"เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนาน"
บอกกับตัวเองว่า ไปแลกเปลี่ยนครั้งนี้ จะไม่มีการเสียน้ำตาไร้สาระแบบคราวที่แล้ว (ที่เจ็บอยู่เต็มๆ สามเดือน จนวันนึงเหนื่อย และตัดสินใจว่า นางเป็นใคร ทำไมต้องเสียใจเพราะเค้า) ถ้าจะอกหักอีก ขอแค่วันเดียว แล้วพยายามตัดใจซะ จะได้ไม่เสียมู้ดตอนเที่ยวแล้วมาเสียใจทีหลัง (แหม พูดเก่งเนอะ)
มาฟังปิ๊งพร่ำเพ้อ(ถึงตัวเอง)กันหน่อยดีกว่า
ชีวิตหนูปิ๊ง 21ปีกว่าที่ผ่านมา (ก่อนไปแลกเปลี่ยน) เป็นคนที่อกหักเพราะชอบเพื่อนมาตลอดค่ะ เป็นคนที่แอบชอบเพื่อนตลอด เพราะเป็นคนที่คิดว่าถ้าเราจะชอบใคร เราต้องเป็นตัวของตัวเองให้ได้สุดๆ ไม่ต้องแอ๊บ ไม่ต้องเกรงใจ เค้าต้องรับเราให้ได้ ซึ่งคนกลุ่มนี้... ก็เพื่อนเราเองนี่ละค่ะ (ใช่ปะเพื่อนๆชาวสมาคมคนรักเพื่อนแห่งประเทศไทย)
แต่ด้วยความที่เป็นคนที่ห้าว (นอก ข้างในเป็นสาวช่างฝันมากเพราะเป็นคนเชื่อในนิยายและรักแท้ น้ำเน่าด้วยค่ะ) มาก เป็นคนเฮฮา ไร้สติ ไม่มีภาพพจน์อะไรทั้งสิ้น ทำอะไรไร้สติและขายหน้ามามากมายเวลารับน้อง เรียกว่าเป็นตัวโจ๊กที่ทุกคนจะหัวเราะและล้อเลียนได้ตลอดเวลา บวกกับความที่เป็นคนที่ไม่สวย ดำ สูง ล่ำ และออกไปทางท้วมๆ ... เลยจะถูกจัดอยู่ในกลุ่ม "เพื่อนกันตลอดไป" ตลอดเวลาค่ะ (เศร้ามะ

) หลายๆคนบอกว่าเพราะเป็นแบบนี้แหละ เลยไม่มีใคร เพราะไม่มีใครมองเราเป็นผญ. (อ่าว ไอเพื่อน) ให้เราพยายามเปลี่ยนตัวเองให้เป็นผู้หญิงขึ้น...

แต่ปิ๊งว่า ถึงเปลี่ยน มันก็ไม่ใช่เรา เราก็มีมุมหวาน มุมอ่อนแอ แต่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นแค่นั้นเอง ถ้าจะมีใครมาชอบเรา ขอให้ชอบที่ตัวตนของเราดีกว่า เพราะแอ๊บไป สักวันก็ต้องหลุดอะค่ะ ความฝันอันสูงสุดของหนูปิ๊งง่ายมาก แค่อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น แค่นั้นเอง
แต่ทุกวันนี้ก็ยอมรับแล้วละค่ะถ้าต้องอยู่คนเดียว (แต่ใบสมัครมีนะคะถ้าใครสนใจ 5555

)
สรุป: โพสนี้ยังไม่มีอะไรเกี่ยวกับการเดินทางเลยค่ะ เรื่องส่วนตัวล้วนๆ แต่เกริ่นๆไว้ก่อน หุๆ
มาต่อด้วยตัวละครที่จะถูกกล่าวถึง (เผาและเม้าท์มอย) กันบ้าง อาจจะมีตัวละครเพิ่มมาทีหลังนะจ๊ะ
