จากใจ Athist คนนึง

บางทีคนเรามักเอาเรื่องความเชื่อตัวเองมายัดเยียดคนอื่นนะ
เช่น ผมคุยกับเพื่อน มันบอกวันอาทิตย์ไม่กินเนื้อสัตว์ มันนับถืออะไรไม่รู้ของมัน
แล้วบางคนไม่กินเนื้อ ไม่กินหมู กินผัก กินถั่ว นับถือนู่นนี่นั่น ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก ผมก็เออ ออ
บางคนบอกผม ทำไมไม่ไปสะเดาะคราะห์ ไปไหว้นู่นไหว้นี่
เคยมีเพื่อนคริสเตียนมาบอกชักชวนผมเข้ารีตอยู่พักนึง เพราะภายนอกผมดูเนิร์ดๆเหมือนน่าหัวอ่อน แต่จริงๆแล้วไม่ใช่หรอก ผมเป็นคนที่"ไม่เชื่อ" อะไรเพราะเขาบอกให้เชื่อ หรือ เชื่ออะไรที่เชื่อต่อๆกันมา แม่ปากบอกเออ ออ ก็เออ ออ ไปงั้นๆแหละ เออ ออ เพื่อไม่ต้องไปขัดแย้งอะไรกับใคร

ผมไม่มีศาสนา จิงๆก็พุทธอะนะ แต่พุทธแค่ในบัตรประชาชน ก็อยากเปลี่ยนบัตรเหมือนกัน เพราะเราไม่นับถือศาสนาจริงๆ แต่ไปเปลี่ยนก็เท่านั้น ในบัตรมันก็แค่บัตร แต่ใจเราไม่นับถือ ก็แค่นั้นเอง แต่เวลาเราบอกกับใคร เช่น ผมเคยบอกกับเพื่อนผมคนนึง ว่าผมไม่มีศาสนา มันก็ด่าบอกคนอะไรไม่มีศาสนา แต่ก็เข้าใจ คนทุกคนมีกลไกลในการปกป้องตัวเอง รวมถึงกลไกลในเรื่องความเชื่อ เพราะหากกำแพงความเชื่อของเขาถูกทำลายลง สำหรับคนที่เชื่ออะไรสักอย่างมากๆ การทำลายความเชื่อชองเขา มันเหมือนฆ่าเขานั่นแหละ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่มนุษย์เราจะมีกลไกลรักษาความเชื่อของตัวเองอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู แต่ผมไม่มีกำแพงที่ว่า เพราะผมเชื่อในเรื่องเหตุและผล เรื่อง ตรรกกะศาตร์ที่พิสูจน์ได้ที่ปราศจากเรื่องเล้นลับอภินิหาร ความเชื่อของผมตั้งอยู่ในวิทยาศาสตร์ และ กฏฟิสิกส์

มีญาติผู้ใหญ่คนนึงชอบบอก สวดมนต์สิ สวดให้พระช่วยเรา เราจะสมหวัง แต่ผมก็ไม่ทำ เพราะผมไม่เชื่อ ผมเชื่อในหลักตรรกะศาสตร์ การมีของเหตุและผล
แต่นิสัยผมเป็นคนถ้าต่อหน้าผมจะไม่พูดไม่เถียงใคร ใครจะเชื่ออะไรยังไง คิดยังไง ผมไม่ชอบไปขัดแย้งความคิดเขา คือจะเออ ออ ไป เพราะไอ้เรื่องการโต้แย้งเคยมาแล้ว แต่คิดไปคิดมา ไร้สาระเป็นบ้าเลยว่ะ ไม่มีอะไรนอกจากทะเลาะกัน

ผมเชื่อในหลักวิทยาศาสตร์ มันต้องมีการตั้งสมมุติฐาน ต้องมีการทดลอง เช่น ผมเคยอยากรู้เรื่องนึง (ไม่บอกว่ามันคือเรื่องอะไร) ใครบอกมันเป็นแบบนี้ๆๆ ผมไม่เชื่อ ผมเลยทดลองโดยผมปฏิบัติภาคสนาม สัมผัสถึงพื้นที่ ผมลงทุน Reserch หาข้อมูลเลยนะ หาเพื่ออะไร ไม่มีอะไรมาก ก็แค่อยากรู้เท่านั้นเอง ผมทดสอบตั้งสมมุติฐาน ถ้าเฟล ไม่เป็นผล ก็คิดใหม่ ตั้งสมมุติฐานใหม่ ทดลอง ทำๆๆๆๆ จนตกผลึก รู้จนไม่มีอะไรต้องรู้อีกต่อไป ตอนนั้นพอเรารู้ ตกผลึกเยอะๆ ผมก็มาเถียง มาสู้ในบอร์ดแห่งนั้น เพื่อที่จะเอาชนะพวกที่ไม่ออกปฏิบัติแต่อ่านในตำรา และ มโนไปเองว่าสิ่งที่เขารู้มามันถูกต้อง ทะเลาะกันถึงขั้นที่มันจะมาดักต่อยผม555+ จนผมมีความรู้สึก เออ เอาชนะเขาได้ โน้มน้าวพวกเขาได้ แล้วได้อะไร ความนับถือเหรอ นับถือแล้วมีอะไร ก็แค่เราฟิน เออ มันฟินกันทุกคนแหละถ้าคนมานับถือหรือยกย่องเรา แต่คิดไปคิดมา ไร้สาระว่ะ คุณจะเชื่ออะไรก็เรื่องของคุณเหอะ ขี้เกียจโน้มน้าว เพราะกว่ากุจะเห็นภาพได้ขนาดนี้ มันต้องทดลองแล้วทดลองอีก ไม่ใช่มีแต่ความเชื่อ แล้วมโนไปเอง

