The Big Year มาดูกันครับว่าเป็นมะเร็งแล้วต้องเจอกับอะไรบ้าง

วันนี้เรามาดูกันครับว่า ผู้ป่วยมะเร็งตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าเป็นมะเร็งต้องเจอกับอะไรบ้าง

ใครที่กำลังท้อแท้กับชีวิตอยู่ลองอ่านดูครับ หวังจะมีส่วนช่วยทำให้มีแรงใจขึ้นมาบ้างนะครับ  จุ๊บๆ

____________________________________________________________________

สรุปข้อมูลคร่าวๆให้นิดหนึ่งก่อนนะครับ ผมเป็นมนุษย์เงินเดือน เพศชาย อายุ สามสิบนิดๆ เข้ามาดู

ที่ไปตรวจสุขภาพเนื่องจากมีก้อนที่คอบวม แล้วหมอผ่าต่อมน้ำเหลืองไปตรวจหนึ่งก้อน  

ซึ่งวันไปฟังผล พบว่ามีเชื้อมะเร็งที่ต่อมน้ำเหลือง  เบื้องต้นผลชิ้นเนื้อสันนิฐานว่าน่าจะกระจายมาจากส่วนของหลังโพรงจมูก...

แต่ต้องทำการตรวจทางแลปเพิ่มเพื่อหาจุดกำเนิด อ่านละเอียดได้จากกระทู้นี้ครับว่าวันแรกที่รู้ว่าเป็นมะเร็ง จะรู้สึกอย่างไร””

อารมณ์วันแรกมันเยอะผมเลยเขียนแยกไว้ต่างหากรวมกันมันจะยาวไป

http://pantip.com/topic/32180710

___________________________________________________________

ที่นี้ส่วนของวันนี้คือ ต่อจากวันแรก  เป็นเรื่องของการวินิจฉัย การรักษา  การดูแลสุขภาพตอนรักษา ข้อควรระวังต่างๆ

โดยหลังจากที่ผ่านวันแรกที่รู้ว่าเป็นมะเร็งแล้วแต่ยังไม่รู้ว่าเป็นมะเร็งอะไรนอกจากที่ผมมโนนู้นนี้นั้นไปเอง

หมอก็ส่งผลไปตรวจโดยวิธีย้อมพิเศษเพื่อหาจุดต้นตอที่มาของมะเร็งจุดแรก

ซึ่งวันที่ไปฟังผลตรวจเพิ่มเติม....ผลก็ยังยืนยันว่ามาจากหลังโพรงจมูก....แต่ !!!! Facepalm

ปัญหาคือ หมอส่องตรวจดูแบบคร่าวๆแล้ว .... มันไม่มีก้อนที่หลังโพรงจมูก >>> ความยากเริ่มต้นขึ้นตรงนี้ล่ะ!!!!เพี้ยนเพลีย

ที่นี้สิ่งที่ทำได้คือ สุ่ม Biopsy (สุ่มตัดชิ้นเนื้อที่หลังโพรงจมูกไปตรวจ ) .....มันคือการทายาชาแล้วใช้เหล็กสอดเข้าไปสุ่มตัดชิ้นเนื้อมาตรวจ....

อันนี้ไม่เจ็บมาก...แต่มีเลือดไหลลงมาที่ปากบ้าง....

ถึงตอนนี้ผลเริ่มชัดขึ้นมาบ้างว่าเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกแล้วใช่ม่ะ !!! .... เพียงแต่ยังหาจุดกำเนิดแบบชัดๆไม่เจอ....

ดังนั้นสิ่งที่เข้ามาแบบทันทีคือ>>>>ผู้ป่วยหลายคนน่าจะโดน

โดนส่งไปรักษาด้วยการรักษาทางเลือก !!! (แบบงงๆ)

บอกก่อนว่าผมไม่เชื่อเรื่องพลังวิเศษอยู่แล้วแต่อารมณ์ตอนนั้น ...บวกกับความห่วงใยของคนรอบข้างแล้ว....

