วันนี้ได้อ่านเจอเรื่องราว อยากนำมาแชร์กับเพื่อนๆครับ

แม่วัยรุ่นผู้เปลี่ยนความคิดหมอปากพล่อยไปตลอดกาล
หมอเอ เป็นหมอหนุ่มในรพ.รัฐบาลแห่งหนึ่ง ที่มีความตั้งใจและจริงจังในการทำงาน เวลาเจอคนไข้ที่ป่วยด้วยโรคที่ไม่น่าเกิด หรือโรคทำตัวเอง เช่นเมาสุราขับรถ แล้วไปเกิดอุบัติเหตุ หมอเอจะว่ากล่าวสั่งสอนค่อนข้างแรง บางครั้งก็ขู่ว่า ถ้าเมาเหล้าแล้วขับรถอีก คราวหน้าจะปล่อยให้ตาย จะรักษาคนที่เขาน่ารักษาก่อน แต่จริงๆก็รักษาให้ตามมาตรฐานการแพทย์ ส่วนนิสัยปากพล่อยเป็นเรื่องที่หมอเอเองก็รู้ตัว แต่แก้ไม่หาย มันอดที่จะบ่นกับคนไข้ที่ทำตัวเอง หรือเป็นต้นเหตุให้คนอื่นบาดเจ็บไม่ได้ บรรดาคนไข้ที่รักษากับหมอเอมานาน จะรู้ดีว่า หมอนี้ ปากจัดแต่ใจดี หน้าดุแต่จริงๆใจดี และต่อให้มีเงินมากองตรงหน้า หรือจะเป็นยาจกเดินเข้า ก็จะได้รับการรักษาที่ดีที่สุด ตามมาตรฐานเท่าๆกัน
หรือกรณีสาววัยรุ่นใจแตก ท้องคาโรงเรียน (teenage pregnancy) ซึ่งพบได้มากขึ้นในปัจจุบัน กลุ่มนี้ก็จะโดนหมอเอสั่งสอนหนักเหมือนกัน เช่น “รักสนุก แต่ทำไมไม่ป้องกัน” “พวกเธอเอากันมันส์แต่คนที่ทุกข์เพราะการกระทำพวกเธอมีใครบ้างรู้บ้างไหม” “ตอนเอากันน่ะสนุกแต่พอตอนมีลูกทำไมคนลำบากคือตายาย” “พ่อแม่ส่งไปเรียน ทำไมได้ผัวมา แทนใบประกาศ”บลๆๆ ทำไปด้วยหวังให้คิดไตร่ตรอง และไม่กระทำดังกล่าวอีก มาจนวันหนึ่ง วันที่จะเปลี่ยนความคิดหมอเอไปตลอดกาล
ณ ตึกหลังคลอด หมอเอมาตรวจดูแลคนไข้ตามปกติ จนถึงเตียงหนึ่ง พบมารดาเป็นวัยรุ่นอายุเพิ่งสิบห้าปี ให้กำเนิดลูกน้อยน่ารักน่าชัง มีเพียงยาย เฝ้าดูแลอยู่ข้าง ไร้เงาผู้เป็นพ่อ หลังจากตรวจเสร็จ การเทศนาก็เริ่มขึ้น
หมอเอ เป็นไงเรา คลอดลูกเจ็บไหม อายุเท่าไหร่ หน้ายังเด็กๆอยู่เลย
แม่วัยรุ่น 15 ปีค่ะ คลอดเจ็บนิดหน่อย
หมอเอ แล้วนี่เรียนจบชั้นอะไร ทำไมมีผัวเร็วจัง
แม่วัยรุ่น ม.3 ค่ะ..........แล้วเงียบไป
หมอเอ รู้ไหม สมัยนี้การศึกษาสำคัญมาก จบม.3 ต้องทำงานลำบากนะ ทำไมไม่ตั้งใจเรียน พ่อแม่ส่งไปเรียนนะ คิดถึง
หัวอกพ่อแม่บ้าง เขาจะเสียใจมากแค่ไหน ถ้ารู้ว่าส่งไปเรียน แต่เอาหลานมาให้
แม่วัยรุ่น เงียบ ดูซึมๆ ยายก็ไม่พูดอะไร
หมอเอ (คิดในใจ) ทีตอนนี้ทำเป็นเงียบ เหมือนสำนึก แต่ก่อนทำอะไรลงไป ทำไมไม่คิดให้ดีๆ ไม่คิดอนาคตตัวเอง ไม่
คิดถึงผลที่จะตามมาจากความรักสนุกของตน พวกเด็กใจแตกนี่ แย่จริงๆ.....แล้วก็เดินไปตรวจเตียงต่อไป