นักเรียนแลกเปลี่ยนจาก NTU (Sg) ไปที่ DTU (Denmark) มีด้วยกัน 6คนค่ะ วิศวะเคมี 3 คน (ปิ๊ง แคสแซนดร้า เอ็ดมาร์) mechanical engineering 2 คน (เคเค กับ หยาง) กะ materials science อีก 1 คนค่ะ (วอลเตอร์) 5คนนี้จะโผล่มาข้อนข้างบ่อย งั้นมารู้จักกะพวกนางหน่อยดีกว่า
แคสแซนดรา หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่าแคส อายุเท่ากะปิ๊งค่ะ คือ 22 ปี นางคือเด็กเรียนเลยค่ะ นักเรียนตัวอย่าง ขยัน ฉลาด แต่แคสแอบเหมือนน้องสาว เพราะเค้าขี้ห่วงมาก ห่วงโน่น ห่วงนี่ ห่วงเกิ๊นนนนน ทำกับข้าวไม่เป็น ปิ๊งทำให้กินบ้าง สอนบ้าง ดุบ้าง แต่ก็เป็นเพื่อนที่ดีที่รับฟังปัญหาทุกย่างค่ะ
เอ็ดมาร์ เป็นคนฟิลิปินส์ แต่ได้ convert เป็นคนสิงคโปร์แล้วค่ะ เค้าอยู่สิงคโปร์มาตั้งแต่ป2 เกณฑ์ทหารเรียบร้อยแล้ว ปีนี้อายุ 25 ปีค่ะ เป็น Perfectionist มากกกกกกกกกก เนี้ยบมากกกกกกกกก ถ่ายรูปเก่งมากค่ะ บางมุมอีโก้สูง แต่เค้าก็มีสิทธิ์นะ เพราะถ้าเค้าไม่มั่นใจเค้าจะไม่มีอีโก้ค่ะ เป็นคนคุยสนุก แต่แหม่ บางทีอยากจะบีบคอให้ตายนัก เถียงอะไรชั้นหนักหนา?!? หนักสุดนะคะ เถียงกันเรื่องประจำเดือน แหมมมมมม นายมีเหรอยะ จะมาเถียงกะผญ.อะ?!
เคเค หนุ่มหน้าตาน่ารัก(ในความคิดเรา) วัย 24ปี สูง หุ่นดี เป็นนักกีฬาwater polo เป็น life guard เป็น commando officer ตอนเกณฑ์ทหาร นิสัยตลกโปกฮาไร้สาระ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ที่สำคัญ ไม่เคยมีแฟน (ใช่ค่ะ แอบหลงชอบตานี่อยู่พักนึง แต่ชอบแบบที่คอนโทรล อย่าไปรู้สึกอะไรมาก)
หยาง เป็นเพื่อนเคเคมา 7ปี อายุเท่ากับเคเค สองคนนีอาจจะมีอะไรกันก็ได้ สนิทกันเหลือเกิน ตอนแรกที่รู้จักหยางบอกตรงๆค่ะ หมั่นไส้ แหม่ พ่อเตรียมจะปาร์ตี้อย่างเดียว แต่หลังๆมารู้ว่าเค้าเป็นคนดีมากกกกคนนึงเลยละค่ะ หุ่นดีมาก และบ้านรวย (เกี่ยวปะ?)
วอลเตอร์ อายุ 23ปี เป็นคนเดียวที่อยู่แค่ปี 2 เป็นคนที่เคยเที่ยวยุโรปมาก่อน เลยรู้เรื่องว่าต้องไปที่ไหนยังไง แต่เป็นคนที่ดวงซวยฝุดๆ โทรศัพท์เสีย โน้ตบุ๊คเสีย แนะนำให้ไปทำบุญนะเธอ
ที่สิงคโปร์ ผู้ชายทุกคนที่เป็น citizen กับ permanent residents ต้องไปเกณฑ์ทหารคนละ 20 เดือนก่อนเข้ามหาลัย ผู้ชายในปีเดียวกันในมหาลัยจะอายุมากกว่าประมาน 2-3ปีค่ะ แล้วแต่ว่าก่อนหน้านั้นเรียนอะไรมา โชคดีไป เกิดมาเป็นผู้หญิง เฮ!
