เนี่ยแซ (เหนี่ยแซ) วันคล้ายวันสำเร็จมรรคผลพระโพธิสัตว์กวนอิม

“เนี่ยแซ" (เหนี่ยแซ) วันสำเร็จมรรคผลพระโพธิสัตว์กวนอิม

วันอาทิตย์ 13 กค. 68 ถือเป็นวันคล้ายวันสำเร็จมรรคผลพระโพธิสัตว์กวนอิม (เจ้าแม่กวนอิม)

3 วันสำคัญในหนึ่งปี พระโพธิสัตว์กวนอิม
วันสำเร็จมรรคผลนี้ถือเป็น 1 ใน 3 วันสำคัญ (เนี่ยแซ) ซึ่งทั้งชาวไทย และชาวจีน รวมถึงผู้คนอีกหลากหลายเชื้อชาติ ที่มีความเลื่อมใสศรัทธา ต่างพร้อมใจกันจัดทำพิธี กราบไหว้ สักการะบูชา และถือศีลกินเจเพื่อเป็นการระลึกถึงองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม  แฟนเพจหลายๆท่านคงเตรียมทำขนม/อาหารเจถวาย  แม่นันก็เช่นกันค่ะ

เคยสังสัยกันมั้ยคะว่า ทำไมในหนึ่งปีปฏิทินจีนถึงมีวัน “เนี่ยแซ” (ที่แปลว่าวันเกิดพระโพธิสัตว์กวนอิม) ถึงสามครั้ง
คนจีนเค้าเรียกทั้ง 3 วันสำคัญนี้ว่า “เนี่ยแซ” หรือ“เหนี่ยแซ” ในหนึ่งปีจะไหว้ “อาเนี่ยแซ” 3 ครั้ง  (วันคล้ายวันประสูติ วันคล้ายวันออกบวช และวันคล้ายวันสำเร็จมรรคผล) ซึ่งจะตรงกับวันต่างๆ ตามจันทรคติจีน
- วันประสูติเจ้าแม่กวนอิม (19 ค่ำ เดือน 2)  
- วันคล้ายวันออกบวชเจ้าแม่กวนอิม (19 ค่ำ เดือน 9)  
- วันคล้ายวันสำเร็จมรรคผลของเจ้าแม่กวนอิม (19 ค่ำ เดือน 6)  คือวันนี้ 13 กค.68

วันเกิดเจ้าแม่กวนอิม มีที่มาอย่างไร
พระโพธิสัตว์กวนอิม หรือที่ชาวไทยเราเรียกติดปากว่า เจ้าแม่กวนอิม คือพระโพธิสัตว์ฝ่ายมหายาน และเป็นองค์เดียวกันกับ พระอวโลกิเตศวร ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ในภาษาสันสกฤต ซึ่งมีต้นกำเนิดจากพระสูตรมหายานในอินเดีย ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือกันมาแต่โบราณ จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นพระโพธิสัตว์ของฝ่ายมหายานที่มีผู้ศรัทธามากที่สุด และเป็นที่รู้จักมากที่สุดไปทั่วโลกอีกด้วย ด้วยความที่พระองค์ทรงมีความเมตตาต่อสรรพสัตว์อย่างไม่มีประมาณ ซึ่งกล่าวกันว่าท่านได้ตั้งปณิธานไว้ว่า "หากยังมีสัตว์ตกทุกข์ได้ยากอยู่ ก็จะไม่ขอบรรลุพุทธภูมิ" นอกจากนี้ยังเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของความกตัญญูกตเวที ซึ่งเป็นคุณธรรมสำคัญที่ชาวจีนยึดมั่นอีกด้วย

เจ้าแม่กวนอิม เป็นผู้หญิง หรือเป็น ผู้ชาย
พระโพธิสัตว์ในพุทธศาสนานั้น หมายถึงผู้ที่บำเพ็ญบารมีเพื่อช่วยเหลือทรัพย์สัตว์ด้วยความเมตตา เพื่อจุดมุ่งหมายสูงสุดคือการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าและนำพาสัตว์ทั้งหลายให้ข้ามพ้นห้วงทุกข์ ซึ่งมีอยู่หลายพระองค์จนนับไม่ถ้วน และเมื่อศาสนาเผยแผ่ไปที่ใดก็มักจะมีการผสานกลมกลืนเข้ากับความเชื่อของท้องถิ่นนั้นๆ ไม่มากก็น้อย ดังเช่นเจ้าแม่กวนอิมที่มีรูปลักษณ์ผู้หญิงในดินแดนทิเบต จีน และญี่ปุ่นนั้น แท้จริงแล้วก็คือองค์เดียวกับ พระอวโลกิเตศวร ที่มีรูปลักษณ์เป็นชายในอินเดียนั่นเอง

ซึ่งนักวิชาการได้สันนิษฐานว่า เมื่อความเชื่อเรื่องพระโพธิสัตว์จากอินเดียแผ่ไปถึงดินแดนจีน ก็มีการผสมผสานเข้ากับตำนานพื้นบ้านเรื่องเจ้าหญิงเมี่ยวซาน จนกลายเป็นพระโพธิสัตว์ในภาคสตรีชื่อกวนอิมขึ้นมา ซึ่งเป็นการผสมผสานที่กลมกลืนเข้ากับความเชื่อและวัฒนธรรมได้อย่างไม่ขัดแย้ง เพราะในสัทธรรมปุณฑรีกสูตรได้กล่าวถึงพระอวโลกิเตศวรว่าสามารถแบ่งภาคจุติได้มากมายหลายปาง รวมถึงปางบุรุษและปางสตรี เพื่อโปรดสรรพสัตว์จำนวนมากมายได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ดังนั้นจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่สำคัญเท่ากับความเมตตากรุณาอันยิ่งใหญ่ของพระโพธิสัตว์ ที่มุ่งช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นจากความทุกข์ เป็น "ผู้เฝ้ามองดูด้วยความเมตตากรุณา" หรือ "ผู้ทรงสดับฟังเสียงร้องไห้ของสัตว์โลก" สมดังความหมายของพระนาม "พระอวโลกิเตศวร" นั่นเองค่ะ
ในวัน “เนี่ยแซ”  ตามศาลเจ้าหรือวัดมักจะมีพิธีบูชาเจ้าแม่กวนอิม เช่น พิธีสวดมนต์กงฮุก คือถวายภัตตาหารเจ ผลไม้ และของหวานในช่วงเช้า และสวดมนต์โพวหมึ่งปิ้งในตอนค่ำเพื่อเป็นการสรรเสริญบารมีของเจ้าแม่กวนอิม รวมถึงขอขมาและขอพรจากเจ้าแม่กวนอิม เป็นต้น

นอกจากนี้ยังสามารถบูชาได้ตามศรัทธา โดยหลักๆ คือ การถือศีลกินเจในวันนั้น สวดมนต์ และปฏิบัติธรรม เพื่อระลึกถึงเจ้าแม่กวนอิม และขอพรให้เกิดสิริมงคลกับตนเองและครอบครัวค่ะ

.
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก mcot.net และมาม้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่