รู้ทันกฎหมาย:เมื่อศาลตัดสินให้ประหารชีวิต จะถูกประหารทันที หรือไม่ ?

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมามคดีสะเทือนขวัญเกิดขึ้น จนทำให้วงการรถไฟไทยต้องสูญเสียความเชื่อมั่น และทำให้ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องพ้นจากตำแหน่ง นั่นคือ กรณีลูกจ้างของการรถไฟฯ ข่มขืนเด็กหญิงอายุ 13 ปี พร้อมกับอำพรางคดีด้วยการนำศพทิ้งออกนอกขบวนรถไฟ และในอีกระแสนึงก็ได้เริ่มมีการรณรงค์ให้ความผิดข่มขืนกระทำชำเรา มีโทษประหารชีวิต

แต่ที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้ ก็คือเมื่อศาลตัดสินให้ประหารชีวิต จะถูกประหารทันที หรือไม่ ?

ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลวิธีพิจารณาความอาญา พ.ศ. 2477 (ป.วิ อาญา)
มาตรา 245 วรรคสอง "ศาลชั้นตนมีหนาที่ตองสงสํานวนคดีที่พิพากษาใหลงโทษประหารชีวิต หรือจําคุกตลอดชีวิต ไปยังศาลอุทธรณในเมื่อไมมีการอุทธรณคําพิพากษานั้น และคําพิพากษาเชนวานี้จะยังไมถึงที่สุด เวนแตศาลอุทธรณจะไดพิพากษายืน"
ซึ่งหมายถึง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ประหารชีวิตแล้วนั้น ศาลจะยังไม่กำหนดวันประหารทันที แต่จะส่งคดียื่นต่อศาลอุทธรณ์
ถ้าหากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ประหารชีวิตตามศาลชั้นต้น ศาลก็จะกำหนดวันประหารทันที

แต่ มาตรา 247 วรรคหนึ่ง "คดีที่จําเลยตองประหารชีวิต หามมิใหบังคับตามคําพิพากษา จนกวาจะไดปฏิบัติตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายนี้วาดวยอภัยโทษแลว"
ซึ่งหมายถึง ถ้าหากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ประหารชีวิติแล้ว ศาลจะยังไม่กำหนดวันประหารอีกเช่นกัน โดยต้องรอให้จำเลย หรือ ญาติจำเลย ไปยื่นคำร้องขอพระราชทานอภัยโทษซึ่งต้องทำภายใน 60 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาตามมาตรา 262

ซึ่งถ้าหาก จำเลย หรือ ญาติจำเลย ได้ยื่นคำร้องขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว ศาลจะยังไม่กำหนดวันประหารจนกว่ามีพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งจะออกบังคับใช้ในปีมหามงคล

ซึ่งการขอพระราชทานอภัยโทษสำหรับนักโทษประหารชีวิตจะกระทำได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

แต่ถ้าหากจำเลยตัดสินใจไม่ยื่นคำร้องขอพระราชทานอภัยโทษ ศาลก็จะกำหนดวันประหาร และให้นำตัวไปประหารด้วยการฉีดยาพิษทันที
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่