นี่ละค่ะ 5 คนที่มาจากมหาลัยที่สิงคโปร์ที่เดียวกัน เอารูปมาให้ดูด้วยค่ะ

จากซ้ายไปขวา- หยาง ปิ๊ง เคเค เอ็ดมาร์ แคส รูปนี้ถ่ายตอนไปโรงงาน Carlsberg เป็นทริปของหนึ่งในวิชาที่เรา 5 คนลงเหมือนกันค่ะ เลยขาดวอลเตอร์ไป
เอารูปวอลเตอร์มาฝากเผื่อมีคนคิดถึงค่ะ

ไปแอบสูบรูปนางมาจากเฟซบุ๊ค หึๆๆๆ รูปนี้ถ่ายที่ไอซ์แลนด์ค่ะ เค้าไปทริปกะครอบครัวก่อนมาเดนมาร์ก
มาๆ ต่อเรื่องแลกเปลี่ยน
ปิ๊งบินไฟลท์เดียวกับเอ็ดมาร์กะแคสค่ะ stop over ที่ โดฮ่าหนึ่งชม. แล้วก็ต่อถึงเดนมาร์ก
ตอนเครื่องลงที่เดนมาร์ก พนักงานก็กล่าวต้อนรับทั่วไปค่ะ
"Welcome to Copenhagen. The current time is 5 minutes to 7am, and the current temperature is 0 degree celcius"
0 degree celcius..
...
0 องศา?!?!?!

เจ๊!!! พูดถูกแล้วใช่มั้ย?!?! เป็นไอติมช๊อกโกแลตแน่ยัยปิ๊งเอ๊ยยยยย
ลงจากเครื่องก็หาทางไปมหาลัย เอ็ดมาร์ ด้วยความเป็นผช. มีกระเป๋าแค่ใบเดียวค่ะ ใบไม่ใหญ่ด้วย
แคส มีใบใหญ่หนึ่งใบ
ปิ๊งมีสองค่ะ ใหญ่1 เล็ก1
และทุกคนสะพายเป้อีกคนละใบค่ะ
ลองนึกภาพดูนะคะ ทุลักทุเลมากมาย รถไฟ metro จากสถานที Lufthavn (สนามบิน) ไปที่ Nørreport ก็คนเต็ม ต้องเปลี่ยนเป็น S-train (สาย B / E) จาก Nørreport ไปที่ Lyngby ค่ะ
ซึ่ง s-train ร้อยวันพันปีไม่เคยเสียค่ะ แต่วันนั้น เชิญทุกคนลงแล้วรอขบวนต่อไปนะฮับ รถไฟมีปัญหาาาาา #welcometodenmark นั่นคือครั้งแรก และครั้งเดียวที่รถไฟเดนมาร์กมีปัญหากว่า 5 เดือนที่อยู่ค่ะ โชคดีม้ากกกกก #ประชด
และด้วยความเห่อ ถ่ายรูปสถานีเล่นๆเลยค่ะ จำได้ว่ารู้สึกว่าอยู่ที่ยุโรปแล้วจริงๆก็ตอนมองวิวบนรถไฟนี่ละค่ะ ต้นไม้ไม่มีใบ บนหญ้าข้างทางมีน้ำแข็ง หลังคาบ้านสีขาว บ้านเตี้ยๆ อย่างสูงก็สองชั้น (ไม่เมืองป่าคอนกรีตที่สิงคโปร์ รึกทม.) ทุกคนใส่เสื้อหน้า ผ้าพันคอ หมวก มาเต็มค่ะ อ้อ มีหมาบนรถไฟด้วยค่ะ ปิ๊งดีใจ
นี่คือรูปคนรอรถไฟ กับรถไฟขบวนที่เราต้องขึ้นค่ะ (น่าจะสาย B)
พอถึงสถานี Lyngby เราต้องต่อรถเมล์สาย 300s อีกต่อนึงค่ะ ตามที่เพื่อนบอก ให้ลงป้ายนึงหลังจากเห็น Campus village เราก็ลง ด้วยความมั่นใจ (มีฝรั่งตามลงมาด้วยเพราะเค้าก็หาตึก 101 ซึ่งก็คือตึกเมนที่มีออฟฟิซ อยู่เหมือนกัน
