สถานที่แรกในวันนี้คือ Mt.Nebo ผมเดินทางพร้อมกับคู่หนุ่มสาวชาวฝรั่งเศส โดยมีคนขับแทกซี่ ชื่อ อัคห์เหม็ด ชื่อนี้เรียกได้ว่าโหลมาก เพิ่งมาทราบทีหลังถึงสาเหตุที่ทำให้ชื่อนี้ค่อนข้างฮิต เพราะมาจากภาษาเก่าคำว่า Ahmada ที่แปลว่า พระผู้เป็นเจ้านั่นเอง
การเดินทางใช้เวลาราว ๆ 15 นาทีก็ถึง โดยมีเวลาให้เราที่นี่ 1 ชั่วโมง ค่าเข้าชม 2 JD เวลาทำการคือ 8am – 6 pm หน้าหนาวจะปิดเวลา 4 pm ที่นี่จะไม่มีร้านค้าบริการน้ำดื่ม ดังนั้นควรที่จะนำติดตัวไปกันเอง
ยอดเขาเนโบ เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ฝังศพของโมเสส และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของจอร์แดน เมื่อยืนอยู่บนยอดเขา จะมองไปเห็นดินแดนแห่งพันธะสัญญา the Promised Land ที่โมเสสเคยเห็นบนยอดเขานี้ ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าสั่งให้เขาปีนขึ้นไปดู แต่ห้ามไม่ให้เขาเดินทางเข้าไปยังดินแดนดังกล่าว
สถานที่แห่งนี้เป็นที่จาริกแสวงบุญของชาวคริสต์มาแต่โบราณ และโบสถ์บนยอดเขาได้ถูกสร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่สี่เพื่อเป็นการบ่งชี้จุดที่คาดว่าโมเสสเสียชีวิต
ประตูทางเข้าด้านหน้าเป็นลูกกรงเหล็ก ไว้ใช้เปิดให้สำหรับรถยนต์ ส่วนนักท่องเที่ยวให้เดินเข้าทางด้านซ้ายมือ เมื่อผ่านจุดเก็บตั๋วแล้ว จะพบกับทางเดินยาว ซึ่งสองข้างทางมีต้นไม้ขึ้นเขียวชอุ่ม ให้บรรยากาศร่มรื่นบวกกับอากาศยามเช้าที่เย็นสบายแม้แดดจะค่อนข้างแรง เสียงนกและหมู่แมลงประสานเสียงเหมือนกำลังขับกล่อมดนตรีให้กับผู้มาเยือนอย่างเป็นกันเอง บรรยากาศอันสงบเยือกเย็นทำให้สัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของยอดเขาแห่งนี้
เมื่อเดินจนสุดทางเดินช่วงแรก จะพบกับแท่งหินทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งมีการแกะสลักรูปหน้าคนเอาไว้หลายคนเลย ตรงส่วนด้านข้างมีข้อความจารึกไว้ด้วย คิดว่าน่าจะเป็นชื่อบุคคลที่เป็นคนแกะสลักก้อนหินชิ้นนี้ เดินเลยไปอีกหน่อยจะพบกับหินทรงสี่เหลี่ยมปลายมน มีข้อความจารึกทั้งภาษาอารบิคและภาษาอังกฤษว่าสถานที่แห่งนี้ถูกสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่โมเสส
[CR] จอร์แดน #2 ดินแดนศักดิ์สิทธิ์
การเดินทางใช้เวลาราว ๆ 15 นาทีก็ถึง โดยมีเวลาให้เราที่นี่ 1 ชั่วโมง ค่าเข้าชม 2 JD เวลาทำการคือ 8am – 6 pm หน้าหนาวจะปิดเวลา 4 pm ที่นี่จะไม่มีร้านค้าบริการน้ำดื่ม ดังนั้นควรที่จะนำติดตัวไปกันเอง
ยอดเขาเนโบ เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ฝังศพของโมเสส และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของจอร์แดน เมื่อยืนอยู่บนยอดเขา จะมองไปเห็นดินแดนแห่งพันธะสัญญา the Promised Land ที่โมเสสเคยเห็นบนยอดเขานี้ ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าสั่งให้เขาปีนขึ้นไปดู แต่ห้ามไม่ให้เขาเดินทางเข้าไปยังดินแดนดังกล่าว
สถานที่แห่งนี้เป็นที่จาริกแสวงบุญของชาวคริสต์มาแต่โบราณ และโบสถ์บนยอดเขาได้ถูกสร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่สี่เพื่อเป็นการบ่งชี้จุดที่คาดว่าโมเสสเสียชีวิต
ประตูทางเข้าด้านหน้าเป็นลูกกรงเหล็ก ไว้ใช้เปิดให้สำหรับรถยนต์ ส่วนนักท่องเที่ยวให้เดินเข้าทางด้านซ้ายมือ เมื่อผ่านจุดเก็บตั๋วแล้ว จะพบกับทางเดินยาว ซึ่งสองข้างทางมีต้นไม้ขึ้นเขียวชอุ่ม ให้บรรยากาศร่มรื่นบวกกับอากาศยามเช้าที่เย็นสบายแม้แดดจะค่อนข้างแรง เสียงนกและหมู่แมลงประสานเสียงเหมือนกำลังขับกล่อมดนตรีให้กับผู้มาเยือนอย่างเป็นกันเอง บรรยากาศอันสงบเยือกเย็นทำให้สัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของยอดเขาแห่งนี้
เมื่อเดินจนสุดทางเดินช่วงแรก จะพบกับแท่งหินทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งมีการแกะสลักรูปหน้าคนเอาไว้หลายคนเลย ตรงส่วนด้านข้างมีข้อความจารึกไว้ด้วย คิดว่าน่าจะเป็นชื่อบุคคลที่เป็นคนแกะสลักก้อนหินชิ้นนี้ เดินเลยไปอีกหน่อยจะพบกับหินทรงสี่เหลี่ยมปลายมน มีข้อความจารึกทั้งภาษาอารบิคและภาษาอังกฤษว่าสถานที่แห่งนี้ถูกสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่โมเสส