วันเวลาล่วงไป หนูน้อยแข็งแรงขึ้นและแม่วัยรุ่นอาการหลังคลอดอาการดีขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวันที่ครบกำหนดจะให้กลับบ้านได้ หมอเอก็มาตรวจตามปกติ แล้วสั่งให้คนไข้กลับบ้าน แต่ด้วยความสงสัย ที่เห็นคนเฝ้ามีแต่ยายเพียงคนเดียว ไม่เห็นพ่อเด็กมาเยี่ยมเลย จึงสอบถามกันก่อนกลับบ้าน
หมอเอ พ่อเด็กไม่อยู่เหรอ ไม่เห็นมาเยี่ยมเลย มีแต่ยายเฝ้าคนเดียว (มันเผือกได้โล่จริงๆ ไอ้หมอเอนี่)
แม่วัยรุ่น ติดคุกค่ะ
หมอเอ ห๊า ข้อหาอะไร ยาเสพติดเรอะ
แม่วัยรุ่น (แลดูสีหน้าซึม เหมือนเบื่อที่จะต้องตอบ แต่ยังไงวันนี้ก็จะกลับบ้านแล้ว ก็บอกๆมันไปเหอะ มันคงไม่ตามไป
ถามถึงบ้านหรอก ถามเยอะจริง ) เปล่าค่ะ พ่อเด็กอายุ 50 ปี เป็นคนข้างบ้าน เขาข่มขืนหนูตั้งแต่เก้าเดือนก่อน
ตอนนี้ติดคุกอยู่ค่ะ ส่วนยายก็พยักหน้า พลางบอกว่าเป็นเรื่องจริง
สั้นๆ เพียงประโยคเดียว แต่เหมือนมันตบหน้าหมอเอ จนชาไปทั้งหน้า ภาพสาววัยรุ่นใจแตก วันๆ ไม่ตั้งใจเรียน มัวแต่เที่ยวเตร่ยั่วผู้ชาย พอท้องแล้วเขาก็ทิ้งได้หายไปหมด ภาพที่ปรากฏในตอนนี้คือภาพความโหดร้ายของสังคม ความร้ายกาจของชายแก่ใจบาป หื่นกาม ปล้ำข่มขืนได้แม้กระทั่งหลานข้างบ้าน ภาพสาวน้อยร้องขอความเมตตาแต่คนใจทรามหาได้ปราณีไม่ ภาพสาวน้อยท้องโย้ที่ต้องทำใจให้เข้มแข็งต่อเสียงนินทาคนรอบข้าง และต้องตอบคำถามของหมอปากพล่อย
มันทำให้หมอเอรู้สึกจุกจนหายใจไม่สะดวก น้ำตาแห่งความสำนึกผิดปนเปกับความโกรธมนุษย์ใจทราม มันมาเอ่อปริ่มๆจะไหลแล้วแต่เช็ดไว้ทัน ก่อนที่จะเลยเถิด หมอเอได้จับมือแม่และยายไว้ พร้อมกับกล่าวคำขอโทษ ที่เข้าใจผิดมาตลอด พร้อมกล่าวอวยพรก่อนกลับ ให้เจ้าหนูแข็งแรง โตไวๆ จะได้ดูแลแม่และยาย แต่ที่ทำให้หมอเออึ้งรอบสอง คือแม่วัยรุ่น เธอยิ้มให้ แววตาดูสดในขึ้น พร้อมกับบอกว่า ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่โกรธหมอ หนูชินแล้ว (หมอเอยอมแพ้เธอ EQ เธอเยี่ยมยอด เพราะถ้าเป็นตัวเอง มาโดนว่าในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง มีหวังได้ตอกกลับไปอย่างสาสมแน่ๆ)
เรื่องนี้ได้ให้บทเรียนแก่เขา และจะเปลี่ยนความคิดเขาไปตลอดกาล
1. อย่าตัดสินใครเพียงแค่เห็นแวบแรก เพราะเราไม่รู้หรอกว่า เขาได้เจออะไรมาบ้าง
2. สังคมทุกวันนี้โหดร้าย ต้องสอนลูกสาว หลานสาว ให้ดูแลตัวเอง อย่าไว้ใจใครง่ายๆ แม้จะเป็นคนใกล้ชิด บ้านใกล้เรือน