แต่ที่จริงแล้ว มันคือสองป้ายหลัง Campus village ค่ะ เราเลยต้องลากสัมภาระท่ามหลางหิมาที่โปรยมาเบาๆ บนพื้นถนนที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง ไปอีกประมาน 400เมตร แอบขึ้นเนินเบาๆด้วยค่ะ หนุกหนานกันฝุดๆ
จะว่าดีก็ดีนะคะ เพราะไอ้การที่เราต้องลาก เตะ ผลัก ทำทุกวิถีทางให้กระเป๋าเดินหน้าไป มันเหมือนกับการออกกำลังกายค่ะ หายหนาวไปเยอะมากกกกกก กว่าจะถึงตัวตึกแทบแย่ 555 (ต้องขอโทษฝรั่งที่ตามเรามาด้วย 5555)

นี่คือทางเดินในตึก 101 ค่ะ ทางขวามีประตูไป sports hall ทางซ้ายเป็นสารพัดออฟฟิซค่ะ ข้างๆออฟฟิซเป็นร้านหนังสือ เลยไปอีกนิดฝั่งขวาเป็นโรงอาหาร ตรงข้ามโรงอาหารเป็นห้องสมุดค่ะ ข้างๆเป็นกระจกค่ะ มองออกไปเป็นสนามหญ้า มีบ่อเล็กๆ กะโต๊ะเก้าอี้ แต่โต๊ะจะมีคนก็ต่อเมื่อมันอุ่นขึ้น
พอไปถึงที่ออฟฟิซ ก็พบเจอว่า มีกระเป๋าเพิ่มอีกคนละใบค่ะ เป็นกระเป๋าที่มีหมอน ผ้าห่ม ผ้าขนหนู ผ้าเช็ดโต๊ะ ผ้าเช็ดมือ ผ้าปูทีนอน บลาๆๆ ที่รร.เค้ายกให้เลย(ก็ไม่บอกมาก่อน จะได้ไม่ต้องเอาผ้าขนหนูมา) ออฟฟิซปิดบ่ายสอง จะมาเอาทีหลังก็คงไม่ทัน เลยตัดสินใจทิ้งไว้ที่ห้องของเอ็ดมาร์ก่อนค่ะ เพราะเค้าได้ห้องที่ campus village
หลังจากที่เอาของไปฝากไว้ที่ห้องของเอ็ดมาร์ ปิ๊งกะแคสก็นั่งรถบัสกลับไปที่ Lyngby Station สนุกกันอีกรอบค่ะ เราต้องเดินผ่านสถานี ผ่านลานเล็กๆ ข้ามสองไฟแดง เดินขึ้นเนินเล็กๆไป รวมๆประมาน 800เมตร(พร้อมๆกับการเตะ ลาก ผลักสัมภาระ) กว่าจะถึงซอย Thorsvej ที่เราอยู่ ตอนเจอซอยแทบอยากกรี๊ดค่ะ อยากจะทิ้งกระเป๋าแล้ววิ่งเข้าซอยไปก่อน

นี่รูปลานที่เดินผ่านค่ะ
เลี้ยวขวาเข้าซอย Thorsvej ก็เดินต่อไปอีก 50 เมตรค่ะ ดีใจมากกกกตอนเจอเลขที่ 13 (บ้านเรา เลขที่ 13 B แต่ตอนนั้นคิดว่ามันที่เดียวกัน) ไขกุญแจเข้าบ้าน บอกตรงๆ ตอนเข้าไป บ้านแอบน่ากลัวค่ะ เงียบมากก และมืดด้วย ห้องเราอยู่ชั้นบนค่ะ ต้องอุ้มกระเป๋าขึ้นไปอีก เฮฮาปาจิงโกะกันเลยค่ะ อยากจะสลบแล้วไม่ออกไปไหนอีก บ้านมีไวไฟ มีฮีตเตอร์ ชีวิตฟินมากค่ะ แต่แหม เราก็ต้องออกไปเอาของที่เอ็ดมาร์ ไม่งั้นไม่มีหมอน ผ้าห่มนอนคืนนั้นแน่ๆค่ะ
ว่างแล้วก็เดินเล่นรอบๆบ้าน อ่าว บ้านที่ติดกันมัน 13B นี่นา อ่าว ผิดหลังหรือเปล่า?
