ข้อ1. ถ้ามนุษย์วิวัฒนาการมาจากลิง ทำไมทุกวันนี้ยังมีลิงอยู่

รูปนี้สมมุติเป็นเซลล์เซลล์เดียว


แล้วอยู่มาวันหนึ่งเซลล์นี้แบ่งออกเป็นสองเซลล์


แต่แล้วเซลล์ที่สองกลับมาบางอย่างต่างจากเซลล์แรก เซลล์ที่สองเกิดการกลายพันธ์





การกลายพันธ์นี้ทำให้เซลล์ที่สองกินซูชิได้ แต่เซลล์ที่หนึ่งกินได้แต่เบอร์เกอร์
เมื่อวันหนึ่งเบอร์เกอร์หมดจากสภาพแวดล้อมไป การกลายพันธ์นี้จะเป็นปัจจัยการอยู่รอดของเซลล์ที่สองทันที
การปรับตัวนี้เกิดขึ้นกับทุกชีวิตในขณะที่แพร่กระจายไปสู่สถาพแวดล้อมใหม่ๆเป้นเวลานับพันนับหมื่นรุ่น ท่ามกลางเวลานับล้านปี การปรับตัวนี้ค่อยๆสะสมรวมกัน จนกระทั่งดูแตกต่างจากจุดเริ่มอย่างมาก เหลือเพียงสายพันธ์ที่ปรับตัวอยู่ได้ที่คงอยู่
กระบวนการนี้เรียกว่าการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ซึ่งเกิดกับมนุษย์ด้วยเช่นกัน
Evolution
1.1รูปแบบที่ Creationism มักเข้าใจ Evolution มักจะเป็นภาพนี้
http://postto.me/15/nj8
1.2แต่จริงๆ Evolution จริงๆคือภาพนี้ ซึ่งการวิวัฒนาการจริงๆนั้นใช้เวลานับล้านปี
http://postto.me/15/njh
หากเคยดูสารคดีถ้าย้อนไปในยุคครีเตเชียส บรรพบุรุษของมนุษย์เป็นแค่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมคล้ายๆตัวลีเมอร์
ผู้อยู่รอดไม่ใช่ผู้ที่แข็งแรงกว่า ตัวใหญ่กว่า แต่เป็นผู้ที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดีที่สุด
ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกในทำไมไดโนเสาร์ตัวใหญ่บะเริ่มถึงสูญพันธ์ไป
สำหรับ มนุษย์มักติดภาพมายาว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ประเสริฐที่สุด เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการสูงสุด บางคนเข้าใจว่ามนุษย์เราไม่มีวิวัฒนาการอีกแล้วเพราะเรามาถึงจุดสูงสุดของวิวัฒนาการแล้วก็มี แต่วิวัฒนาการไม่ได้เป็นเหมือนกับบันไดที่จะพาเราขึ้นที่สูงไปเรื่อยๆ เช่นนั้น แต่เหมือนกับกิ่งก้านของต้นไม้ที่แตกมาจากรากเหง้าเดียวกันมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นกิ่งใดก้านใดก็ตาม การที่มันอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่ามัน "ดีพอ" สำหรับสภาพแวดล้อมของมันในระดับหนึ่งทั้งสิ้น
2.Creationism มักว่านักวิทยาศาสตร์เชื่อมโยงมั่วๆ ไม่เคยเห็นว่าจะวิวัฒนาการขึ้นอย่างรวดเร็วซะที
หนึ่งในสิ่งที่ Creationism มักเข้าใจกันก็คือวิวัฒนาการนั้นเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ สังเกตไม่ได้ มีแต่ขุดหาฟอสซิลมาเชื่อมโยงกันว่าไอ้นี่เป็นญาติไอ้โน่นมั่วๆ เท่านั้น แต่ไม่เห็นมีวิวัฒนาการที่เกิดขึ้นจะๆ คาตาเสียที สิ่งที่เราเห็นกันคือ ดื้อยาของไวรัส นั่นคือการวิวัฒนาการเพื่อการอยู่รอดอย่างเห็นชัดที่สุด ที่ไม่ต้องรอชาติหน้า
