ผมเองเป็นเด็กชนบทที่ต้องมีดิ้นรนในกรุงเทพ ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย และทำงาน เคยกลับไปอยู่ชนบทบ้างแต่ก็ต้องมาปักหลักที่กทมอีก
เมื่อขึ้นรถไฟฟ้า 7/10 คน ก้มหน้าก้มตาแชทในมือถือ ดู ส่องเฟสบุ๊ค ทั้งยืนแชท นั่งแชท และพิงแชท สุดยอดจริง มนุษย์เมือง ก้มหน้าก้มตาแบบไม่มองคนรอบข้างจนถึงสถานีปลายทางได้ และก็ลงตามปกติ อันนี้ความสามารถเฉพาะตัวสูงมากๆ
เมื่อขึ้นรถเมย์ หรือบนรถไฟฟ้าต่างๆ 6/10 มักจะไม่รอให้คนลงหมดก่อน กรูขึ้นไปเลยทั้งๆที่อาจจะได้นั่งหรือไม่ได้นั่ง เข้าใจว่าคนลงต้องแทรกเบียดผลักตัวเองออกมาจากพื้นที่จราจรแออัดบนทางขึ้น อันนี้ต่างคนต่างรีบทั้งคู่ เลยกินกันไม่ลง
เมื่อไปทำงาน คนทำงานกึ่งหนึ่งหรอือาจมากกว่าเมื่อสแกนนิ้ว หรือ สแกนบัตร และวิธีอื่นๆ แต่หลังจากนั้นยังไม่ขึ้นไปทำงาน คงเดินเล่น ไปซื้อชา กาแฟ และของกักตุนระหว่างทำงาน แล้วอีก 20 นาที มาทันเวลาทำงาน แต่ยังไม่เริ่มทำ คงต้องมีกิจวัตรแบบชิวๆตอนเช้าก่อนเป็นลำดับแรก
เมือ่ขับรถ พยายามจะลักไก่ ไฟเขียวคนเดิน ถ้าไม่มีคน ฝ่าแน่แน่ หรือถ้าไฟเหลือง เตรียมเร่งเหยียบแบบสุดตีน หรือถ้าไฟแดง แต่เป็นคันสุดท้ายก็จะพ่วงไปกับคันก่อนหน้าด้วยแบบเนียนๆ หรือไม่ก็เบียดแซงเลนกันเอาดื้อ แบบที่เหยียบเบรกไม่ทัน อ้างว่ารีบ และมีธุระ ไปไม่ทันต่างๆนานา
เมื่อต้องข้ามถนน ถ้ามีสะพานลอย มักจะไม่ค่อยข้าม อ้างว่าไกล และต้องขึ้นบันได ใช้วิธีการตื่นเต้น วิ่งตัดหน้ารถ หรือใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ข้ามมันมากๆ เดี๋ยวมันก็จอด หรือค่อยๆข้ามทีละเลนจนไปถึงปลายทาง โดยอาศัยความสามารถเฉพาะตัว แต่ก็วัดดวงในตัวด้วยเช่นกัน
เมือ่สั่งข้าวแล้วพ่อครัว ทำผิด หรือเสริร์ฟพลาด มากบ้างน้อยบ้าง ก็จะโวยวาย กลายเป็นเรื่องใหญ่โต วิญญาณแห่งความเรื่องมากเข้าสิง วีลจนเกินงาม ไม่เข้าใจ ถ้า-แล้วมันจะเสียชีวิตหรือครับ อันนี้ผมว่าเยอะไป
มนุษย์กรุงส่วนใหญ่ คุยไลน์ แสดงตัวตนแบบเสมือนจริงทางไลน์ คิดออกมาเป็นภาพ และแสดงโมเม้นแบบ มกามายในรอบวัน มีซัมติงทุกวัน บางวันก็มโน บางวันก็รักชาติ บางวันก็แสดงภูมิรู้ บางวันก็กลายเป็นกระแสนิยมตามโน่นนี่นั่น และแชทไลน์กลุ่ม เพื่อหาแนวร่วม และกราดโจมตีแนวต่างแบบสุดตีน