เลยลองไขกุญแจค่ะ อ่าวไขไม่เข้า เลยกลับไปอีเมล์หาโรงเรียน เค้าบอกว่าบ้านติดเลขที่ผิด (อะจ้า

)

นี่ละ บ้านเค้าจากวันนั้นไปอีก 5 เดือน
ระหว่างทางไป campbus village เจอเคเคกับหยาง พรหมลิขิตสินะ:') #เพ้อประจำวัน
วันนั้นก็กินข้าวเย็นกันที่ campus village แล้วก็ไปคุยกะเคเคที่ห้องค่ะ ไร้สาระไปเรื่อง ประหนึ่งว่ารู้จักกันมานาน ไม่เลยค่ะ แต่ปิ๊งจะได้คุยกะเคเคมากกว่าแคสกะเอ็ดมาร์ เพราะเวลาที่เราซ้อมว่ายน้ำ ทีม life saving ของเคเคก็จะซ้อมเวลาเดียวกันค่ะ หลังจากนั้นเราก็กลับบ้าน สลบเหมือดเลยค่ะ
ยิ่งเล่ายิ่งคิดถึง

เอารูปหลังกินข้าววันแรกเตรียมตัวกลับบ้านมาให้ดูค่ะ หนาวจริงจังมากกก
ไปก่อนน้าาาาาา ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านค่ะ
ลิงค์รวมกระทู้ #pingineurope ทั้งหมดค่ะ
#pingineurope EP2 - แนะนำตัวละคร และวันแรกที่เดนมาร์ก :D
บอกกับตัวเองว่า ไปแลกเปลี่ยนครั้งนี้ จะไม่มีการเสียน้ำตาไร้สาระแบบคราวที่แล้ว (ที่เจ็บอยู่เต็มๆ สามเดือน จนวันนึงเหนื่อย และตัดสินใจว่า นางเป็นใคร ทำไมต้องเสียใจเพราะเค้า) ถ้าจะอกหักอีก ขอแค่วันเดียว แล้วพยายามตัดใจซะ จะได้ไม่เสียมู้ดตอนเที่ยวแล้วมาเสียใจทีหลัง (แหม พูดเก่งเนอะ)
มาฟังปิ๊งพร่ำเพ้อ(ถึงตัวเอง)กันหน่อยดีกว่า
ชีวิตหนูปิ๊ง 21ปีกว่าที่ผ่านมา (ก่อนไปแลกเปลี่ยน) เป็นคนที่อกหักเพราะชอบเพื่อนมาตลอดค่ะ เป็นคนที่แอบชอบเพื่อนตลอด เพราะเป็นคนที่คิดว่าถ้าเราจะชอบใคร เราต้องเป็นตัวของตัวเองให้ได้สุดๆ ไม่ต้องแอ๊บ ไม่ต้องเกรงใจ เค้าต้องรับเราให้ได้ ซึ่งคนกลุ่มนี้... ก็เพื่อนเราเองนี่ละค่ะ (ใช่ปะเพื่อนๆชาวสมาคมคนรักเพื่อนแห่งประเทศไทย)
แต่ด้วยความที่เป็นคนที่ห้าว (นอก ข้างในเป็นสาวช่างฝันมากเพราะเป็นคนเชื่อในนิยายและรักแท้ น้ำเน่าด้วยค่ะ) มาก เป็นคนเฮฮา ไร้สติ ไม่มีภาพพจน์อะไรทั้งสิ้น ทำอะไรไร้สติและขายหน้ามามากมายเวลารับน้อง เรียกว่าเป็นตัวโจ๊กที่ทุกคนจะหัวเราะและล้อเลียนได้ตลอดเวลา บวกกับความที่เป็นคนที่ไม่สวย ดำ สูง ล่ำ และออกไปทางท้วมๆ ... เลยจะถูกจัดอยู่ในกลุ่ม "เพื่อนกันตลอดไป" ตลอดเวลาค่ะ (เศร้ามะ
แต่ทุกวันนี้ก็ยอมรับแล้วละค่ะถ้าต้องอยู่คนเดียว (แต่ใบสมัครมีนะคะถ้าใครสนใจ 5555
สรุป: โพสนี้ยังไม่มีอะไรเกี่ยวกับการเดินทางเลยค่ะ เรื่องส่วนตัวล้วนๆ แต่เกริ่นๆไว้ก่อน หุๆ
มาต่อด้วยตัวละครที่จะถูกกล่าวถึง (เผาและเม้าท์มอย) กันบ้าง อาจจะมีตัวละครเพิ่มมาทีหลังนะจ๊ะ
นักเรียนแลกเปลี่ยนจาก NTU (Sg) ไปที่ DTU (Denmark) มีด้วยกัน 6คนค่ะ วิศวะเคมี 3 คน (ปิ๊ง แคสแซนดร้า เอ็ดมาร์) mechanical engineering 2 คน (เคเค กับ หยาง) กะ materials science อีก 1 คนค่ะ (วอลเตอร์) 5คนนี้จะโผล่มาข้อนข้างบ่อย งั้นมารู้จักกะพวกนางหน่อยดีกว่า
