เรื่องราวมันซับซ้อนและเกี่ยวกับความสัมพันธ์ละเอียดอ่อน อาจจะพิมพ์เล่า background ชีวิตเยิ่นเย้อหรือวกวนไปก็ขอโทษด้วยนะคะ กำลังเครียดมาก
แทกการเงินไปด้วย เพราะเหมือนจะทะเลาะกันแต่เรื่องเงิน ถ้าดูไม่เกี่ยวก็ขอโทษนะคะ
เดิมครอบครัวเรามีฐานะปานกลางถึงดีมาตลอด มีที่ดินและอาคารหลายแห่ง และบางแห่งก็กำลังผ่อนอยู่ แต่ต่อมาสูญเสียคุณพ่อที่ทำงานเป็นหัวหน้าครอบครัวเพียงคนเดียวไปตั้งแต่ช่วงเรากำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย(ประมาณ10ปีที่แล้ว) ส่วนแม่เป็นแม่บ้าน(มีคนทำงานบ้าน1คน) ไม่ได้ทำงานมาตั้งแต่เราจำความได้
ครอบครัวเราจึงเหลือแค่ แม่ พี่ชาย(ณ ตอนนั้นเค้ากำลังเรียนมหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง) และ เรา(เรียนม.รัฐ ขอทุนเรียนฟรีเพราะผลการเรียนดีได้)
แม่ก็เลี้ยงลูก 2 คนต่อเอง โดยอาศัยขายทรัพย์สินเกินความจำเป็นบางชิ้นมาโปะอีกชิ้นที่จำเป็น ทำให้หมดภาระหนี้สินก้อนใหญ่ที่ต้องผ่อน และอาศัยค่าเช่าที่ดินและอาคารบางที่เป็นค่าใช้จ่ายประจำวันของทั้งบ้าน ค่าเทอมให้พี่ ส่วนรายละเอียดว่ามีอะไรเท่าไหร่ แม่ไม่เคยบอก และไม่ยอมบอกจนถึงปัจจุบัน
แม่ไม่ได้ทำงานเหมือนเดิม(งานบ้านก็มีลูกจ้างทำให้เหมือนเดิม) สรุปแล้วคือเรามีความเป็นอยู่ที่สบาย ไม่เดือดร้อน แต่ไม่เหมือนเดิม คือ จากที่พ่อเคยให้ค่าขนมfixว่าอาทิตย์ละเท่าไหร่ เหลือก็เก็บออมเอง กลายเป็นแม่จะให้เงินเป็นครั้งๆแล้วให้ใช้ให้หมดค่อยมาขอใหม่ ถ้ามีญาติให้เงินแต๊ะเอีย ค่ารางวัลเรียนดี อะไรก็ตาม แม่จะไม่ให้เก็บ ให้ใช้ให้หมด หมดแล้วค่อยมาขอ ซ่อนไม่ได้ เพราะแม่จะมารื้อดูของที่โต๊ะอ่านหนังสือเป็นประจำ เปิดเช็คสมุดบัญชี ถ้าพบว่ามีเงินติดตัวอยู่บ้างจะให้เอามาใช้ให้หมดก่อน ค่อยขอ
แม่จะพูดให้รู้สึกอยู่เสมอ ว่าบ้านเราไม่มีเงิน ไม่เหมือนคนอื่น(สังคมเพื่อนสนิทเราส่วนมากเป็นกลุ่มฐานะดี) ใช้เฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น ถ้าเหลือต้องเก็บไว้ฉุกเฉิน(จริงๆแล้วแม่กรอกหูเราแบบนี้มาตั้งแต่เกิด เราจะมีความรู้สึกว่าเราจน แต่พอโตขึ้น ออกไปเจอสังคมจริงๆแล้ว เราก็รู้เองว่า เราถือว่ามีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าเพื่อนฐานะปานกลางหลายๆคน)
สำหรับเรา แม่เราบังคับให้เราเลือกเรียนสายอาชีพที่มั่นคงและทำเงินได้ดีที่สุด เราบอกว่าไม่ชอบ ไม่อยากเรียน แต่แม่ก็เกลี้ยกล่อมให้เรียน บอกว่าอย่างน้อยก็เอาไว้หาทุนเพราะบ้านเราฐานะไม่ดี ทำอย่างอื่นที่ชอบ ในที่สุดเราก็ยอมเรียนตามที่แม่ว่าดี ส่วนพี่ชายเราขี้เกียจมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็เรียนคณะที่พอเรียนได้ไปวันๆ แม่ไม่บังคับอะไร
แม่จะส่งเสียลูกทั้งสองคนจนเรียนจบและหลังจากนั้นแม่ก็ไม่เคยออกเงินค่าอะไรอีกเลย ไม่ว่าจะมากหรือน้อย เหมือนสลับหน้าที่กันในทันที แม้แต่แชมพู หรือ ไม้แขวนเสื้อหมด แม่จะพูดให้เราเป็นคนไปซื้อหรือเอาเงินมาให้