ภาวะจำยอมก็เกิดขึ้น....ถูกส่งไปแบบงงๆนั้นล่ะ T_T

อารมณ์แบบตอนเช้าอยู่กับหมอที่โรงพยาบาล...ตอนเย็นไปอยู่กับไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ Facepalm

(ขออนุณาตไม่ลงรายละเอียดเรื่องนี้ลึกมากนะครับ  )

แต่สรุปให้ จากที่ไปสัมผัสมาจะพบว่า

คนที่เชื่อเขาก็เชื่อแบบสุดใจจริงๆนะ...คนไม่เชื่อแบบผมถึงไปอยู่ยังไงก็ไม่เชื่ออยู่ดี.....

ถึงขนาดผม ขอตัวกลับกลางคันเลย....ไม่อยู่จนจบคอร์สอีกสองสามวัน...คือดูแล้วไม่ไหวจริงๆนี้มันไม่ใช่แระ...ไม่ว่าจะลองเปิดใจอย่างไรแล้วจริงๆ....คือ

ผมทำทุกอย่างที่เขาให้ทำอ่ะนะ...ถึงหลายอย่างจะไม่มีหลักเหตุผลลองรับเลย

แต่ตอนจะกลับผมก็พูดกับเขาดีๆนะ .... ให้เหตุผลไปว่าต้องไปฟังผลชิ้นเนื้อ บลา ๆๆๆ ก็ว่าไป....

ก่อนออกมานี้แบบโดนคุณป้าคนหนึ่งแกตราหน้าว่าเป็นคนบาปแบบสุดๆ T_T”””>>อารมณ์ประมาณว่ากลับไปคุณยิ้ม

ต้องตายแน่ๆ.... ที่นี้คือทางออกเดียว””  คือเข้าใจว่าแกหวังดีเลยไม่ได้โกรธอะไร...เสร็จแล้วก็ขึ้นรถกลับกรุงเทพมา...

จริงๆช่วงแรกๆนี้พวกยาหม้อนี้เต็มบ้านเลยนะ คำแนะนำเรื่องที่รักษาทางเลือกมาเต็มไปหมดอ่ะ ......

แต่ผมไม่เอาซักอย่างเลย คือ ตอนนั้นตัดสินใจแระว่าถ้าตายก็ตาย อยู่กับสิ่งที่จับต้องได้ มีมาตรฐาน ค่าทางสถิติ ชัดเจนดีกว่า ....

จับปลาสองมือมันไม่น่าจะเวิร์ค ...สรุปคือ ใช้แพทย์แผนปัจจุบันเนี้ยล่ะ ...มุ่งทางนี้ชัดเจนเลย ทำทุกอย่างเพื่อมีชีวิตจริงๆ...

เดี๋ยวลองอ่านกันดูครับว่าต้องทำอะไร และเจออะไรบ้าง...ยาวหน่อยนะครับบอกไว้ก่อน  5555””””

_________________________________________________________


ที่นี้หลังจากกลับมาแล้ว วันรุ่งขึ้นก็ไปโรงบาลฟังผลตรวจชิ้นเนื้อที่ส่งไปตรวจครั้งก่อน.....ผลคือ

ไม่เจอมะเร็ง !!!  

ชิ้นเนื้อไม่ขึ้นว่าเป็นมะเร็ง.....เริ่มขัดกันล่ะ 2 ผลตรวจ

หมอเลยส่งไปตรวจ Ct scan (เครื่องทีเห็นในละครบ่อยๆแบบนั้นอ่ะครับ )ที่หลังโพรงจมูกเพิ่ม........

ภาพสแกนที่ออกมาก็เหมือนเดิมคือ....ช่วงหลังโพรงจมูกปกติ แต่คอบวมแบบชัดเจนมากๆ....ก้อนใหญ่มากสามก้อน ขนาดหลายเซนติเมตร....

สรุปถึงตรงนี้.......ผลที่ผ่าต่อมน้ำเหลืองไปตรวจพบมะเร็ง....แต่ผลชิ้นเนื้อหลังโพรงจมูกปกติ.....