แคสแซนดรา หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่าแคส อายุเท่ากะปิ๊งค่ะ คือ 22 ปี นางคือเด็กเรียนเลยค่ะ นักเรียนตัวอย่าง ขยัน ฉลาด แต่แคสแอบเหมือนน้องสาว เพราะเค้าขี้ห่วงมาก ห่วงโน่น ห่วงนี่ ห่วงเกิ๊นนนนน ทำกับข้าวไม่เป็น ปิ๊งทำให้กินบ้าง สอนบ้าง ดุบ้าง แต่ก็เป็นเพื่อนที่ดีที่รับฟังปัญหาทุกย่างค่ะ
เอ็ดมาร์ เป็นคนฟิลิปินส์ แต่ได้ convert เป็นคนสิงคโปร์แล้วค่ะ เค้าอยู่สิงคโปร์มาตั้งแต่ป2 เกณฑ์ทหารเรียบร้อยแล้ว ปีนี้อายุ 25 ปีค่ะ เป็น Perfectionist มากกกกกกกกกก เนี้ยบมากกกกกกกกก ถ่ายรูปเก่งมากค่ะ บางมุมอีโก้สูง แต่เค้าก็มีสิทธิ์นะ เพราะถ้าเค้าไม่มั่นใจเค้าจะไม่มีอีโก้ค่ะ เป็นคนคุยสนุก แต่แหม่ บางทีอยากจะบีบคอให้ตายนัก เถียงอะไรชั้นหนักหนา?!? หนักสุดนะคะ เถียงกันเรื่องประจำเดือน แหมมมมมม นายมีเหรอยะ จะมาเถียงกะผญ.อะ?!
เคเค หนุ่มหน้าตาน่ารัก(ในความคิดเรา) วัย 24ปี สูง หุ่นดี เป็นนักกีฬาwater polo เป็น life guard เป็น commando officer ตอนเกณฑ์ทหาร นิสัยตลกโปกฮาไร้สาระ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ที่สำคัญ ไม่เคยมีแฟน (ใช่ค่ะ แอบหลงชอบตานี่อยู่พักนึง แต่ชอบแบบที่คอนโทรล อย่าไปรู้สึกอะไรมาก)
หยาง เป็นเพื่อนเคเคมา 7ปี อายุเท่ากับเคเค สองคนนีอาจจะมีอะไรกันก็ได้ สนิทกันเหลือเกิน ตอนแรกที่รู้จักหยางบอกตรงๆค่ะ หมั่นไส้ แหม่ พ่อเตรียมจะปาร์ตี้อย่างเดียว แต่หลังๆมารู้ว่าเค้าเป็นคนดีมากกกกคนนึงเลยละค่ะ หุ่นดีมาก และบ้านรวย (เกี่ยวปะ?)
วอลเตอร์ อายุ 23ปี เป็นคนเดียวที่อยู่แค่ปี 2 เป็นคนที่เคยเที่ยวยุโรปมาก่อน เลยรู้เรื่องว่าต้องไปที่ไหนยังไง แต่เป็นคนที่ดวงซวยฝุดๆ โทรศัพท์เสีย โน้ตบุ๊คเสีย แนะนำให้ไปทำบุญนะเธอ
ที่สิงคโปร์ ผู้ชายทุกคนที่เป็น citizen กับ permanent residents ต้องไปเกณฑ์ทหารคนละ 20 เดือนก่อนเข้ามหาลัย ผู้ชายในปีเดียวกันในมหาลัยจะอายุมากกว่าประมาน 2-3ปีค่ะ แล้วแต่ว่าก่อนหน้านั้นเรียนอะไรมา โชคดีไป เกิดมาเป็นผู้หญิง เฮ!
นี่ละค่ะ 5 คนที่มาจากมหาลัยที่สิงคโปร์ที่เดียวกัน เอารูปมาให้ดูด้วยค่ะ
จากซ้ายไปขวา- หยาง ปิ๊ง เคเค เอ็ดมาร์ แคส รูปนี้ถ่ายตอนไปโรงงาน Carlsberg เป็นทริปของหนึ่งในวิชาที่เรา 5 คนลงเหมือนกันค่ะ เลยขาดวอลเตอร์ไป
เอารูปวอลเตอร์มาฝากเผื่อมีคนคิดถึงค่ะ
ไปแอบสูบรูปนางมาจากเฟซบุ๊ค หึๆๆๆ รูปนี้ถ่ายที่ไอซ์แลนด์ค่ะ เค้าไปทริปกะครอบครัวก่อนมาเดนมาร์ก
มาๆ ต่อเรื่องแลกเปลี่ยน
ปิ๊งบินไฟลท์เดียวกับเอ็ดมาร์กะแคสค่ะ stop over ที่ โดฮ่าหนึ่งชม. แล้วก็ต่อถึงเดนมาร์ก
ตอนเครื่องลงที่เดนมาร์ก พนักงานก็กล่าวต้อนรับทั่วไปค่ะ
"Welcome to Copenhagen. The current time is 5 minutes to 7am, and the current temperature is 0 degree celcius"
0 degree celcius..
