สวัสดีค่ะ^^ กลับมาตั้งกระทู้อีกครั้งหนึ่ง เกี่ยวกับประเทศสิงคโปร์ แฮ่ๆๆ อย่างที่ได้บอกไว้ในกระทู้ก่อนว่าเมื่อปลายเดือนมิถุนายน ได้มีโอกาสไปตะลอนกินเที่ยว ณ สิงคโปร์กับสหายอีกหนึ่งคน เป็นเวลาทั้งสิ้น 5 วัน 4 คืน แลดูจำนวนวันเยอะมาก อีกทั้งเรากะเพื่อนไม่ใช่ขาช๊อปปิ้งสักเท่าไหร่ ก็เลยมองหาสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ นอกจากเกาะสิงคโปร์ เกาะเซนโตชา จนกระทั่งได้มาเจอะกับกระทู้ของคุณล็อกอินนามว่า 'ออนไลน์ยันสว่าง' ที่ได้ไปเที่ยวพูเลา อูบิน จากกระทู้นี้
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2011/01/E10126059/E10126059.html ก็เลยสนใจ อยากจะลองไปเที่ยวดูมั่ง แต่เพราะว่าในกระทู้นั้น ไม่มีรายละเอียดการเดินทางด้วยตัวเอง เพราะคุณออนไลน์ยันสว่างนั่งรถไปกับเพื่อน เราก็เลยมาตั้งกระทู้เอาไว้ เผื่อใครจะสนใจ เดินทางไปด้วยตัวเองค่ะ^^
ใครที่เคยไปเที่ยวสิงคโปร์มาก่อน คงทราบดีว่าการเดินทางในสิงคโปร์ไม่ยากเลยค่ะ ถึงหลงก็สามารถหาทางกลับเองได้แบบชิลล์ๆ เราเองก็ไปเป็นครั้งแรกค่ะ แล้วก็เต็มที่มาก เพราะการเดินทางไปยังเกาะพูเลา อูบินนี้ ต้องนั่ง MRT (สถานีต้นทางของเรา เริ่มตั้งแต่ Chinatown เลย เพราะพักอยู่ที่นี่) ไปลงที่สถานี Tanah Merah ซึ่งคนที่เดินทางเข้าเมืองด้วย MRT ต้องรู้จักสถานีนี้ดีอยู่แล้ว^^ จากนั้นเราก็จะเดินออกจากสถานี ทาง Exit B ค่ะ ขอย้ำว่า
Exit B เพราะว่ารถเมล์ SBS สาย 2 ที่เราจะนั่งไปที่ท่าเรือนั้น มันวิ่งทั้งสองฝั่งค่ะ ที่ย้ำเพราะว่า ครั้งแรก เราพลาดไปออกทาง Exit A ผลน่ะเหรอ รถเมล์วิ่งเข้าเมืองจ้า กลับไป Chinatown นั่นแหละ ฮ่าๆๆๆๆ
รูปนี้คือภายในรถเมล์ SBS สาย 2 ค่ะ เซ็นเซอร์หน้าสหายนิดนึงนะคะ เราก็ใช้บัตร EZ-link นี่แหละจ่ายค่าโดยสาร ง่ายๆ สะดวกดี^^ รถเมล์ของสิงคโปร์ดีมากๆ ไม่แออัดเลยค่ะ มีแบบสองชั้นด้วยค่ะ แต่เราได้นั่งรถชั้นเดียวนะ ให้ความรู้สึกดีกว่ารถทัวร์บ้านเราอีกค่ะ นั่งครั้งแรกก็ประทับใจมากๆ เสียอย่างเดียวคือไม่มีเสียงบอกว่าถึงไหนแล้ว เราต้องรู้ที่ๆจะไปนิดนึง โชคดีที่ๆเราจะไป มันอยู่สุดปลายทางสถานีเลย (ขนาดของรูปอาจจะเล็กสักหน่อย พันทิปไม่ยอมให้อัพรูปใหญ่ๆลง ไม่รู้ทำไม TOT) เสริมนิดนึง มารยาทในการขึ้นรถเมล์ที่สิงคโปร์ ตอนขึ้นให้ขึ้นที่ประตูหน้า ตอนลงให้ลงที่ประตูด้านข้างนะคะ