ถ้าจะยกตัวอย่างในสัตว์ก็มีนะ อย่างเช่น
ตัวอย่างที่ 1. วิวัฒนาการของนกฟินช์
ในขณะที่คนจำนวนมากรับรู้ว่าชาร์ลส์ ดาร์วินได้แนวคิดเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการของเขาจากการสังเกตนกฟินช์บนหมู่เกาะกาลาปากอส สิ่งที่อีกหลายคนยังไม่รู้ก็คือนับจากวันนั้นจนวันนี้ นกฟินช์ยังแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการอยู่เรื่อยๆ เช่นนกฟินช์สายพันธุ์ Medium ground finch (Geospiza fortis) มีขนาดจงอยปากที่เล็กลงเพื่อให้สะดวกต่อการกินเมล็ดพืชเล็กๆ มากขึ้นหลังจากที่นกตัวใหญ่กว่าเข้ามาแย่งหาอาหารบนเกาะจนแทบจะต้องสูญพันธุ์ไป
ตัวอย่างที่ 2. การคัดเลือกตามธรรมชาติที่ได้รับอิทธิพลจากมนุษย์
มนุษย์เองก็เป็นปัจจัยหนึ่งในกระบวนการคัดเลือกตามธรรมชาติได้เช่นกัน เมื่อมนุษย์ชอบหาบัวหิมะมาบริโภค โดยเฉพาะที่ใหญ่ๆ บัวหิมะก็เริ่มจะมีขนาดเล็กลง นอกจากนี้การที่มนุษย์ชอบตกปลาหรือล่ากวางคาริบูก็ทำให้สายพันธุ์ที่มนุษย์นิยมล่านี้ชักจะมีขนาดเล็กลงและเริ่มสืบพันธุ์เร็วขึ้น (ก่อนวัยอันควร?)
ตัวอย่างที่ 3. วิวัฒนาการในมนุษย์
มนุษย์มีการปรับตัวให้เข้ากับภูมิภาค วัฒนธรรม และอาหารการกิน ทำให้มนุษย์ในแต่ละท้องที่เริ่มพัฒนาความแตกต่างจากมนุษย์ที่อาศัยที่อื่นมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ความต้านทานต่อผลิตภัณฑ์จากนมที่ปรากฏในชาวยุโรปมากกว่าชาวจีนหรือชาวแอฟริกา
ตัวอย่างที่ 4. ผีเสื้อพัฒนาการต้านเชื้อแบคทีเรีย
ประชากรผีเสื้อเขตร้อนในเกาะแปซิฟิกใต้พัฒนาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งภายในปีเดียว ตอนแรกตัวเมียจะติดเชื้อแบคทีเรียซึ่งจะทำให้ตัวผู้ตายก่อนที่จะฟัก ทำให้ประชากรผีเสื้อเพศผู้มีจำนวนลดน้อยลงมากเหลือแค่ 1% จากประชากรทั้งหมด แต่ในปีถัดมาประชากรเพศผู้กลับเพิ่มเป็น 40% ของประชากรทั้งหมด เนื่องด้วยมีวิวัฒนาการยีนต้านแบคทีเรียขึ้นมา
ตัวอย่างที่ 5. ขาคางคกยาวขึ้น
คางคกมีพิษชนิดหนึ่งถูกชาวออสเตรเลียนำมาใช้กำจัดแมลงศัตรูพืชอ้อยในช่วงปี 1936 แต่เริ่มมีการระบาดเป็นศัตรูพืชที่ควบคุมไม่ได้เสียเอง นักวิจัยพบว่าในช่วง 20 ปีแรกมันแพร่กระจายตัวได้แค่ 6 ไมล์ต่อปีเท่านั้น แต่ปัจจุบันกลายเป็น 30 ไมล์ต่อปีแล้ว จากการศึกษาพบว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะขาของมันยาวกว่าเดิมถึง 6% เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าครองพื้นที่ที่เหมาะสมจะยึดเป็นแหล่งอาศัยได้ดีขึ้น
ตัวอย่างที่ 6. รูป intermediate form ของปลาซีกเดียว