ผมเริ่มจะชินกับมนุษย์ กรุงเทพ แล้วครับ และกำลังจะถุกกลืนให้กลายเป็นมนุษย์กรุงเทพใน คศ 21
มนุษย์ เมือง กับชีวิตแบบเมืองๆ ช่างต่างกับ ชนบทเสียจริงน้า
เมื่อขึ้นรถไฟฟ้า 7/10 คน ก้มหน้าก้มตาแชทในมือถือ ดู ส่องเฟสบุ๊ค ทั้งยืนแชท นั่งแชท และพิงแชท สุดยอดจริง มนุษย์เมือง ก้มหน้าก้มตาแบบไม่มองคนรอบข้างจนถึงสถานีปลายทางได้ และก็ลงตามปกติ อันนี้ความสามารถเฉพาะตัวสูงมากๆ
เมื่อขึ้นรถเมย์ หรือบนรถไฟฟ้าต่างๆ 6/10 มักจะไม่รอให้คนลงหมดก่อน กรูขึ้นไปเลยทั้งๆที่อาจจะได้นั่งหรือไม่ได้นั่ง เข้าใจว่าคนลงต้องแทรกเบียดผลักตัวเองออกมาจากพื้นที่จราจรแออัดบนทางขึ้น อันนี้ต่างคนต่างรีบทั้งคู่ เลยกินกันไม่ลง
เมื่อไปทำงาน คนทำงานกึ่งหนึ่งหรอือาจมากกว่าเมื่อสแกนนิ้ว หรือ สแกนบัตร และวิธีอื่นๆ แต่หลังจากนั้นยังไม่ขึ้นไปทำงาน คงเดินเล่น ไปซื้อชา กาแฟ และของกักตุนระหว่างทำงาน แล้วอีก 20 นาที มาทันเวลาทำงาน แต่ยังไม่เริ่มทำ คงต้องมีกิจวัตรแบบชิวๆตอนเช้าก่อนเป็นลำดับแรก
เมือ่ขับรถ พยายามจะลักไก่ ไฟเขียวคนเดิน ถ้าไม่มีคน ฝ่าแน่แน่ หรือถ้าไฟเหลือง เตรียมเร่งเหยียบแบบสุดตีน หรือถ้าไฟแดง แต่เป็นคันสุดท้ายก็จะพ่วงไปกับคันก่อนหน้าด้วยแบบเนียนๆ หรือไม่ก็เบียดแซงเลนกันเอาดื้อ แบบที่เหยียบเบรกไม่ทัน อ้างว่ารีบ และมีธุระ ไปไม่ทันต่างๆนานา
เมื่อต้องข้ามถนน ถ้ามีสะพานลอย มักจะไม่ค่อยข้าม อ้างว่าไกล และต้องขึ้นบันได ใช้วิธีการตื่นเต้น วิ่งตัดหน้ารถ หรือใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ข้ามมันมากๆ เดี๋ยวมันก็จอด หรือค่อยๆข้ามทีละเลนจนไปถึงปลายทาง โดยอาศัยความสามารถเฉพาะตัว แต่ก็วัดดวงในตัวด้วยเช่นกัน
เมือ่สั่งข้าวแล้วพ่อครัว ทำผิด หรือเสริร์ฟพลาด มากบ้างน้อยบ้าง ก็จะโวยวาย กลายเป็นเรื่องใหญ่โต วิญญาณแห่งความเรื่องมากเข้าสิง วีลจนเกินงาม ไม่เข้าใจ ถ้า-แล้วมันจะเสียชีวิตหรือครับ อันนี้ผมว่าเยอะไป
มนุษย์กรุงส่วนใหญ่ คุยไลน์ แสดงตัวตนแบบเสมือนจริงทางไลน์ คิดออกมาเป็นภาพ และแสดงโมเม้นแบบ มกามายในรอบวัน มีซัมติงทุกวัน บางวันก็มโน บางวันก็รักชาติ บางวันก็แสดงภูมิรู้ บางวันก็กลายเป็นกระแสนิยมตามโน่นนี่นั่น และแชทไลน์กลุ่ม เพื่อหาแนวร่วม และกราดโจมตีแนวต่างแบบสุดตีน
ผมเริ่มจะชินกับมนุษย์ กรุงเทพ แล้วครับ และกำลังจะถุกกลืนให้กลายเป็นมนุษย์กรุงเทพใน คศ 21