มาต่อกันเลยค่ะ นั่งไปลงสุดสายเลยนะคะ ปลายทางคือ Changi Village bus interchange ค่ะ หรือสถานีชุมทางหมู่บ้านชางกีนั่นเอง แต่ถ้าใครจะแวะทานอะไรก่อนไปขึ้นเรือ ให้ลงที่ป้ายก่อนเข้าสถานีชุมทาง คือ ป้าย Changi Village นะคะ เราก็ลงป้ายนี้ก่อน แล้วเดินไปอีกสักหน่อย เพื่อไปที่ท่าขึ้นเรือค่ะ (ถ้ากลัวหลง เปิด google map เลยค่ะ รับรองว่าไม่มั่ว เพราะเราก็ใช้เหมือนกัน 555+)
มาถึงแล้วท่าเรือ Changi Point ค่ะ อยู่ติดกับสถานีชุมทาง Changi Village bus interchange เลยค่ะ ถ้าลงรถเมล์ก็มองไปทางลานจอดรถนะ แล้วก็เดินตรงไปเรื่อยๆก็เจอเลยค่ะ
ตอนเราเห็นครั้งแรก แอบคิดว่า ทำไมมันดูร้างๆวะ

จากนั้นเดินเข้าไปด้านในเลยค่ะ โล่งอกหน่อย มีคนนั่งรอขึ้นเรืออยู่หลายคน ซึ่งเรือที่จะไปเกาะพูเลา อูบิน ครั้งหนึ่งๆจะบรรทุกผู้โดยสารรวมคนขับเรือ จำนวน 12 คนค่ะ ไม่ต้องซื้อตั๋ว จ่ายเงินให้กับคนขับเรือเลย คนละ 2.50 เหรียญ สรุปไปกลับ ก็เสียคนละ 5 เหรียญอ่ะค่ะ
สภาพเรือที่ขึ้น ก็จะดูเก่าๆ โทรมๆ ไม่มีเสื้อชูชีพให้ แต่นั่งประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ
มาถึงแล้ว! พูเลา อูบิน เกาะไร้แสงสีแห่งสิงคโปร์ ปอลอ นางแบบคือสหายของเจ้าของกระทู้เองค่ะ อิอิ
เกาะนี้ ตอนที่เราไป เราเห็นแต่ฝรั่งมังค่า หรือทางโซนเอเชียก็มีคนญี่ปุ่น คนเกาหลี คนจีนที่มาเที่ยวกัน ไม่เจอนักท่องเที่ยวไทยเลยค่ะ แต่เจอพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง พี่แกทำงานอยู่ที่มาเลเซีย พอเสาร์-อาทิตย์ก็ข้ามมาทำงานพิเศษในร้านเช่าจักรยานที่เกาะนี้ พี่เค้าบอกว่า มีนักท่องเที่ยวไทยมาเที่ยวเหมือนกันนะ ถามเราด้วยว่า รู้จักเกาะนี้ได้ยังไง เราบอกว่า เห็นจากรีวิวในพันทิปนี่แหละ^^
ไฮไลท์ของการมาเที่ยวเกาะนี้ มีอยู่สองอย่างค่ะ คือปั่นจักรยานรอบเกาะ กับ มาตั้งแคมป์ ซึ่งเรากับเพื่อนตั้งใจจะมาปั่นจักรยานแต่เพียงอย่างเดียว เพราะวันรุ่งขึ้นต้องกลับไทยแล้วค่ะ ราคาค่าเช่าจักรยานก็ตามแต่สภาพของจักรยานค่ะ รุ่นใหม่ๆดีๆก็แพงหน่อย ส่วนเรากับเพื่อนเอารุ่นที่กลางๆ ราคาเช่าทั้งวัน (่ก่อนหกโมงเย็น) เสียคนละ 16 เหรียญค่ะ
คืออยากจะสารภาพ เราเป็นคนจัดทริปนี้เอง แต่เราไม่คาดคิดว่าการมาปั่นจักรยานชมเกาะ มันจะวิบากถึงเพียงนี้!