...
0 องศา?!?!?!
ลงจากเครื่องก็หาทางไปมหาลัย เอ็ดมาร์ ด้วยความเป็นผช. มีกระเป๋าแค่ใบเดียวค่ะ ใบไม่ใหญ่ด้วย
แคส มีใบใหญ่หนึ่งใบ
ปิ๊งมีสองค่ะ ใหญ่1 เล็ก1
และทุกคนสะพายเป้อีกคนละใบค่ะ
ลองนึกภาพดูนะคะ ทุลักทุเลมากมาย รถไฟ metro จากสถานที Lufthavn (สนามบิน) ไปที่ Nørreport ก็คนเต็ม ต้องเปลี่ยนเป็น S-train (สาย B / E) จาก Nørreport ไปที่ Lyngby ค่ะ
ซึ่ง s-train ร้อยวันพันปีไม่เคยเสียค่ะ แต่วันนั้น เชิญทุกคนลงแล้วรอขบวนต่อไปนะฮับ รถไฟมีปัญหาาาาา #welcometodenmark นั่นคือครั้งแรก และครั้งเดียวที่รถไฟเดนมาร์กมีปัญหากว่า 5 เดือนที่อยู่ค่ะ โชคดีม้ากกกกก #ประชด
และด้วยความเห่อ ถ่ายรูปสถานีเล่นๆเลยค่ะ จำได้ว่ารู้สึกว่าอยู่ที่ยุโรปแล้วจริงๆก็ตอนมองวิวบนรถไฟนี่ละค่ะ ต้นไม้ไม่มีใบ บนหญ้าข้างทางมีน้ำแข็ง หลังคาบ้านสีขาว บ้านเตี้ยๆ อย่างสูงก็สองชั้น (ไม่เมืองป่าคอนกรีตที่สิงคโปร์ รึกทม.) ทุกคนใส่เสื้อหน้า ผ้าพันคอ หมวก มาเต็มค่ะ อ้อ มีหมาบนรถไฟด้วยค่ะ ปิ๊งดีใจ
นี่คือรูปคนรอรถไฟ กับรถไฟขบวนที่เราต้องขึ้นค่ะ (น่าจะสาย B)
พอถึงสถานี Lyngby เราต้องต่อรถเมล์สาย 300s อีกต่อนึงค่ะ ตามที่เพื่อนบอก ให้ลงป้ายนึงหลังจากเห็น Campus village เราก็ลง ด้วยความมั่นใจ (มีฝรั่งตามลงมาด้วยเพราะเค้าก็หาตึก 101 ซึ่งก็คือตึกเมนที่มีออฟฟิซ อยู่เหมือนกัน
แต่ที่จริงแล้ว มันคือสองป้ายหลัง Campus village ค่ะ เราเลยต้องลากสัมภาระท่ามหลางหิมาที่โปรยมาเบาๆ บนพื้นถนนที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง ไปอีกประมาน 400เมตร แอบขึ้นเนินเบาๆด้วยค่ะ หนุกหนานกันฝุดๆ
จะว่าดีก็ดีนะคะ เพราะไอ้การที่เราต้องลาก เตะ ผลัก ทำทุกวิถีทางให้กระเป๋าเดินหน้าไป มันเหมือนกับการออกกำลังกายค่ะ หายหนาวไปเยอะมากกกกกก กว่าจะถึงตัวตึกแทบแย่ 555 (ต้องขอโทษฝรั่งที่ตามเรามาด้วย 5555)
นี่คือทางเดินในตึก 101 ค่ะ ทางขวามีประตูไป sports hall ทางซ้ายเป็นสารพัดออฟฟิซค่ะ ข้างๆออฟฟิซเป็นร้านหนังสือ เลยไปอีกนิดฝั่งขวาเป็นโรงอาหาร ตรงข้ามโรงอาหารเป็นห้องสมุดค่ะ ข้างๆเป็นกระจกค่ะ มองออกไปเป็นสนามหญ้า มีบ่อเล็กๆ กะโต๊ะเก้าอี้ แต่โต๊ะจะมีคนก็ต่อเมื่อมันอุ่นขึ้น
