ผลกรรมของคนเจ้าชู้ ผิดลูกผิดเมีย จะเป็นในทำนองนี้แล

กรรมของคนเจ้าชู้ ผิดลูกผิดเมียผู้อื่น ในพระไตรปิฎก             

               ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เกิดในตระกูลพราหมณ์ในกาสิกคามแห่งหนึ่ง เจริญวัยแล้วก็ละกามทั้งหลายบวชเป็นฤาษี ทำฌานและอภิญญาให้เกิดขึ้น เล่นฌานอยู่ในไพรสณฑ์อันน่ารื่นรมย์ ณ ประเทศหิมพานต์.

                ขณะนั้นพระเจ้าพาราณสีได้ยินเสียง ๔ อย่างของสัตว์นรก ๔ ตนในตอนกลางคืน ทรงหวาดกลัวสะดุ้งพระทัยอย่างมาก โดยสัตว์ทั้ง ๔ ร้องเพียงตนละคำเท่านั้น คือ

สัตว์นรกตนหนึ่งร้องว่า  ทุ
สัตว์นรกตนที่สองร้องว่า   ส
สัตว์นรกตนที่สามร้องว่า   น
สัตว์นรกตนที่สามร้องว่า   โส


             พราหมณ์ทั้งหลายจึงกราบทูลว่า จะเกิดภัยอันตรายขึ้น ๓ อย่าง ไม่อย่างหนึ่งอย่างใดแน่นอน ข้าพระองค์ทั้งหลายจะทำการบูชายัญ โดยใช้สิ่งของ ๔ อย่าง อย่างละ ๔ นั่นคือ ช้าง ๔ ม้า ๔ โคผู้ ๔ มนุษย์ ๔ จึงจะหยุดภัยอันตรายนั้นลงได้ พระราชาก็ทรงยินยอม ปุโรหิตพร้อมกับพวกพราหมณ์จึงให้ขุดหลุมสำหรับบูชายัญ. เหล่าคนและสัตว์ต่างถูกจับมัดไว้ที่หลัก.

            ในเวลานั้นเอง พระโพธิสัตว์กระทำเมตตาภาวนาให้เป็นปุเรจาริก ตรวจดูชาวโลกด้วยทิพยจักษุ ได้เห็นเหตุนี้แล้วคิดว่า วันนี้เราควรจะไปทำความสวัสดีปลอดภัยแก่มหาชน จึงเหาะขึ้นไปในอากาศด้วยกำลังฤทธิ์ แล้วลงที่พระราชอุทยานของพระเจ้าพาราณสี นั่งอยู่ที่แผ่นมงคลศิลาประดุจรูปทอง.

            ศิษย์ผู้ใหญ่ของปุโรหิตทราบข่าวการเตรียมบูชายัญ  จึงเข้าไปห้ามปรามอาจารย์ไม่ให้ทำการเพื่อทำร้ายชีวิตผู้อื่น แต่ปุโรหิตไม่รับฟัง ศิษย์นั้นคิดว่า เราจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้ จึงออกไปยังพระราชอุทยาน เห็นพระโพธิสัตว์แล้วจึงไหว้ กระทำปฏิสันถารแล้วนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง.

            พระโพธิสัตว์ถามว่า มาณพพระราชาครองราชสมบัติโดยธรรมหรือ?

            ศิษย์นั้นกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ พระราชาทรงครองราชสมบัติโดยธรรม แต่ในตอนกลางคืน พระราชาได้ทรงสดับเสียง ๔ ประการจึงตรัสถามพราหมณ์ทั้งหลาย พวกพราหมณ์กราบทูลว่า ข้าพระองค์ทั้งหลายจักบูชายัญด้วยสิ่งทั้งปวงอย่างละ ๔ แล้วจักกระทำความสวัสดีให้ พระราชาทรงพระประสงค์จะทำกรรม คือฆ่าปศุสัตว์ แล้วกระทำความสวัสดีให้แก่ตน มหาชนถูกนำเข้าไปไว้ที่หลัก ท่านผู้เจริญ การที่ผู้มีศีลเช่นกับท่านจะบอกความสำเร็จผลแห่งเสียงเหล่านั้น แล้วปลดปล่อยมหาชนจากปากแห่งความตาย ย่อมไม่ควรหรือหนอ.