วิบากยังไงเหรอ? คือในความคิดของเรา เราคิดว่าถนนมันจะเป็นซีเมนต์ ไม่มีเนิน เป็นทางเรียบปกติธรรมดา เหมือนถนนทั่วไปอ่ะค่ะ แต่มันไม่ใช่อ่ะ! มันเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยกรวด หิน ดิน ทราย มีถนนดีๆให้ปั่นอยู่บ้าง แต่มีส่วนน้อยนะ แถมยังมีทางลาดชัน ลาดลงเนินอย่างสูงงงงงงง ที่แสนขรุขระ โอ้แม่เจ้า! คือแบบว่ามีนักท่องเที่ยวคุมจักรยานไม่อยู่ หน้าทิ่ม ล้มคะมำไปหลายรายแล้วอ่ะค่ะ ใครจะมาปั่น ต้องระวังๆนิดนึงนะ
เป้าหมายในการปั่นจักรยานของเรากับสหาย คือ Chek Jawa Wetlands ค่ะ นี่ก็ผิดคาดอีกเหมือนกัน นึกว่าจะอยู่ไม่ไกล ที่ไหนได้ 3 กิโลฯกว่าๆ!! ไปกลับก็ 6-7 กิโลฯ โอ้วววว อยากกรีดร้องมาก

คือเราเป็นคนไม่ชอบออกกำลังกายค่ะ ไปเที่ยวสิงคโปร์คราวนี้ ถือว่าออกกำลังกายทั้งปีเลยทีเดียว
บางทีก็ต้องลงเดินเข็นจักรยานค่ะ เพราะทางมันชันมาก แล้วก็เต็มไปด้วยหิน กรวด ดิน ทราย อย่างที่บอก ซึ่งเราหอบแฮ่กๆตั้งแต่กิโลเมตรแรกล่ะ บอกเพื่อนไปก่อนเลย ซึ่งมันก็ปั่นไปก่อนจริงๆ ซึ้งใจมาก 555 อ้อ บนเกาะจะมีร้านอาหารแบบบ้านๆด้วยนะคะ เท่าที่เห็นมีหนึ่งร้านนะ แล้วก็มีจุดนั่งพักเป็นระยะๆค่ะ
ปั่นๆๆๆๆไปราวหนึ่งชั่วโมงมั้ง ไม่แน่ใจ เพราะหยุดพักบ่อยมาก ก็มาถึงทางเข้าไปยัง Chek Jawa Wetlands แล้วค่า^^ ต้องจอดจักรยานไว้นะ แล้วเดินเท้าเข้าไปต่อ ฮืออออ

คือเราก็ไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่จุดตรงนี้จะมีแนวปะการัง มีพวกสัตว์ทะเลอะไรงี้อ่ะค่ะ เหมือนเป็นที่เพาะพันธุ์และอนุรักษ์อะไรทำนองนี้ ไม่ได้อ่านรายละเอียดเท่าไหร่ เพราะมัวแต่เหนื่อยหอบค่ะ แฮ่ๆๆ
ซึ้งใจมาก เจอตู้กดน้ำดื่มกลางป่า!!! โหยหาน้ำดื่มตั้งนาน เขาเข้าใจหัวอกนักท่องเที่ยวดีนะ 555+
ผ่านประตูเข้ามาสู่ด้านในของ Chek Jawa แล้ว ที่นี่มีห้องน้ำไว้คอยบริการด้วยนะคะ
นี่แหละ เป้าหมายของเรากับสหาย! แดดจ้ามาก เพราะไปตอนบ่ายๆค่ะ ร้อนมากด้วย
เราไม่ได้ไปเดินตรงสะพานนั่นหรอกนะคะ เพราะมันร้อนมากๆๆๆๆ แล้วเราก็หมดสภาพไปแล้ว มาเที่ยวเกาะนี้ไม่มีรูปเราเลยค่ะ มีแต่รูปเพื่อน เพราะหน้าเราไม่เป๊ะ สภาพไม่อำนวย เราเลยไม่ถ่ายรูปตัวเองน่ะ แหะๆๆๆ นั่งพักสักแปบ ก็ปั่นจักรยานกลับค่ะ ขากลับก็โหดไม่แพ้กัน เนินนี่อย่างสูง