เพราะการเปลี่ยนความคิดใครสักคนหนึ่ง มันไม่ใช่แค่เสนอความคิดให้เขาฟัง และ โต้เถียงเท่านั้น เพราะการโต้เถียงความคิดที่ขัดแย้งมันไม่มีอะัไรนอกจากทะเลาะไม่สิ้นสุด เพราะต่างฝ่ายเชื่อคนละแบบ ถ้าจะเปลี่ยนความคิดคน มันต้องใส่ความคิดจากจุดเล็กๆ และค่อยๆใส่ข้อมูลในสมองไปเรื่อยๆ โดยไม่ให้เขารู้สึกต่อต้านหรือขัดแย้ง และ ต้องใช้เวลานาน เพราะการที่คนเราก่อนที่จะเชื่ออะไรสักอย่างนึง มันต้องมีการต่อยอดความคิดและกระทำอย่างต่อเนื่อง มันเปลี่ยนยากก็ไม่ต้องไปเปลี่ยน อย่างในเพจ Athist ผมก็เป็นเอธิส(เอธิสคือกลุ่มคนไม่นับถือศาสนา) ก็ชอบไปด่าศาสนานู้นศาสนานี้ ผมก็คิด เออ ด่าไปก็เท่านั้น เขาเชื่ออย่างนั้น พูดไปมีแต่ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมา ก็มันเชื่อคนละแบบ เหมือนด่าสะใจเข้าว่า แล้วเราจะโน้มน้าวใจคนอื่นให้มาไม่เชื่อเหมือนเรา เพื่ออะไร เพื่อต้องการเอาชนะ? ชนะแล้วได้อะไร ชนะแล้วกูฟิน แค่นั้นอะนะ สู้โหลดเอวีนั่งสไลท์หนอนดีกว่ายังงั้น
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ผมไม่เชื่อเรื่องบาปบุญมีจริง
เพราะมันพิสูจน์ไม่ได้
แฟนผมก้อมีอยู่ และ ผม30แล้ว แต่ผมก็ชอบสไลท์หนอนมากกว่าเพราะเบื่อกลิ่นเดิมๆ
ผมชอบกาม ผมชอบเที่ยวอาบอบนวด แล้วไง
ผมเป็นมนุษย์ มีความอยาก มีกิเลศ ผมไม่ต้องการนิพพาน
ผมไม่ต้องการไปอยู่บนสวรรค์ บนสวรรค์ถ้าไม่มีอินเตอร์เน็ท ไม่มีเพลงฟัง ไม่มีเหล้ากิน คงน่าเบื่อชะมัด

เคยมีคนบอกไม่มีศาสนาเอาอะไรเป็นที่พึ่ง
ผมบอกไม่จำเป็น
เพื่อนผมบอกว่าถ้าไม่มีศาสนาเวลาตายทำยังไง
ผมก็บอก อืม เอาไปโยนให้หมาแทะเล่นก็ได้นะ จะเอาไปทำอะไรก็เรื่องของคุณเหอะ
แต่จริงๆผมบริจาคให้สภากาชาดไปทั้งตัวนะ ไม่ใช่อยากได้บุญ เพราะผมไม่เชื่อว่าบุญมีจริง
ผมแค่บริจาคเพื่อให้นักศึกษาได้ลองผ่า ส่วนตา ตับ ม้าม หัวใจ ให้คนที่เขาอยู่ไว้ใช้ได้
สำหรับผม ความตายก็คือ ไฟฟ้าในสมองหยุดทำงาน แบททีเรียก็เริ่มย่อยสลายกลับสู่ธรรมชาติ
แค่นั้นแหละไม่มีอะไรมากกว่านั้น

และนี่ก็เหมือนที่ผมเขียนไว้
พวกคุณเริ่มปกป้องความเชื่อตัวเองแล้ว แต่ผมจะไม่ทะเลาะด้วย เพราะผมรู้กลไกลอยู่
ผมไม่สามารถโน้มน้าวให้คุณเลิกเชื่อ
ในขณะที่ผมไม่สามารถเชื่อในแบบคุณได้ เพราะผมรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผล
พิสูจน์ไม่ได้ ผมก็ไม่เชื่อ

แต่ศาสนาพุทธ มีกาลามสูตรไม่ใช่เหรอ
ผมไม่นับถือพุทธ ผมยังใช้หลักกาลามสูตรเลย
แต่ทำไมคนนับถือพุทธ เชื่อง่ายจังเนอะ

ไปดูหนังดีกว่าวันนี้วันหยุด จบการโต้เถียงแระ ไปแระ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่