           พระโพธิสัตว์กล่าวว่า มาณพ พระราชาไม่ทรงรู้จักพวกเรา แม้พวกเราก็ไม่รู้จักพระราชาพระองค์นั้น แต่เราทั้งหลายรู้จักความสำเร็จผลแห่งเสียงเหล่านี้ ถ้าพระราชาจะเสด็จมาหาเราแล้วถาม เราจะทูลถวายพระราชาให้หมดความสงสัย.

           ศิษย์นั้นจึงไปกราบทูลแด่พระราชาแล้วนำพระองค์เสด็จมา.

           พระราชาทรงไหว้พระโพธิสัตว์  แล้วตรัสถามว่า ได้ยินว่า ท่านรู้ความสำเร็จผลแห่งเสียงที่ข้าพเจ้าได้ฟังมา จริงหรือ.

           พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า จริงมหาบพิตร ในภพก่อนสัตว์นรกเหล่านี้ เพราะทั้ง ๔ ประพฤษผิดลูกผิดเมียผู้อื่น ผิดในหญิงที่มีเจ้าของดูแลรักษา จึงต้องไปเกิดในโลหกุมภีทั้ง ๔ ขุม ณ ที่ใกล้พระนครพาราณสี ถูกเคี่ยวจนกายเป็นฟองในน้ำด่างโลหะอันเดือดพล่าน ตกไปเบื้องล่างจรดถึงภาคพื้นสิ้นเวลา ๓ หมื่นปี พอเวลาผ่านไป ๓ หมื่นปีก็ได้ผุดขึ้นมาเห็นปากหม้อโลหกุมภี ได้จังหวะเหลือบไปเห็นกันและกันชั่วขณะ ทั้ง ๔ คนก็เลยอยากจะพูดจากัน แต่ไม่สามารถจะพูดให้ได้ครบประโยค ทำได้แค่ร้องออกมาคนละอักขระเดียวเท่านั้น ก็ผุดกลับจมลงในโลหกุมภีตามเดิมอีก

           สัตว์ที่ร้องได้แค่อักษร ทุ แล้วจมลงไป ต้องการจะพูดว่า เมื่อครั้งเรายังมีชีวิต มีทรัพย์สมบัติทั้งหลายอยู่ พวกเราไม่เคยให้ทาน ไม่ได้ทำความดีอะไรไว้เลย พวกเราจึงมีได้มาทุกข์ทรมานกันขนาดนี้.

           สัตว์ที่ร้องได้แค่อักษร ส แล้วจมลงไป ต้องการจะพูดว่า พวกเราทั้งหลายต้องหมกไหม้อยู่ในนรกมาตลอด ๖ หมื่นปีแล้ว เมื่อไรจะสิ้นสุดซะที

           สัตว์ที่ร้องแค่อักษร น แล้วจมลงไป ต้องการจะพูดว่า โธ่เพื่อนเอ๋ย มันไม่มีที่สิ้นสุดหรอก เป็นไปไม่ได้เลยเพื่อนเอ๋ย เพราะในตอนนั้น พวกเราทำบาปทำกรรมไว้มาก.

          สัตว์ที่ร้องแค่อักษร โส แล้วจมลงไป ต้องการจะกล่าวว่า หากพวกเราได้หลุดออกไปจากที่นี่ ได้ไปเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง จะทำแต่ความดี อยู่ในศีลในธรรม จะทำบุญทำกุศลให้มากเลย.

           ดูก่อนมหาบพิตร สัตว์นรกนั้นอยากจะพูดจบประโยค แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะความที่บาปกรรมนั้นใหญ่หลวงนัก ดังนั้นสัตว์นรกจึงทำได้แค่ร้องขณะที่กำลังเสวยวิบากกรรมของตน  พระองค์อย่าทรงวิตก เสียงเหล่านี้ไม่มีอันตรายอะไรเลย

          พระราชาจึงรับสั่งให้ปล่อยมหาชนแล้ว ให้เที่ยวตีกลองสุวรรณเภรี ป่าวประกาศให้ทำลายหลุมยัญ พระโพธิสัตว์จึงเทศนาสั่งสอนแก่มหาชนแล้วพักอยู่ ๒-๓ วัน จึงได้ไปที่หิมวันตประเทศนั้นนั่นเอง เป็นผู้มีฌานไม่เสื่อม จึงไปเกิดในพรหมโลก.


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙ ขุททกนิกาย จตุกกนิบาตชาดก ปุจิมันทวรรค ๔ โลหกุมภีชาดก

http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=554

อ่านเรื่องกฎแห่งกรรม คลิ้กตามลิงค์เลยค่ะ
https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1-Karmic-Law/262264340651191
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่