เรานี่เข็นจักรยานอย่างเดียวเลย ส่วนสหายรักน่ะเหรอ ปั่นล่วงหน้าไปก่อนแล้วจ้า ซึ้งใจมาก 555
ใช้เวลาปั่นกลับมาก็ประมาณเกือบชั่วโมงได้ค่ะ เหนื่อยมากจริงๆ แต่สนุกดีนะ ไม่คิดเลยว่าเกาะไร้แสงสีแบบนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งของสิงคโปร์ ส่วนขากลับเราก็นั่งรถเมล์ SBS สาย 2 กลับค่ะ เพราะสายนี้ผ่าน Chinatown ด้วยแหละ (ชวนเพื่อนนั่งรถเมล์ไปต่อ MRT นางบอกว่าไม่เอา จะนั่งรถเมล์ชมเมือง เออ ตามใจก็ได้!) เรียกได้ว่านั่งวนแทบจะรอบเกาะเลยล่ะ เสียค่ารถเมล์ประมาณ 1.80 เหรียญค่ะ
สำหรับใครที่มองหาที่เที่ยวที่แตกต่างจากเกาะสิงคโปร์หรือเกาะเซนโตชาล่ะก็ อย่าลืมแวะไปเที่ยวเกาะพูเลา อูบินนะคะ เดินทางง่าย สะดวกค่ะ ไปเป็นกรุ๊ปหลายๆคนจะสนุกมากๆๆ^^ ขอแนะนำให้ไปช่วงเช้านะคะ เพราะช่วงบ่าย แดดจะแรง ร้อนมากๆค่ะ อ้อ! ถึงจะดูบ้านนอก ไร้แสงสี ไร้สิ่งศิวิไล แต่ 3G ที่เกาะนี้แรงมาก 555 เราเปิดโรมมิ่งไปค่ะ ใช้งานลื่นเลย ไม่มีสะดุด
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกระทู้ซะยาวเหยียดนะคะ ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ค่ะ
[CR] พาไปเที่ยวพูเลา อูบิน (Pulau Ubin, Ubin island) เกาะไร้แสงสี แห่งสิงคโปร์ค่ะ
ใครที่เคยไปเที่ยวสิงคโปร์มาก่อน คงทราบดีว่าการเดินทางในสิงคโปร์ไม่ยากเลยค่ะ ถึงหลงก็สามารถหาทางกลับเองได้แบบชิลล์ๆ เราเองก็ไปเป็นครั้งแรกค่ะ แล้วก็เต็มที่มาก เพราะการเดินทางไปยังเกาะพูเลา อูบินนี้ ต้องนั่ง MRT (สถานีต้นทางของเรา เริ่มตั้งแต่ Chinatown เลย เพราะพักอยู่ที่นี่) ไปลงที่สถานี Tanah Merah ซึ่งคนที่เดินทางเข้าเมืองด้วย MRT ต้องรู้จักสถานีนี้ดีอยู่แล้ว^^ จากนั้นเราก็จะเดินออกจากสถานี ทาง Exit B ค่ะ ขอย้ำว่า Exit B เพราะว่ารถเมล์ SBS สาย 2 ที่เราจะนั่งไปที่ท่าเรือนั้น มันวิ่งทั้งสองฝั่งค่ะ ที่ย้ำเพราะว่า ครั้งแรก เราพลาดไปออกทาง Exit A ผลน่ะเหรอ รถเมล์วิ่งเข้าเมืองจ้า กลับไป Chinatown นั่นแหละ ฮ่าๆๆๆๆ