รู้สึกไม่ดีกับแม่ของตัวเอง ทำยังไงดี
แทกการเงินไปด้วย เพราะเหมือนจะทะเลาะกันแต่เรื่องเงิน ถ้าดูไม่เกี่ยวก็ขอโทษนะคะ
เดิมครอบครัวเรามีฐานะปานกลางถึงดีมาตลอด มีที่ดินและอาคารหลายแห่ง และบางแห่งก็กำลังผ่อนอยู่ แต่ต่อมาสูญเสียคุณพ่อที่ทำงานเป็นหัวหน้าครอบครัวเพียงคนเดียวไปตั้งแต่ช่วงเรากำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย(ประมาณ10ปีที่แล้ว) ส่วนแม่เป็นแม่บ้าน(มีคนทำงานบ้าน1คน) ไม่ได้ทำงานมาตั้งแต่เราจำความได้
ครอบครัวเราจึงเหลือแค่ แม่ พี่ชาย(ณ ตอนนั้นเค้ากำลังเรียนมหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง) และ เรา(เรียนม.รัฐ ขอทุนเรียนฟรีเพราะผลการเรียนดีได้)
แม่ก็เลี้ยงลูก 2 คนต่อเอง โดยอาศัยขายทรัพย์สินเกินความจำเป็นบางชิ้นมาโปะอีกชิ้นที่จำเป็น ทำให้หมดภาระหนี้สินก้อนใหญ่ที่ต้องผ่อน และอาศัยค่าเช่าที่ดินและอาคารบางที่เป็นค่าใช้จ่ายประจำวันของทั้งบ้าน ค่าเทอมให้พี่ ส่วนรายละเอียดว่ามีอะไรเท่าไหร่ แม่ไม่เคยบอก และไม่ยอมบอกจนถึงปัจจุบัน
แม่ไม่ได้ทำงานเหมือนเดิม(งานบ้านก็มีลูกจ้างทำให้เหมือนเดิม) สรุปแล้วคือเรามีความเป็นอยู่ที่สบาย ไม่เดือดร้อน แต่ไม่เหมือนเดิม คือ จากที่พ่อเคยให้ค่าขนมfixว่าอาทิตย์ละเท่าไหร่ เหลือก็เก็บออมเอง กลายเป็นแม่จะให้เงินเป็นครั้งๆแล้วให้ใช้ให้หมดค่อยมาขอใหม่ ถ้ามีญาติให้เงินแต๊ะเอีย ค่ารางวัลเรียนดี อะไรก็ตาม แม่จะไม่ให้เก็บ ให้ใช้ให้หมด หมดแล้วค่อยมาขอ ซ่อนไม่ได้ เพราะแม่จะมารื้อดูของที่โต๊ะอ่านหนังสือเป็นประจำ เปิดเช็คสมุดบัญชี ถ้าพบว่ามีเงินติดตัวอยู่บ้างจะให้เอามาใช้ให้หมดก่อน ค่อยขอ
แม่จะพูดให้รู้สึกอยู่เสมอ ว่าบ้านเราไม่มีเงิน ไม่เหมือนคนอื่น(สังคมเพื่อนสนิทเราส่วนมากเป็นกลุ่มฐานะดี) ใช้เฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น ถ้าเหลือต้องเก็บไว้ฉุกเฉิน(จริงๆแล้วแม่กรอกหูเราแบบนี้มาตั้งแต่เกิด เราจะมีความรู้สึกว่าเราจน แต่พอโตขึ้น ออกไปเจอสังคมจริงๆแล้ว เราก็รู้เองว่า เราถือว่ามีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าเพื่อนฐานะปานกลางหลายๆคน)
สำหรับเรา แม่เราบังคับให้เราเลือกเรียนสายอาชีพที่มั่นคงและทำเงินได้ดีที่สุด เราบอกว่าไม่ชอบ ไม่อยากเรียน แต่แม่ก็เกลี้ยกล่อมให้เรียน บอกว่าอย่างน้อยก็เอาไว้หาทุนเพราะบ้านเราฐานะไม่ดี ทำอย่างอื่นที่ชอบ ในที่สุดเราก็ยอมเรียนตามที่แม่ว่าดี ส่วนพี่ชายเราขี้เกียจมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็เรียนคณะที่พอเรียนได้ไปวันๆ แม่ไม่บังคับอะไร
แม่จะส่งเสียลูกทั้งสองคนจนเรียนจบและหลังจากนั้นแม่ก็ไม่เคยออกเงินค่าอะไรอีกเลย ไม่ว่าจะมากหรือน้อย เหมือนสลับหน้าที่กันในทันที แม้แต่แชมพู หรือ ไม้แขวนเสื้อหมด แม่จะพูดให้เราเป็นคนไปซื้อหรือเอาเงินมาให้