ปลาซีกเดียวคือปลาที่มีลำตัวแบนข้าง มีตาสองข้างอยู่บนด้านเดียวกัน เช่นปลาลิ้นหมา ปลาช่อม่วง ซึ่งแม้คำอธิบายว่าที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อให้สะดวกต่อการนอนแบนราบบนพื้น ไม่ให้ตาที่อยู่คนละซีกกันต้องไปแตะพื้นตลอดเวลาก็เลยวิวัฒนาการมาอยู่ด้านเดียวกันซะเลยจะค่อนข้างฟังขึ้น แต่นักชีววิทยาก็ยังมีข้อโต้แย้งว่าแต่รูป intermediate form (คือรูปร่างระหว่างการวิวัฒนาการ) จากที่ตาอยู่คนละข้างมาเป็นข้างเดียวกันนี่มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยนะ เพราะตาที่ย้ายข้างแบบครึ่งๆ กลางๆ มันก็ยังอยู่ข้างเดียวกับพื้นอยู่ดี แต่ตอนนี้นักชีววิทยาพบแล้วว่ามันมีวิวัฒนาการแบบนี้จริง ก็เพราะพบปลาดึกดำบรรพ์ที่เป็น intermediate form ระหว่างการย้ายดวงตาเข้าจนได้
ตัวอย่างที่ 7. จิ้งเหลนเสียขา
นักวิทยาศาสตร์พบว่าจิ้งเหลนบางชนิดจากที่เคยมีขา มีนิ้วเท้า 5 นิ้ว วิวัฒนาการไปเป็นจิ้งเหลนไร้ขาได้เพียงในเวลาเพียง 3.6 ล้านปีเท่านั้น ซึ่งถือว่าค่อนข้างสั้นสำหรับการวิวัฒนาการ เนื่องจากขานั้นเป็นอุปสรรคต่อการแหวกว่ายดินหรือทราย ก็เลยหดหายมันไปเสียเลย
อีกอย่างนึงผมเคยได้ยิน Creationism บอกว่า หนอนผีเสื้อ กลายเป็นผีเสื้อ นั่นก็คือการวิวัฒนาการ(evolution) ซึ่งจริงๆแล้วสิ่งที่เขาเข้าใจนั้น ไม่สามารถเรียกว่าเกิด evolution ได้เพราะเป็นระดับ individual เราจะเรียกแบบนั้นได้ก็ต่อเมื่อมันเกิดในระดับ "population" เท่านั้น
ส่วนนี่คือ Evolution ของมนุษย์เริ่มต้นเส้นทางสายวิวัฒนาการออกจาก Ape มาแล้วถึง 7 ล้านปี
http://www.becominghuman.org/node/human-lineage-through-time
ส่วนที่ Creationism ชอบมาบอกว่าแล้วทำไมลิงในสวนสัตว์ มันถึงยังเป็นลิงอยู่ ทำไมไม่กลายเป็นคน
คือ มนุษย์เนี่ยแยกสายมาจาก Ape อย่างชัดเจนที่นักวิทยาศาสตร์บันทึกไว้ประมาณ 4 ล้านปี
โดยสายพันธ์ที่ชื่อว่า อาร์ดิพิเธคัส เรมิดัส หรือ สายพันธ์ที่ใหม่กว่านั้นที่ชื่อดังที่สุดคือ
ป้าลูซี่ อยู่ในมนุษย์สายพันธ์ ออสเตรโลพิเธคัส อะฟาเรนซิส
ป้าลูซี่เป้นใคร ข้อมูลในเน็ทเยอะแยะ ขึ้นอยู่จะหามาอ่านหรือปล่าว
http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9520000116322
ดังนั้นจึงเห็นว่า Human กับ Ape แยกสายวิวัฒนาการมาตั้งนานแล้ว Apeในสวนสัตว์มันก็วิวัฒนาการตามเส้นทางของมัน
Human หรือ Homosapian ก็วิวัฒนาการมาตามเส้นทางของเรา
สารคดีชุดนี้จะให้เห็นว่าทำไมมนุษย์ถึงมีสมองขนาดใหญ่
ท่องโลกกว้าง - กำเนิดมนุษย์ ตอน วิวัฒนาการของสมอง

มิติโลกหลังเที่ยงคืน 240656 กำเนิดมนุษย์ 1

มิติโลกหลังเที่ยงคืน ตอน วิวัฒนาการของสีผิว

ปล.ผมโพสต์ในห้องศาสนาด้วยถูกต้องแล้วครับ Admin ไม่ต้องย้ายห้องนะครับ