รูปนี้คือภายในรถเมล์ SBS สาย 2 ค่ะ เซ็นเซอร์หน้าสหายนิดนึงนะคะ เราก็ใช้บัตร EZ-link นี่แหละจ่ายค่าโดยสาร ง่ายๆ สะดวกดี^^ รถเมล์ของสิงคโปร์ดีมากๆ ไม่แออัดเลยค่ะ มีแบบสองชั้นด้วยค่ะ แต่เราได้นั่งรถชั้นเดียวนะ ให้ความรู้สึกดีกว่ารถทัวร์บ้านเราอีกค่ะ นั่งครั้งแรกก็ประทับใจมากๆ เสียอย่างเดียวคือไม่มีเสียงบอกว่าถึงไหนแล้ว เราต้องรู้ที่ๆจะไปนิดนึง โชคดีที่ๆเราจะไป มันอยู่สุดปลายทางสถานีเลย (ขนาดของรูปอาจจะเล็กสักหน่อย พันทิปไม่ยอมให้อัพรูปใหญ่ๆลง ไม่รู้ทำไม TOT) เสริมนิดนึง มารยาทในการขึ้นรถเมล์ที่สิงคโปร์ ตอนขึ้นให้ขึ้นที่ประตูหน้า ตอนลงให้ลงที่ประตูด้านข้างนะคะ
มาต่อกันเลยค่ะ นั่งไปลงสุดสายเลยนะคะ ปลายทางคือ Changi Village bus interchange ค่ะ หรือสถานีชุมทางหมู่บ้านชางกีนั่นเอง แต่ถ้าใครจะแวะทานอะไรก่อนไปขึ้นเรือ ให้ลงที่ป้ายก่อนเข้าสถานีชุมทาง คือ ป้าย Changi Village นะคะ เราก็ลงป้ายนี้ก่อน แล้วเดินไปอีกสักหน่อย เพื่อไปที่ท่าขึ้นเรือค่ะ (ถ้ากลัวหลง เปิด google map เลยค่ะ รับรองว่าไม่มั่ว เพราะเราก็ใช้เหมือนกัน 555+)
มาถึงแล้วท่าเรือ Changi Point ค่ะ อยู่ติดกับสถานีชุมทาง Changi Village bus interchange เลยค่ะ ถ้าลงรถเมล์ก็มองไปทางลานจอดรถนะ แล้วก็เดินตรงไปเรื่อยๆก็เจอเลยค่ะ
ตอนเราเห็นครั้งแรก แอบคิดว่า ทำไมมันดูร้างๆวะ
เกาะนี้ ตอนที่เราไป เราเห็นแต่ฝรั่งมังค่า หรือทางโซนเอเชียก็มีคนญี่ปุ่น คนเกาหลี คนจีนที่มาเที่ยวกัน ไม่เจอนักท่องเที่ยวไทยเลยค่ะ แต่เจอพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง พี่แกทำงานอยู่ที่มาเลเซีย พอเสาร์-อาทิตย์ก็ข้ามมาทำงานพิเศษในร้านเช่าจักรยานที่เกาะนี้ พี่เค้าบอกว่า มีนักท่องเที่ยวไทยมาเที่ยวเหมือนกันนะ ถามเราด้วยว่า รู้จักเกาะนี้ได้ยังไง เราบอกว่า เห็นจากรีวิวในพันทิปนี่แหละ^^
ไฮไลท์ของการมาเที่ยวเกาะนี้ มีอยู่สองอย่างค่ะ คือปั่นจักรยานรอบเกาะ กับ มาตั้งแคมป์ ซึ่งเรากับเพื่อนตั้งใจจะมาปั่นจักรยานแต่เพียงอย่างเดียว เพราะวันรุ่งขึ้นต้องกลับไทยแล้วค่ะ ราคาค่าเช่าจักรยานก็ตามแต่สภาพของจักรยานค่ะ รุ่นใหม่ๆดีๆก็แพงหน่อย ส่วนเรากับเพื่อนเอารุ่นที่กลางๆ ราคาเช่าทั้งวัน (่ก่อนหกโมงเย็น) เสียคนละ 16 เหรียญค่ะ
คืออยากจะสารภาพ เราเป็นคนจัดทริปนี้เอง แต่เราไม่คาดคิดว่าการมาปั่นจักรยานชมเกาะ มันจะวิบากถึงเพียงนี้!