เคียง อย่าพาตัวไปอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม ที่จะเปิดโอกาสให้คนเลวกระทำความชั่วได้
3. คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ อยู่ข้างบ้านกันแท้ๆ ยังทำกับคนคราวหลานได้
4.แม่วัยรุ่นคนนี้อาจนับว่าโชคดีอยู่บ้าง ที่คนร้าย ไม่ทำอันตรายกับเธอจนถึงแก่ชีวิต แต่นี่ก็เหมือนตายทั้งเป็น
5.สอนให้ลูกๆหลาน ฝึกศิลปะการป้องกันไว้บ้างท่าจะดี เทควันโดดีไหม ช่วงนี้กำลังตัง
-------------------------------------------------------------------
เพื่อความเป็นธรรมชาติได้อรรถรส อ่านคอมเมนท์ให้จบ ค่อยมาอ่าน update ก็ได้ครับ
Update ครั้งที่ 1
ขอบคุณทุกๆท่านที่สละเวลาอันมีค่ามาอ่านและคอมเมนท์นะครับ
ปล.1 เห็นถกเถียงกันมาก ว่าเรื่องแต่งหรือเรื่องจริง----->อันนี้เจ้าของกระทู้ก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ
แต่อยากให้ข้อคิดไว้อย่างหนึ่งครับ.............
ผมเคยได้ยินคำกล่าวหนึ่งจากวิทยากรที่ผมเข้าร่วมประชุมว่า"คนเรามีเวลาเท่ากัน แต่ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ต่างกัน" ท่านเพียงสละเวลาอ่านเรื่องนี้ เพียงไม่เกิน 5 นาทีก็จบ จากนั้นจงถามตัวเองว่าได้ประโยชน์อันใดจากเรื่องนี้บ้าง บางท่านที่เกิดกระบวนการวิเคราะห์ เกิดคติธรรมในใจ ซึ่งผมได้พยายามสรุปไว้เป็นข้อๆ ตอนท้ายแล้ว อันนี้ผมขออนุโมทนากับมโนกรรมอันดีที่เกิดขึ้น และหวังว่าสังคมเราจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น แต่บางคนกลับตั้งแง่ว่าเรื่องแต่งชัวร์ ไม่เคยเกิดขึ้นแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น การข่มขืน การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ การใช้คำพูดบั่นทอนกัน การตัดสินคนแค่แวบแรกที่เจอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมต้องขอโทษ ที่ทำให้คุณ"เสียเวลา"มาอ่านเรื่องราว โดยที่ไม่ได้เกิดกระบวนการพัฒนาจิตใดๆเลย
และคงต้องขอนำเอาคำสอนพระบรมศาสดามาประกอบ เรื่อง"มนุษย์ เปรียบได้ประดุจดังบัวสี่เหล่า อันได้แก่ บัวพ้นน้ำ บัวปริ่มน้ำ บัวใต้น้ำ บัวใต้ตม" ท่านอยากเป็นบัวเหล่าไหน โปรดจงเลือกเอาเถิด สาธุ
ปล.2 บ้างก็ว่าผมแต่งเรื่องมาเพื่อเรียกไลค์ อันนี้บอกเลยครับ ไร้สาระมาก มีคนไลค์เยอะแล้วได้อะไร เอาไปเป็นส่วนลดเวลาซื้อของที่เซเว่นได้หรือเปล่า กินข้าวอร่อยกว่าปกติไหม หนังหน้าอ่อนวัยลงไปสักสิบปีหรือไม่