ปล.2ผมอยากได้คำตอบตามความเข้าใจของศาสนิก เกี่ยวกับเรื่อง Evolution โดยที่ไม่อ้างคำภีร์ ว่าเชื่อหรือไม่เชื่ออย่างไร
ความเข้าใจผิดในทฤษฏีวิวัฒนาการ(Evolution) ของฝ่ายศาสนิกที่เชื่อการทรงสร้าง (Creationism)
เมื่อวันหนึ่งเบอร์เกอร์หมดจากสภาพแวดล้อมไป การกลายพันธ์นี้จะเป็นปัจจัยการอยู่รอดของเซลล์ที่สองทันที
การปรับตัวนี้เกิดขึ้นกับทุกชีวิตในขณะที่แพร่กระจายไปสู่สถาพแวดล้อมใหม่ๆเป้นเวลานับพันนับหมื่นรุ่น ท่ามกลางเวลานับล้านปี การปรับตัวนี้ค่อยๆสะสมรวมกัน จนกระทั่งดูแตกต่างจากจุดเริ่มอย่างมาก เหลือเพียงสายพันธ์ที่ปรับตัวอยู่ได้ที่คงอยู่
กระบวนการนี้เรียกว่าการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ซึ่งเกิดกับมนุษย์ด้วยเช่นกัน
Evolution
1.1รูปแบบที่ Creationism มักเข้าใจ Evolution มักจะเป็นภาพนี้
http://postto.me/15/nj8
1.2แต่จริงๆ Evolution จริงๆคือภาพนี้ ซึ่งการวิวัฒนาการจริงๆนั้นใช้เวลานับล้านปี
http://postto.me/15/njh
หากเคยดูสารคดีถ้าย้อนไปในยุคครีเตเชียส บรรพบุรุษของมนุษย์เป็นแค่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมคล้ายๆตัวลีเมอร์
ผู้อยู่รอดไม่ใช่ผู้ที่แข็งแรงกว่า ตัวใหญ่กว่า แต่เป็นผู้ที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดีที่สุด
ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกในทำไมไดโนเสาร์ตัวใหญ่บะเริ่มถึงสูญพันธ์ไป
สำหรับ มนุษย์มักติดภาพมายาว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ประเสริฐที่สุด เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการสูงสุด บางคนเข้าใจว่ามนุษย์เราไม่มีวิวัฒนาการอีกแล้วเพราะเรามาถึงจุดสูงสุดของวิวัฒนาการแล้วก็มี แต่วิวัฒนาการไม่ได้เป็นเหมือนกับบันไดที่จะพาเราขึ้นที่สูงไปเรื่อยๆ เช่นนั้น แต่เหมือนกับกิ่งก้านของต้นไม้ที่แตกมาจากรากเหง้าเดียวกันมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นกิ่งใดก้านใดก็ตาม การที่มันอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่ามัน "ดีพอ" สำหรับสภาพแวดล้อมของมันในระดับหนึ่งทั้งสิ้น
2.Creationism มักว่านักวิทยาศาสตร์เชื่อมโยงมั่วๆ ไม่เคยเห็นว่าจะวิวัฒนาการขึ้นอย่างรวดเร็วซะที
หนึ่งในสิ่งที่ Creationism มักเข้าใจกันก็คือวิวัฒนาการนั้นเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ สังเกตไม่ได้ มีแต่ขุดหาฟอสซิลมาเชื่อมโยงกันว่าไอ้นี่เป็นญาติไอ้โน่นมั่วๆ เท่านั้น แต่ไม่เห็นมีวิวัฒนาการที่เกิดขึ้นจะๆ คาตาเสียที สิ่งที่เราเห็นกันคือ ดื้อยาของไวรัส นั่นคือการวิวัฒนาการเพื่อการอยู่รอดอย่างเห็นชัดที่สุด ที่ไม่ต้องรอชาติหน้า
ถ้าจะยกตัวอย่างในสัตว์ก็มีนะ อย่างเช่น