อารมณ์ตอนนั้นปกติก็สับสนอยู่แล้วนะ...ยิ่งผลออกมาเป็นแบบนี้ยิ่งงงหนัก =_=”

และแน่นอนไม่ต้องรออะไรนาน...ผมย้ายโรงพยาบาลไปหา Second opinion ทันที...เข้าโรงเรียนแพทย์นั้นแหละเครื่องมือพร้อมกว่า

ถึงตอนนั้นจะยังไม่มั่นใจว่าเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกจริงๆ .... แต่ก็เตรียมความพร้อมบางอย่างไว้ล่วงหน้าแระ คือ ไปทำฟัน  

โดยถอนฟันกรามซี่สุดท้ายทิ้งทั้งหมด อุดฟันทุกจุด ขูดหินปูด เพราะ ถ้าฉายแสงไปแล้วจะทำฟันไม่ได้เนื่องจาก เนื้อบริเวณช่องปากจะปิดไม่สนิท....

พูดง่ายๆคือห้ามถอนฟันไปตลอดชีวิต....ถ้าจะทำจะยุ่งยากมากกกกกกกกกกก

( คือตอนนั้นถ้าไม่ต้องฉายแสงก็ถือว่าทำฟันไปในตัว...แต่ถ้าต้องฉายแสงมันก็เข้ารับการรักษาได้เร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลารอแผลที่ฟันหาย...มันเป็นความเสี่ยงที่ผมรับได้ ก็เลยทำ.....โดยตอนนั้นคุยกับพี่ที่เป็นหมอแล้วว่าผลชิ้นเนื้อมันมีโอกาสผิดพลาดน้อยมาก )

พอมาถึง โรงพยาบาลใหม่

วิธีการตรวจเริ่มทำให้มั่นใจขึ้นมาหน่อย จากที่เดิม เวลาดูหลังโพรงจมูก แค่ให้อ้าปาก แล้วใช้กระจกส่องเข้าไปดู แต่ที่ใหม่

อาจารย์หมอแกใช้กล้องเป็นสาย สอดเข้าไปตรวจหาที่หลังโพรงจมูกและเลยไปถึงหลอดอาหาร (หรือหลอดลมอันนี้ผมไม่แน่ใจ)

คือ เอาตรงๆตอนนั้นคือมันรู้สึกมั่นใจกว่าไง...ทุกอย่างมันดูชัดเจนดี.....

แต่ผลที่ออกมาคือ......ดูปกติเหมือนเดิม +++ไม่ช่วยอะไร 555

ที่นี้เมื่อไม่ชัด ยังหาหัวหน้าโจรไม่เจอ มันก็ต้อง  ถึงคราวพระเอกออกโรงล่ะ!!!! ( แต่ค่าตัวพระเอกแพงจัง T_T )

ความหวังสุดท้ายว่าจะหาจุดกำเนิดเจอ คือ...........เข้า ตรวจ Pet scan (เครื่องมือตรวจหามะเร็งโดยเฉพาะ )  

.........ครั้งนี้ผลที่ได้คือ

ที่หลังโพรงจมูกไม่เจอเหมือนเดิม.......แต่ที่คอผลชี้ไปที่มะเร็งชัดเจน....

ที่นี้พอผลเป็นอย่างนี้ หมอเลยวินิจฉัยต่างจากไปจากเดิมล่ะ จากที่เป็น มะเร็งหลังโพรงจมูก มาเป็น

มะเร็งชนิด Unknown primary ล่ะ “”””หนักกว่าเดิมมมม T_T “””

คือรู้จุดกำเนิดมันก็จัดการได้ตามมาตรฐานชัดเจนกว่าไง…

จากที่โรงพยาบาลแรกจะให้ ฉายแสง 33 ครั้งบวก คีโม 6 ครั้ง  เป็นคอร์สไปเลย....

ตอนนี้กลายเป็นต้องเข้าผ่าตัดเลาะต่อมน้ำเหลืองออกมาทั้งหมดก่อน ผ่าเสร็จค่อยเอาผลมาดูว่าจะจัดการยังไงต่อ...