แม่วัยรุ่นผู้เปลี่ยนความคิดหมอปากพล่อยไปตลอดกาล
แม่วัยรุ่นผู้เปลี่ยนความคิดหมอปากพล่อยไปตลอดกาล
หมอเอ เป็นหมอหนุ่มในรพ.รัฐบาลแห่งหนึ่ง ที่มีความตั้งใจและจริงจังในการทำงาน เวลาเจอคนไข้ที่ป่วยด้วยโรคที่ไม่น่าเกิด หรือโรคทำตัวเอง เช่นเมาสุราขับรถ แล้วไปเกิดอุบัติเหตุ หมอเอจะว่ากล่าวสั่งสอนค่อนข้างแรง บางครั้งก็ขู่ว่า ถ้าเมาเหล้าแล้วขับรถอีก คราวหน้าจะปล่อยให้ตาย จะรักษาคนที่เขาน่ารักษาก่อน แต่จริงๆก็รักษาให้ตามมาตรฐานการแพทย์ ส่วนนิสัยปากพล่อยเป็นเรื่องที่หมอเอเองก็รู้ตัว แต่แก้ไม่หาย มันอดที่จะบ่นกับคนไข้ที่ทำตัวเอง หรือเป็นต้นเหตุให้คนอื่นบาดเจ็บไม่ได้ บรรดาคนไข้ที่รักษากับหมอเอมานาน จะรู้ดีว่า หมอนี้ ปากจัดแต่ใจดี หน้าดุแต่จริงๆใจดี และต่อให้มีเงินมากองตรงหน้า หรือจะเป็นยาจกเดินเข้า ก็จะได้รับการรักษาที่ดีที่สุด ตามมาตรฐานเท่าๆกัน
หรือกรณีสาววัยรุ่นใจแตก ท้องคาโรงเรียน (teenage pregnancy) ซึ่งพบได้มากขึ้นในปัจจุบัน กลุ่มนี้ก็จะโดนหมอเอสั่งสอนหนักเหมือนกัน เช่น “รักสนุก แต่ทำไมไม่ป้องกัน” “พวกเธอเอากันมันส์แต่คนที่ทุกข์เพราะการกระทำพวกเธอมีใครบ้างรู้บ้างไหม” “ตอนเอากันน่ะสนุกแต่พอตอนมีลูกทำไมคนลำบากคือตายาย” “พ่อแม่ส่งไปเรียน ทำไมได้ผัวมา แทนใบประกาศ”บลๆๆ ทำไปด้วยหวังให้คิดไตร่ตรอง และไม่กระทำดังกล่าวอีก มาจนวันหนึ่ง วันที่จะเปลี่ยนความคิดหมอเอไปตลอดกาล
ณ ตึกหลังคลอด หมอเอมาตรวจดูแลคนไข้ตามปกติ จนถึงเตียงหนึ่ง พบมารดาเป็นวัยรุ่นอายุเพิ่งสิบห้าปี ให้กำเนิดลูกน้อยน่ารักน่าชัง มีเพียงยาย เฝ้าดูแลอยู่ข้าง ไร้เงาผู้เป็นพ่อ หลังจากตรวจเสร็จ การเทศนาก็เริ่มขึ้น
หมอเอ เป็นไงเรา คลอดลูกเจ็บไหม อายุเท่าไหร่ หน้ายังเด็กๆอยู่เลย
แม่วัยรุ่น 15 ปีค่ะ คลอดเจ็บนิดหน่อย
หมอเอ แล้วนี่เรียนจบชั้นอะไร ทำไมมีผัวเร็วจัง
แม่วัยรุ่น ม.3 ค่ะ..........แล้วเงียบไป
หมอเอ รู้ไหม สมัยนี้การศึกษาสำคัญมาก จบม.3 ต้องทำงานลำบากนะ ทำไมไม่ตั้งใจเรียน พ่อแม่ส่งไปเรียนนะ คิดถึง
หัวอกพ่อแม่บ้าง เขาจะเสียใจมากแค่ไหน ถ้ารู้ว่าส่งไปเรียน แต่เอาหลานมาให้
แม่วัยรุ่น เงียบ ดูซึมๆ ยายก็ไม่พูดอะไร
หมอเอ (คิดในใจ) ทีตอนนี้ทำเป็นเงียบ เหมือนสำนึก แต่ก่อนทำอะไรลงไป ทำไมไม่คิดให้ดีๆ ไม่คิดอนาคตตัวเอง ไม่
คิดถึงผลที่จะตามมาจากความรักสนุกของตน พวกเด็กใจแตกนี่ แย่จริงๆ.....แล้วก็เดินไปตรวจเตียงต่อไป