ตัวอย่างที่ 1. วิวัฒนาการของนกฟินช์
ในขณะที่คนจำนวนมากรับรู้ว่าชาร์ลส์ ดาร์วินได้แนวคิดเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการของเขาจากการสังเกตนกฟินช์บนหมู่เกาะกาลาปากอส สิ่งที่อีกหลายคนยังไม่รู้ก็คือนับจากวันนั้นจนวันนี้ นกฟินช์ยังแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการอยู่เรื่อยๆ เช่นนกฟินช์สายพันธุ์ Medium ground finch (Geospiza fortis) มีขนาดจงอยปากที่เล็กลงเพื่อให้สะดวกต่อการกินเมล็ดพืชเล็กๆ มากขึ้นหลังจากที่นกตัวใหญ่กว่าเข้ามาแย่งหาอาหารบนเกาะจนแทบจะต้องสูญพันธุ์ไป
ตัวอย่างที่ 2. การคัดเลือกตามธรรมชาติที่ได้รับอิทธิพลจากมนุษย์
มนุษย์เองก็เป็นปัจจัยหนึ่งในกระบวนการคัดเลือกตามธรรมชาติได้เช่นกัน เมื่อมนุษย์ชอบหาบัวหิมะมาบริโภค โดยเฉพาะที่ใหญ่ๆ บัวหิมะก็เริ่มจะมีขนาดเล็กลง นอกจากนี้การที่มนุษย์ชอบตกปลาหรือล่ากวางคาริบูก็ทำให้สายพันธุ์ที่มนุษย์นิยมล่านี้ชักจะมีขนาดเล็กลงและเริ่มสืบพันธุ์เร็วขึ้น (ก่อนวัยอันควร?)
ตัวอย่างที่ 3. วิวัฒนาการในมนุษย์
มนุษย์มีการปรับตัวให้เข้ากับภูมิภาค วัฒนธรรม และอาหารการกิน ทำให้มนุษย์ในแต่ละท้องที่เริ่มพัฒนาความแตกต่างจากมนุษย์ที่อาศัยที่อื่นมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ความต้านทานต่อผลิตภัณฑ์จากนมที่ปรากฏในชาวยุโรปมากกว่าชาวจีนหรือชาวแอฟริกา
ตัวอย่างที่ 4. ผีเสื้อพัฒนาการต้านเชื้อแบคทีเรีย
ประชากรผีเสื้อเขตร้อนในเกาะแปซิฟิกใต้พัฒนาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งภายในปีเดียว ตอนแรกตัวเมียจะติดเชื้อแบคทีเรียซึ่งจะทำให้ตัวผู้ตายก่อนที่จะฟัก ทำให้ประชากรผีเสื้อเพศผู้มีจำนวนลดน้อยลงมากเหลือแค่ 1% จากประชากรทั้งหมด แต่ในปีถัดมาประชากรเพศผู้กลับเพิ่มเป็น 40% ของประชากรทั้งหมด เนื่องด้วยมีวิวัฒนาการยีนต้านแบคทีเรียขึ้นมา
ตัวอย่างที่ 5. ขาคางคกยาวขึ้น
คางคกมีพิษชนิดหนึ่งถูกชาวออสเตรเลียนำมาใช้กำจัดแมลงศัตรูพืชอ้อยในช่วงปี 1936 แต่เริ่มมีการระบาดเป็นศัตรูพืชที่ควบคุมไม่ได้เสียเอง นักวิจัยพบว่าในช่วง 20 ปีแรกมันแพร่กระจายตัวได้แค่ 6 ไมล์ต่อปีเท่านั้น แต่ปัจจุบันกลายเป็น 30 ไมล์ต่อปีแล้ว จากการศึกษาพบว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะขาของมันยาวกว่าเดิมถึง 6% เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าครองพื้นที่ที่เหมาะสมจะยึดเป็นแหล่งอาศัยได้ดีขึ้น
ตัวอย่างที่ 6. รูป intermediate form ของปลาซีกเดียว
