บ้านเป็นความฝันของใครหลายคน แต่ด้วยเงินเดือนแค่คนเดียว สงสัยจะกู้ผ่านยาก หรือถ้ากู้ได้ อาจซื้อได้แค่ครึ่งหลังของบ้านในฝัน จริงๆ ก็มีทางออกนะครับ นั่นคือ หาคนมากู้ร่วมด้วย จะเพิ่มโอกาสที่จะได้รับอนุมัติมากขึ้น หรือ ได้วงเงินที่สูงขึ้น แล้วมีประเด็นสำคัญอะไรบ้างที่ควรรู้ก่อนกู้ร่วม
1. กู้ร่วมกับใครได้บ้าง
ไม่ใช่ว่าจะชวนใคร หรือ ชวนกันมากู้ร่วมหลายๆ คนได้นะครับ ต้องไปดูเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร ส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ เช่น กู้ร่วมได้ไม่เกิน 2 คน แล้วคนที่จะมากู้ร่วม ก็ต้องมีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติกัน เช่น พ่อ/แม่กับลูก พี่กับน้อง ลุงกับหลาน หรือสามีภรรยา ถ้าไม่ได้จดทะเบียนสมรส ก็ใช้หลักฐานพวกภาพถ่ายงานแต่ง การ์ดแต่งงาน ถ้าเป็นแฟนกันเฉยๆ ส่วนใหญ่จะกู้ร่วมไม่ได้ ส่วนการอนุมัติและวงเงิน ธนาคารจะดูความสามารถในการผ่อนต่อเดือนของแต่ละคน ก็คือรายได้หักลบภาระผ่อนหนี้
2. ใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ของบ้าน
การกู้ร่วม สามารถใส่กรรมสิทธิ์ของบ้านได้ 2 แบบครับ แบบแรก ใช้ชื่อคนเดียวเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ แบบที่ 2 ใส่ชื่อผู้กู้ร่วมทุกคนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ส่วนใหญ่ใช้แบบหลังกัน
ซึ่งในแบบที่ 2 เวลาจะขายบ้าน ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม หรือถ้าจะยกกรรมสิทธิ์บ้านให้เป็นของคนใดคนหนึ่งที่เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม จะถือว่า เป็นการซื้อขายบ้าน ก็จะมีค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการโอน ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย รวมถึงค่าอากรแสตมป์หรือภาษีธุรกิจเฉพาะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น จะให้ใครมีชื่อในกรรมสิทธิ์บ้าน ก็อย่าลืมคิดถึงเรื่องเหล่านี้ด้วย
3. ดอกเบี้ยบ้านที่จ่ายไป เอาไปลดหย่อนภาษีอย่างไร
ดอกเบี้ยเงินกู้บ้านเอามาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ถ้ากู้ร่วม ก็หารเฉลี่ยตามจำนวนคนกู้ จะแบ่งให้ใครเอาไปลดหย่อนมากกว่าอีกคนไม่ได้ เช่น กู้ร่วมกัน 2 คน จ่ายดอกเบี้ยบ้านทั้งปีไป 120,000 บาท ก็เอาไปลดหย่อนได้คนละ 50,000 บาท เพราะบ้าน 1 หลังลดหย่อนภาษีจากดอกเบี้ยได้ 100,000 บาทครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องมั่นใจเรื่องการผ่อนด้วยนะครับว่า จริงๆ แล้ว ผ่อนกี่คนกันแน่ อย่าให้เกินตัวจนเกินไป เดี๋ยวจะมีปัญหาทีหลัง แล้วต้องไม่ลืมค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นค่าส่วนกลาง ค่าเฟอร์นิเจอร์ ค่าตกแต่งบ้าน ด้วยนะครับ
อ่านเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับขอสินเชื่อบ้าน ได้ที่
http://k-expert.askkbank.com/Pages/Need-based04.aspx
หรือจะลองคำนวณดูว่า จะกู้บ้านผ่านมั้ย ที่
http://k-expert.askkbank.com/Pages/CalToolHomeLoanMain.aspx
<คำถามฮิต K-Expert ช่วยตอบ> 3 ข้อต้องรู้ ก่อนตัดสินใจกู้ร่วม
1. กู้ร่วมกับใครได้บ้าง
ไม่ใช่ว่าจะชวนใคร หรือ ชวนกันมากู้ร่วมหลายๆ คนได้นะครับ ต้องไปดูเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร ส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ เช่น กู้ร่วมได้ไม่เกิน 2 คน แล้วคนที่จะมากู้ร่วม ก็ต้องมีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติกัน เช่น พ่อ/แม่กับลูก พี่กับน้อง ลุงกับหลาน หรือสามีภรรยา ถ้าไม่ได้จดทะเบียนสมรส ก็ใช้หลักฐานพวกภาพถ่ายงานแต่ง การ์ดแต่งงาน ถ้าเป็นแฟนกันเฉยๆ ส่วนใหญ่จะกู้ร่วมไม่ได้ ส่วนการอนุมัติและวงเงิน ธนาคารจะดูความสามารถในการผ่อนต่อเดือนของแต่ละคน ก็คือรายได้หักลบภาระผ่อนหนี้
2. ใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ของบ้าน
การกู้ร่วม สามารถใส่กรรมสิทธิ์ของบ้านได้ 2 แบบครับ แบบแรก ใช้ชื่อคนเดียวเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ แบบที่ 2 ใส่ชื่อผู้กู้ร่วมทุกคนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ส่วนใหญ่ใช้แบบหลังกัน
ซึ่งในแบบที่ 2 เวลาจะขายบ้าน ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม หรือถ้าจะยกกรรมสิทธิ์บ้านให้เป็นของคนใดคนหนึ่งที่เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม จะถือว่า เป็นการซื้อขายบ้าน ก็จะมีค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการโอน ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย รวมถึงค่าอากรแสตมป์หรือภาษีธุรกิจเฉพาะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น จะให้ใครมีชื่อในกรรมสิทธิ์บ้าน ก็อย่าลืมคิดถึงเรื่องเหล่านี้ด้วย
3. ดอกเบี้ยบ้านที่จ่ายไป เอาไปลดหย่อนภาษีอย่างไร
ดอกเบี้ยเงินกู้บ้านเอามาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ถ้ากู้ร่วม ก็หารเฉลี่ยตามจำนวนคนกู้ จะแบ่งให้ใครเอาไปลดหย่อนมากกว่าอีกคนไม่ได้ เช่น กู้ร่วมกัน 2 คน จ่ายดอกเบี้ยบ้านทั้งปีไป 120,000 บาท ก็เอาไปลดหย่อนได้คนละ 50,000 บาท เพราะบ้าน 1 หลังลดหย่อนภาษีจากดอกเบี้ยได้ 100,000 บาทครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องมั่นใจเรื่องการผ่อนด้วยนะครับว่า จริงๆ แล้ว ผ่อนกี่คนกันแน่ อย่าให้เกินตัวจนเกินไป เดี๋ยวจะมีปัญหาทีหลัง แล้วต้องไม่ลืมค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นค่าส่วนกลาง ค่าเฟอร์นิเจอร์ ค่าตกแต่งบ้าน ด้วยนะครับ
อ่านเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับขอสินเชื่อบ้าน ได้ที่ http://k-expert.askkbank.com/Pages/Need-based04.aspx
หรือจะลองคำนวณดูว่า จะกู้บ้านผ่านมั้ย ที่ http://k-expert.askkbank.com/Pages/CalToolHomeLoanMain.aspx