ฟังดูแล้วโครตไม่แน่นอนเลย

เพิ่มเติมนิดหนึ่ง วันที่ผมไปตรวจ pet scan ผมเอาชิ้นเนื้อมาให้ที่โรงพยาบาลใหม่อ่านผลอีกทีด้วย

วันผ่าตัดนี้จำได้แม่นเพราะตรงกับวันวาเลนไทต์พอดีเลย....ผมยังขึ้นสเตตัสขำๆในเฟสอยู่เลยว่า

วาเลนไทต์ปีนี้ได้ออกเดทกับหมอ ......แหม่

พอถึงวันที่ 13 ก็เข้าแอทมิดเตรียมตัวก่อนผ่าตัดหนึ่งวัน....แต่เรื่องของผมมันสนุกตรงนี้ล่ะ

พอซักประมาณหกโมงกว่าๆ

คุณหมอเดนท์(แพทย์ที่เรียนเฉพาะทาง) แกช่วยเตรียมผ่าตัดให้อาจารย์หมอ  ก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาที่ห้อง.....พร้อมกับพูดว่า (จำแม่นมากอันนี้)

หมอ :  ดีใจด้วยคุณเป็นมะเร็ง หลังโพรงจมูก !!!!! (อือหื้อ อารมณ์ตอนนั้นแบบ ตรูต้องดีใจใช่มั้ยเนี้ย 555 ทักกันแบบนี้ )

ผม : ครับๆ (ยังงงอยุ่ )

หมอ : เอาใบผลตรวจชิ้นเนื้อที่โรงพยาบาลเดิมมาไหมคะ ???

ผม :  มันยังไงเหรอครับ  ( งงไงผลเดิมเกี่ยวอะไร )

หมอ  :  ผลชิ้นเนื้อที่นี้อ่านได้ว่าเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก  ( แกก็ชี้ให้ดูผลอ่ะนะ...แต่ผมดูไปก็ไม่รู้เรื่องหรอกตอนนั้น...ทำอืมๆไปงั้นแหละ 55 )

ผม :  แล้วต้องยังไงต่อครับ...

หมอ  : พรุ่งนี้ไม่ต้องผ่าตัดแล้วคะ....เดี๋ยวหมอทำนัดหมอทางเดินอาหารให้

ผม :  ไปทำอะไรหรือครับ ??

หมอ : ส่งปรึกษาเพื่อเจาะท้อง ใส่ PEG Tube คะ

ผม :  เจาะท้อง !!! ( คือเป็นมะเร็งช่วงคอ เจาะท้องทำไมหว่า ??)

หมอ : ค่ะ ...มันเป็นสายให้อาหารทางช่องท้อง เพราะเดี๋ยวฉายแสง กับ คีโม แล้วจะทานอาหารทางปากไม่ได้

แล้วก็คุยกันเรื่องนัดตามแผนกต่างๆซักพัก หมอก็กำลังจะเดินออกไป ไม่รู้อะไรดลใจ ก็ถามคุณหมอแกไป

ผม  : หมอครับ !! แล้วผมเป็นขั้นไหนแล้ว ??

หมอ : อ่อ !! ต้นๆเลยเพราะก้อนยังไม่ขึ้นเลย แต่ เอ๊ะ !!

ผม  : กำลังจะพุดว่า ..ครั......บ

หมอ :  แต่ เอ๊ะ!! ก้อนที่ต่อมน้ำเหลืองขนาดนี้ ..... 4 ค่ะ....... (โอ้ยยย!!  นี้มันมะเร็งหรือถั่วงอกเนี้ย เปลี่ยนขั้นเร็วจังฟร่ะ!!!XXX)

ผม : หืมมมม !!!  ( คือร่างกายตอนนนั้นผมยังแข็งแรงอยู่อ่ะ...แล้วมันจะ 4 ได้ไง ...แค่ได้ยิน 4 เข่ามันก็อ่อนซิทีนี้ 55 )

หมอ : แต่ไม่ต้องกังวลนะ 4 ชนิดนี้ ผลการรักษาดีมาก  ( คือตอนนั้นคุณหมอแกคงกำลังจะพยายามบอกว่า 5 year survival สูงอยู่อ่ะ )

ผม : พูดอะไรไม่ค่อยออก อึ้งๆอยู่ตอนนั้น...แล้วหมอแกก็เดินออกไปเตรียมใบนัดให้...........