ปลาซีกเดียวคือปลาที่มีลำตัวแบนข้าง มีตาสองข้างอยู่บนด้านเดียวกัน เช่นปลาลิ้นหมา ปลาช่อม่วง ซึ่งแม้คำอธิบายว่าที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อให้สะดวกต่อการนอนแบนราบบนพื้น ไม่ให้ตาที่อยู่คนละซีกกันต้องไปแตะพื้นตลอดเวลาก็เลยวิวัฒนาการมาอยู่ด้านเดียวกันซะเลยจะค่อนข้างฟังขึ้น แต่นักชีววิทยาก็ยังมีข้อโต้แย้งว่าแต่รูป intermediate form (คือรูปร่างระหว่างการวิวัฒนาการ) จากที่ตาอยู่คนละข้างมาเป็นข้างเดียวกันนี่มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยนะ เพราะตาที่ย้ายข้างแบบครึ่งๆ กลางๆ มันก็ยังอยู่ข้างเดียวกับพื้นอยู่ดี แต่ตอนนี้นักชีววิทยาพบแล้วว่ามันมีวิวัฒนาการแบบนี้จริง ก็เพราะพบปลาดึกดำบรรพ์ที่เป็น intermediate form ระหว่างการย้ายดวงตาเข้าจนได้
ตัวอย่างที่ 7. จิ้งเหลนเสียขา
นักวิทยาศาสตร์พบว่าจิ้งเหลนบางชนิดจากที่เคยมีขา มีนิ้วเท้า 5 นิ้ว วิวัฒนาการไปเป็นจิ้งเหลนไร้ขาได้เพียงในเวลาเพียง 3.6 ล้านปีเท่านั้น ซึ่งถือว่าค่อนข้างสั้นสำหรับการวิวัฒนาการ เนื่องจากขานั้นเป็นอุปสรรคต่อการแหวกว่ายดินหรือทราย ก็เลยหดหายมันไปเสียเลย
อีกอย่างนึงผมเคยได้ยิน Creationism บอกว่า หนอนผีเสื้อ กลายเป็นผีเสื้อ นั่นก็คือการวิวัฒนาการ(evolution) ซึ่งจริงๆแล้วสิ่งที่เขาเข้าใจนั้น ไม่สามารถเรียกว่าเกิด evolution ได้เพราะเป็นระดับ individual เราจะเรียกแบบนั้นได้ก็ต่อเมื่อมันเกิดในระดับ "population" เท่านั้น
ส่วนนี่คือ Evolution ของมนุษย์เริ่มต้นเส้นทางสายวิวัฒนาการออกจาก Ape มาแล้วถึง 7 ล้านปี
http://www.becominghuman.org/node/human-lineage-through-time
ส่วนที่ Creationism ชอบมาบอกว่าแล้วทำไมลิงในสวนสัตว์ มันถึงยังเป็นลิงอยู่ ทำไมไม่กลายเป็นคน
คือ มนุษย์เนี่ยแยกสายมาจาก Ape อย่างชัดเจนที่นักวิทยาศาสตร์บันทึกไว้ประมาณ 4 ล้านปี
โดยสายพันธ์ที่ชื่อว่า อาร์ดิพิเธคัส เรมิดัส หรือ สายพันธ์ที่ใหม่กว่านั้นที่ชื่อดังที่สุดคือ
ป้าลูซี่ อยู่ในมนุษย์สายพันธ์ ออสเตรโลพิเธคัส อะฟาเรนซิส
ป้าลูซี่เป้นใคร ข้อมูลในเน็ทเยอะแยะ ขึ้นอยู่จะหามาอ่านหรือปล่าว
http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9520000116322
ดังนั้นจึงเห็นว่า Human กับ Ape แยกสายวิวัฒนาการมาตั้งนานแล้ว Apeในสวนสัตว์มันก็วิวัฒนาการตามเส้นทางของมัน
Human หรือ Homosapian ก็วิวัฒนาการมาตามเส้นทางของเรา
สารคดีชุดนี้จะให้เห็นว่าทำไมมนุษย์ถึงมีสมองขนาดใหญ่
ท่องโลกกว้าง - กำเนิดมนุษย์ ตอน วิวัฒนาการของสมอง
มิติโลกหลังเที่ยงคืน 240656 กำเนิดมนุษย์ 1
มิติโลกหลังเที่ยงคืน ตอน วิวัฒนาการของสีผิว
ปล.ผมโพสต์ในห้องศาสนาด้วยถูกต้องแล้วครับ Admin ไม่ต้องย้ายห้องนะครับ
ปล.2ผมอยากได้คำตอบตามความเข้าใจของศาสนิก เกี่ยวกับเรื่อง Evolution โดยที่ไม่อ้างคำภีร์ ว่าเชื่อหรือไม่เชื่ออย่างไร