วันเวลาล่วงไป หนูน้อยแข็งแรงขึ้นและแม่วัยรุ่นอาการหลังคลอดอาการดีขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวันที่ครบกำหนดจะให้กลับบ้านได้ หมอเอก็มาตรวจตามปกติ แล้วสั่งให้คนไข้กลับบ้าน แต่ด้วยความสงสัย ที่เห็นคนเฝ้ามีแต่ยายเพียงคนเดียว ไม่เห็นพ่อเด็กมาเยี่ยมเลย จึงสอบถามกันก่อนกลับบ้าน
หมอเอ พ่อเด็กไม่อยู่เหรอ ไม่เห็นมาเยี่ยมเลย มีแต่ยายเฝ้าคนเดียว (มันเผือกได้โล่จริงๆ ไอ้หมอเอนี่)
แม่วัยรุ่น ติดคุกค่ะ
หมอเอ ห๊า ข้อหาอะไร ยาเสพติดเรอะ
แม่วัยรุ่น (แลดูสีหน้าซึม เหมือนเบื่อที่จะต้องตอบ แต่ยังไงวันนี้ก็จะกลับบ้านแล้ว ก็บอกๆมันไปเหอะ มันคงไม่ตามไป
ถามถึงบ้านหรอก ถามเยอะจริง ) เปล่าค่ะ พ่อเด็กอายุ 50 ปี เป็นคนข้างบ้าน เขาข่มขืนหนูตั้งแต่เก้าเดือนก่อน
ตอนนี้ติดคุกอยู่ค่ะ ส่วนยายก็พยักหน้า พลางบอกว่าเป็นเรื่องจริง
สั้นๆ เพียงประโยคเดียว แต่เหมือนมันตบหน้าหมอเอ จนชาไปทั้งหน้า ภาพสาววัยรุ่นใจแตก วันๆ ไม่ตั้งใจเรียน มัวแต่เที่ยวเตร่ยั่วผู้ชาย พอท้องแล้วเขาก็ทิ้งได้หายไปหมด ภาพที่ปรากฏในตอนนี้คือภาพความโหดร้ายของสังคม ความร้ายกาจของชายแก่ใจบาป หื่นกาม ปล้ำข่มขืนได้แม้กระทั่งหลานข้างบ้าน ภาพสาวน้อยร้องขอความเมตตาแต่คนใจทรามหาได้ปราณีไม่ ภาพสาวน้อยท้องโย้ที่ต้องทำใจให้เข้มแข็งต่อเสียงนินทาคนรอบข้าง และต้องตอบคำถามของหมอปากพล่อย
มันทำให้หมอเอรู้สึกจุกจนหายใจไม่สะดวก น้ำตาแห่งความสำนึกผิดปนเปกับความโกรธมนุษย์ใจทราม มันมาเอ่อปริ่มๆจะไหลแล้วแต่เช็ดไว้ทัน ก่อนที่จะเลยเถิด หมอเอได้จับมือแม่และยายไว้ พร้อมกับกล่าวคำขอโทษ ที่เข้าใจผิดมาตลอด พร้อมกล่าวอวยพรก่อนกลับ ให้เจ้าหนูแข็งแรง โตไวๆ จะได้ดูแลแม่และยาย แต่ที่ทำให้หมอเออึ้งรอบสอง คือแม่วัยรุ่น เธอยิ้มให้ แววตาดูสดในขึ้น พร้อมกับบอกว่า ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่โกรธหมอ หนูชินแล้ว (หมอเอยอมแพ้เธอ EQ เธอเยี่ยมยอด เพราะถ้าเป็นตัวเอง มาโดนว่าในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง มีหวังได้ตอกกลับไปอย่างสาสมแน่ๆ)
เรื่องนี้ได้ให้บทเรียนแก่เขา และจะเปลี่ยนความคิดเขาไปตลอดกาล
1. อย่าตัดสินใครเพียงแค่เห็นแวบแรก เพราะเราไม่รู้หรอกว่า เขาได้เจออะไรมาบ้าง
2. สังคมทุกวันนี้โหดร้าย ต้องสอนลูกสาว หลานสาว ให้ดูแลตัวเอง อย่าไว้ใจใครง่ายๆ แม้จะเป็นคนใกล้ชิด บ้านใกล้เรือน