เพิ่มเติมให้นิดนึง...5 year survival คือ อัตรารอดชีวิตใน 5 ปี เพราะทางการแพทย์จะวัดการรอดชีวิตเป็นช่วงเวลาเป็นค่าทางสถิติออกมา.........

แต่เรื่องนี้ข้อมูลในอินเตอร์เน็ตหลายที่ก็ไม่ตรงกัน....แนะนำว่าถ้าอยากรู้จริงๆถามหมอที่รักษาไปเลยครับ....

ว่าคอนดิชั่นของเรานี้มีโอกาสรอดกี่เปอร์เซ็น....เช่น

ผมถามหมอ รังสีของผมไปเลยว่า ณ ตอนนี้ก่อนรักษาตัวผมเลยผมมีโอกาสรอดถึง 50 % ไหม แกก็บอกว่าเยอะกว่านั้น.....ฟังแล้วก็สบายใจ

เอาล่ะมาถึงตรงนี้สรุปได้ชัดเจนแล้วว่าเป็น (กว่าจะหาเจอ =_=’ )  มะเร็งหลังโพรงจมูก ระยะ 4B T1N3M0

พอรู้ชนิดมันก็ง่ายกว่าเดิม ก็เหมือนที่โรงพยาบาลแรก แผนการรักษา คือ ฉายแสง 33 ครั้ง คีโม 6 รอบ พร้อมกัน!!!
(แต่เครื่องมือต่างกันอยู่ ผลข้างเคียงก็ต่างกัน )

โดยวันฉายแสงวันแรก ห่างออกไปประมาณครึ่งเดือน.....เพราะคุณหมอต้องใช้เวลาคำนวณ ทิศทางการฉายรังสี โดยระหว่างนั้นก็ทำหน้ากาก

เพื่อช่วยล็อคตัวกับแท่นฉายแสง และ ช่วยกำหนดจุดฉายแสงที่ฉาย

อันนี้หน้ากากเฉพาะตัวของผม



โดยก่อนฉายแสงอย่างที่บอกตอนแรกคือ ต้องเจาะท้อง มันจะเป็นสายแบบนี้อ่ะครับ



พูดเรื่องสายเจาะนี้หน่อยเนอะ...เผื่อคนที่ต้องเจาะมาอ่านจะได้ช่วยเป็นข้อมูลช่วยในการตัดสินใจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


โดยเจาะใส่สายก่อนวันที่ ให้คีโมกับฉายแสง 3 วัน .....โชคดีวันที่ไปเจาะห้องเดี่ยวเต็มเลยได้ห้องรวม 3 คน ....

เป็นคุณลุง สองท่านที่รักษามาก่อนหน้าแล้ว มีคนหนึ่งที่เป็นเหมือนกัน เป็นเพื่อนร่วมห้อง..

.ทำให้แกคอยบอกตลอดว่าจะเจออะไรบ้าง เพราะแกจะรักษาจบ คอร์สแล้ว ....อีกอย่างแกอารมณืดีมากกกกกกกกกก  

“””ผมก็เลยชิวตามแกไปเลย....

การเจาะก็ไม่มีอะไรมาก เริ่มด้วยสอดกล้องเข้าทางปาก ส่องดูลำไส้ ตัดชิ้นเนื้อที่กระเพาะไปตรวจด้วยมันเหมือนจะเป็นแผล  

แล้วเจาะผ่าน.ใส่สายเข้าไป....ไม่นานซักครู่เดียวก็เสร็จ.....ก็กลับมาที่ห้อง

ปัญหาเกิดล่ะทีนี้ คือมันปวดมากหลังจากยาชาหมดฤทธิ์....ปวดจนต้องขอมอร์ฟีนกันเลยทีเดียว..แต่ก็ไม่นานมาก..

ตื่นมาอีกวันก็ดีขึ้น แต่ก็ต้องได้รับยาแก้ปวดอยู่...

ผ่านไปสามวัน....การฉายแสงครั้งแรกก็มาถึง....

(ที่เต็มต่อที่ช่องคอมเม้นท์นะครับ )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่