ผู้ปฏิบัติธรรมจะเข้าใจ พุทธศาสนาไม่ตั้งสมมุติฐาน เหมือนวิทยาศาสตร์

ความแตกต่างของความเชื่อในทางวิทยาศาสตร์  กับความเชื่อในพระพุทธธรรม



ขั้นตอนของนักวิทยาศาตร์จะ

๑.    ตั้งสมมุติฐาน

๒.    ทดลอง

๓.   เอาผลจากการทดลองมา ตั้งทฤษฎี

ในทางวิทยาศาตร์  ทุกอย่างที่ศึกษาไม่จำเป็นต้องถูกต้อง   เมื่อมีทฤษฎีใหม่  ทฤษฎีเก่าอาจถูกหักล้างไปได้

การคันพบใหม่เป็นตัวกำหนด



ในทางพุทธศาสนา   แตกต่างโดยสิ้นเชิง

ความรู้  คือปัญญาที่เกิดขึ้น  ไม่ใช่สมมุติฐาน

ปัญญาในพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นได้จากการปฏิบัติธรรมตามหลักอริยมรรคที่มีองค์แปด

ปัญญาเกิดขึ้นจากการผุดขึ้นในจิต  แตกต่างจากวิทยาศาสตร์ที่ปัญญาจะเกิดจากประสพการณ์การทดลองเป็นหลักสำคัญ

มีบ้างในทางวิทยาศาสตร์  ที่ปัญญาเกิดจาก  ผุดขึ้นในจิต


การเกิดปัญญาในทางพุทธศาสนาอย่างน้อยต้องมีสมาธิระดับหนึ่ง

ปัญญา  หรือ  เรียกญาณมีลักษณะ

๑.    เหมือนจิตสังหรณ์  เช่นเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นแต่รู้จัก

๒.    เหมือนฝันที่เป็นจริง

๓.    เหมือนเสียงกระซิบข้างหู


ู^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^

ดังนั้นการเปรียบเทียบที่ว่าBigbang   เราไม่เคยเห็นทำไมเราเชื่อ

คำตอบคื่อ  เราเชื่อในระดับสมมุติฐาน  จนกว่ามีการค้นพบใหม่มาหักล้าง


สวรรค์  นรก  เราไม่จำเป็นต้องเห็นเราก็ต้องเชื่อได้เช่นกัน

คำตอบ  สวรรค์  นรกเป็นเรื่องปรมัตถ์ธรรม  ในพระพุทธศาสนาเรามีพระพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้แล้ว  

ฉนั้นเราจะสรุปเชื่อ  หรือไม่เชื่ออะไรด้วยการสมมุติฐานของตนเองไม่ได้

ต้องเชื่อตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า  

พระพุทธเจ้าตรัสเพียงไหน  เชื่อแค่นั้น


นิพพานเราไม่เคยบรรลุทำไมเราเชื่อ  เชื่อเพราะศรัทธาในพระพุทธเจ้าคือคำตอบ  เป็นพละเป็นกำลังในการนำสู่การปฏิบัติธรรม

^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^

ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาแห่งการคาดเดา   หรือเป็นปรัชญา  หรือวิทยาศาสตร์

ศาสนาพุทธคือศาสนาแห่งการปฏิบัติด้วยตนเอง


สวัสดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่