เป้าหมายในการปั่นจักรยานของเรากับสหาย คือ Chek Jawa Wetlands ค่ะ นี่ก็ผิดคาดอีกเหมือนกัน นึกว่าจะอยู่ไม่ไกล ที่ไหนได้ 3 กิโลฯกว่าๆ!! ไปกลับก็ 6-7 กิโลฯ โอ้วววว อยากกรีดร้องมาก
บางทีก็ต้องลงเดินเข็นจักรยานค่ะ เพราะทางมันชันมาก แล้วก็เต็มไปด้วยหิน กรวด ดิน ทราย อย่างที่บอก ซึ่งเราหอบแฮ่กๆตั้งแต่กิโลเมตรแรกล่ะ บอกเพื่อนไปก่อนเลย ซึ่งมันก็ปั่นไปก่อนจริงๆ ซึ้งใจมาก 555 อ้อ บนเกาะจะมีร้านอาหารแบบบ้านๆด้วยนะคะ เท่าที่เห็นมีหนึ่งร้านนะ แล้วก็มีจุดนั่งพักเป็นระยะๆค่ะ
ปั่นๆๆๆๆไปราวหนึ่งชั่วโมงมั้ง ไม่แน่ใจ เพราะหยุดพักบ่อยมาก ก็มาถึงทางเข้าไปยัง Chek Jawa Wetlands แล้วค่า^^ ต้องจอดจักรยานไว้นะ แล้วเดินเท้าเข้าไปต่อ ฮืออออ
เราไม่ได้ไปเดินตรงสะพานนั่นหรอกนะคะ เพราะมันร้อนมากๆๆๆๆ แล้วเราก็หมดสภาพไปแล้ว มาเที่ยวเกาะนี้ไม่มีรูปเราเลยค่ะ มีแต่รูปเพื่อน เพราะหน้าเราไม่เป๊ะ สภาพไม่อำนวย เราเลยไม่ถ่ายรูปตัวเองน่ะ แหะๆๆๆ นั่งพักสักแปบ ก็ปั่นจักรยานกลับค่ะ ขากลับก็โหดไม่แพ้กัน เนินนี่อย่างสูง
ใช้เวลาปั่นกลับมาก็ประมาณเกือบชั่วโมงได้ค่ะ เหนื่อยมากจริงๆ แต่สนุกดีนะ ไม่คิดเลยว่าเกาะไร้แสงสีแบบนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งของสิงคโปร์ ส่วนขากลับเราก็นั่งรถเมล์ SBS สาย 2 กลับค่ะ เพราะสายนี้ผ่าน Chinatown ด้วยแหละ (ชวนเพื่อนนั่งรถเมล์ไปต่อ MRT นางบอกว่าไม่เอา จะนั่งรถเมล์ชมเมือง เออ ตามใจก็ได้!) เรียกได้ว่านั่งวนแทบจะรอบเกาะเลยล่ะ เสียค่ารถเมล์ประมาณ 1.80 เหรียญค่ะ
สำหรับใครที่มองหาที่เที่ยวที่แตกต่างจากเกาะสิงคโปร์หรือเกาะเซนโตชาล่ะก็ อย่าลืมแวะไปเที่ยวเกาะพูเลา อูบินนะคะ เดินทางง่าย สะดวกค่ะ ไปเป็นกรุ๊ปหลายๆคนจะสนุกมากๆๆ^^ ขอแนะนำให้ไปช่วงเช้านะคะ เพราะช่วงบ่าย แดดจะแรง ร้อนมากๆค่ะ อ้อ! ถึงจะดูบ้านนอก ไร้แสงสี ไร้สิ่งศิวิไล แต่ 3G ที่เกาะนี้แรงมาก 555 เราเปิดโรมมิ่งไปค่ะ ใช้งานลื่นเลย ไม่มีสะดุด
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น