พอไปถึงที่ออฟฟิซ ก็พบเจอว่า มีกระเป๋าเพิ่มอีกคนละใบค่ะ เป็นกระเป๋าที่มีหมอน ผ้าห่ม ผ้าขนหนู ผ้าเช็ดโต๊ะ ผ้าเช็ดมือ ผ้าปูทีนอน บลาๆๆ ที่รร.เค้ายกให้เลย(ก็ไม่บอกมาก่อน จะได้ไม่ต้องเอาผ้าขนหนูมา) ออฟฟิซปิดบ่ายสอง จะมาเอาทีหลังก็คงไม่ทัน เลยตัดสินใจทิ้งไว้ที่ห้องของเอ็ดมาร์ก่อนค่ะ เพราะเค้าได้ห้องที่ campus village
หลังจากที่เอาของไปฝากไว้ที่ห้องของเอ็ดมาร์ ปิ๊งกะแคสก็นั่งรถบัสกลับไปที่ Lyngby Station สนุกกันอีกรอบค่ะ เราต้องเดินผ่านสถานี ผ่านลานเล็กๆ ข้ามสองไฟแดง เดินขึ้นเนินเล็กๆไป รวมๆประมาน 800เมตร(พร้อมๆกับการเตะ ลาก ผลักสัมภาระ) กว่าจะถึงซอย Thorsvej ที่เราอยู่ ตอนเจอซอยแทบอยากกรี๊ดค่ะ อยากจะทิ้งกระเป๋าแล้ววิ่งเข้าซอยไปก่อน
นี่รูปลานที่เดินผ่านค่ะ
เลี้ยวขวาเข้าซอย Thorsvej ก็เดินต่อไปอีก 50 เมตรค่ะ ดีใจมากกกกตอนเจอเลขที่ 13 (บ้านเรา เลขที่ 13 B แต่ตอนนั้นคิดว่ามันที่เดียวกัน) ไขกุญแจเข้าบ้าน บอกตรงๆ ตอนเข้าไป บ้านแอบน่ากลัวค่ะ เงียบมากก และมืดด้วย ห้องเราอยู่ชั้นบนค่ะ ต้องอุ้มกระเป๋าขึ้นไปอีก เฮฮาปาจิงโกะกันเลยค่ะ อยากจะสลบแล้วไม่ออกไปไหนอีก บ้านมีไวไฟ มีฮีตเตอร์ ชีวิตฟินมากค่ะ แต่แหม เราก็ต้องออกไปเอาของที่เอ็ดมาร์ ไม่งั้นไม่มีหมอน ผ้าห่มนอนคืนนั้นแน่ๆค่ะ
ว่างแล้วก็เดินเล่นรอบๆบ้าน อ่าว บ้านที่ติดกันมัน 13B นี่นา อ่าว ผิดหลังหรือเปล่า?
เลยลองไขกุญแจค่ะ อ่าวไขไม่เข้า เลยกลับไปอีเมล์หาโรงเรียน เค้าบอกว่าบ้านติดเลขที่ผิด (อะจ้า
นี่ละ บ้านเค้าจากวันนั้นไปอีก 5 เดือน
ระหว่างทางไป campbus village เจอเคเคกับหยาง พรหมลิขิตสินะ:') #เพ้อประจำวัน
วันนั้นก็กินข้าวเย็นกันที่ campus village แล้วก็ไปคุยกะเคเคที่ห้องค่ะ ไร้สาระไปเรื่อง ประหนึ่งว่ารู้จักกันมานาน ไม่เลยค่ะ แต่ปิ๊งจะได้คุยกะเคเคมากกว่าแคสกะเอ็ดมาร์ เพราะเวลาที่เราซ้อมว่ายน้ำ ทีม life saving ของเคเคก็จะซ้อมเวลาเดียวกันค่ะ หลังจากนั้นเราก็กลับบ้าน สลบเหมือดเลยค่ะ
ยิ่งเล่ายิ่งคิดถึง
ไปก่อนน้าาาาาา ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านค่ะ
ลิงค์รวมกระทู้ #pingineurope ทั้งหมดค่ะ