้สึกของหนังจะคล้ายกับ ผีโทรศัพท์สายสยองผสมกับหนังสังคมอย่าง The Crucible ที่พูดถึง “สังคมล่าแม่มด” ซึ่งดูไปเรื่อย ๆ จะรู้ว่า “ผี” ที่น่ากลัวจริง ๆ ไม่ใช่ตัวที่กินคน... แต่เป็น “คนที่กินกันเอง”
👿👿👿
: จุดเด่นของหนังคือ การตีความใหม่ได้เฉียบ “ห่าก้อม” ใช้ผีปอบเป็นสัญลักษณ์แทน “สันดานคน” ที่เห็นแก่ตัว เอาเปรียบ และพร้อมจะเหยียบคนอื่นเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ซึ่งสะท้อนสังคมได้ดี การล่าแม่มดในหมู่บ้านคือภาพจำลองของ “โซเชียลในยุคปัจจุบัน” ที่พร้อมจะรุมด่าคนโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง บรรยากาศหมู่บ้านชนบท ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างสมจริง ทั้งแสง สี เสียง และการใช้ภาษาถิ่น เพิ่มความขลังและดิบให้กับหนัง และโดยเฉพาะครอบครัวปอบรุ่นเก๋า (ที่แสดงเป็นลุงกับป้าผมจำชื่อแกไม่ได้ แต่คือคนที่เล่นเป็น ปอบตาพวง ในธี่หยด) คือ MVP ของเรื่องจริง ๆ การแสดงถึง มีพลังและน่าเชื่อถือกว่านักแสดงรุ่นใหม่เกือบทั้งหมด
👿👿👿
👎 จุดด้อยของหนังยังคงการเล่าเรื่องยังคงสูตรเดิมของหนังผีไทยทั่วไป เดาง่าย ใครจะตาย ใครจะโดนสิง ดูออกตั้งแต่กลางเรื่อง แถมนักแสดงหน้าใหม่ส่วนใหญ่ดูแข็งทื่อ ขาดอารมณ์ร่วมและความเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะในฉากดราม่าหนัก ๆ แลพูดถึงเรื่องจังหวะการตัดต่อและการหลอกผีบางฉากยังไม่ลงตัว เหมือนจะพยายามทำให้ตกใจแต่กลับดูจงใจเกินไป แล้วก็ CG ที่ยังดูหลอกตาไม่เนียน ทำให้อรรถรสของหนังมันน่ากลัวน้อยลง และเรื่องที่เป็นจุดหลักๆ ที่ยังไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่คือ หนังมีประเด็นดี แต่ขาดน้ำหนักในการขับเนื้อหาให้ไปสุด”
👿👿👿
“ห่าก้อม” อาจไม่ใช่หนังผีที่น่ากลัวที่สุดในรอบปี แต่เป็นหนึ่งในหนังที่ พยายามเล่าเรื่องผีด้วยความหมายใหม่ ผีที่แท้จริงอาจไม่ได้อยู่ในร่างคน แต่แฝงอยู่ในใจของเราเอง ถ้ามองในแง่ของความหลอน มันอาจไม่ถึงขั้นนั่งไม่ติดเก้าอี้ แต่ถ้ามองในมุมของ “ความเป็นมนุษย์” หนังเรื่องนี้อาจทำให้คุณรู้สึกหนาวกว่าผีเสียอีก
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้