เคียง อย่าพาตัวไปอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม ที่จะเปิดโอกาสให้คนเลวกระทำความชั่วได้
3. คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ อยู่ข้างบ้านกันแท้ๆ ยังทำกับคนคราวหลานได้
4.แม่วัยรุ่นคนนี้อาจนับว่าโชคดีอยู่บ้าง ที่คนร้าย ไม่ทำอันตรายกับเธอจนถึงแก่ชีวิต แต่นี่ก็เหมือนตายทั้งเป็น
5.สอนให้ลูกๆหลาน ฝึกศิลปะการป้องกันไว้บ้างท่าจะดี เทควันโดดีไหม ช่วงนี้กำลังตัง
-------------------------------------------------------------------
เพื่อความเป็นธรรมชาติได้อรรถรส อ่านคอมเมนท์ให้จบ ค่อยมาอ่าน update ก็ได้ครับ
Update ครั้งที่ 1
ขอบคุณทุกๆท่านที่สละเวลาอันมีค่ามาอ่านและคอมเมนท์นะครับ
ปล.1 เห็นถกเถียงกันมาก ว่าเรื่องแต่งหรือเรื่องจริง----->อันนี้เจ้าของกระทู้ก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ
แต่อยากให้ข้อคิดไว้อย่างหนึ่งครับ.............
ผมเคยได้ยินคำกล่าวหนึ่งจากวิทยากรที่ผมเข้าร่วมประชุมว่า"คนเรามีเวลาเท่ากัน แต่ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ต่างกัน" ท่านเพียงสละเวลาอ่านเรื่องนี้ เพียงไม่เกิน 5 นาทีก็จบ จากนั้นจงถามตัวเองว่าได้ประโยชน์อันใดจากเรื่องนี้บ้าง บางท่านที่เกิดกระบวนการวิเคราะห์ เกิดคติธรรมในใจ ซึ่งผมได้พยายามสรุปไว้เป็นข้อๆ ตอนท้ายแล้ว อันนี้ผมขออนุโมทนากับมโนกรรมอันดีที่เกิดขึ้น และหวังว่าสังคมเราจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น แต่บางคนกลับตั้งแง่ว่าเรื่องแต่งชัวร์ ไม่เคยเกิดขึ้นแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น การข่มขืน การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ การใช้คำพูดบั่นทอนกัน การตัดสินคนแค่แวบแรกที่เจอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมต้องขอโทษ ที่ทำให้คุณ"เสียเวลา"มาอ่านเรื่องราว โดยที่ไม่ได้เกิดกระบวนการพัฒนาจิตใดๆเลย
และคงต้องขอนำเอาคำสอนพระบรมศาสดามาประกอบ เรื่อง"มนุษย์ เปรียบได้ประดุจดังบัวสี่เหล่า อันได้แก่ บัวพ้นน้ำ บัวปริ่มน้ำ บัวใต้น้ำ บัวใต้ตม" ท่านอยากเป็นบัวเหล่าไหน โปรดจงเลือกเอาเถิด สาธุ
ปล.2 บ้างก็ว่าผมแต่งเรื่องมาเพื่อเรียกไลค์ อันนี้บอกเลยครับ ไร้สาระมาก มีคนไลค์เยอะแล้วได้อะไร เอาไปเป็นส่วนลดเวลาซื้อของที่เซเว่นได้หรือเปล่า กินข้าวอร่อยกว่าปกติไหม หนังหน้าอ่อนวัยลงไปสักสิบปีหรือไม่