พันธนาการสีกุหลาบ บทที่ ๗

กระทู้สนทนา
บทก่อนหน้า

บทที่ ๑ http://pantip.com/topic/32012168
บทที่ ๒ http://pantip.com/topic/32150649
บทที่ ๓ http://pantip.com/topic/32175985
บทที่ ๔ http://pantip.com/topic/32186430
บทที่ ๕ http://pantip.com/topic/32205446
บทที่ ๖ http://pantip.com/topic/32219524


บทที่ ๗


ในที่สุดวันเดินทางไป ‘ฮันนีมูน’ ก็มาถึง คุณปวินท์ให้คนเอาเรือใหญ่ออกเพราะต้องบรรทุกสิ่งของหลายอย่างรวมทั้งนิมนต์พระไปทำบุญด้วย แต่จะออกเดินทางในตอนเช้าตรู่วันต่อมาเพื่อไปให้ทันเลี้ยงอาหารเพล โดยเขาจะขับเรือสปีดโบทไปเพียงลำพังเพราะจะยังอยู่ที่เกาะกับสองหนุ่มสาวต่อไปอีกสองสามวัน โดยที่เรือใหญ่จะกลับมาภายในวันเดียวกัน ส่วนปรวีร์กับดาริกานั้นจะเดินทางกันตามลำพังด้วยเรือยอชต์ของชายหนุ่ม

ปรวีร์อยู่ในชุดกางเกงว่ายน้ำแบบกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดพอดีตัว ในขณะที่หญิงสาวก็แต่งตัวคล้าย ๆ กันโดยมีชุดว่ายน้ำแบบบิกินี่อยู่ข้างใน ทั้งสองช่วยกันหิ้วกระเป๋าเดินทางไปขึ้นเรือซึ่งจอดอยู่ในอ่าวหน้ารีสอร์ท ซึ่งเป็นที่จอดเรือของยอชต์คลับของรีสอร์ทของชายหนุ่ม

“พี่วีจะเข้าไปเช็คชาร์ตกับอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย น้องดาไปด้วยกันไหม” ปรวีร์ถามหลังจากเก็บของเรียบร้อยพร้อมออกเดินทาง

“ไม่ล่ะค่ะ น้องดาจะเตรียมขึ้นใบรอพี่วีนะคะ” หญิงสาวบอกพลางเดินไปยังที่เก็บใบเรือ ในขณะที่ชายหนุ่มเข้าไปในห้องบังคับเรือเพื่อเซ็ตเครื่องมือของระบบรักษาความปลอดภัยของเรือก่อนออกเดินทาง จนเมื่อเรียบร้อยจึงติดเครื่องยนต์พาเรือออกจากท่า

“น้องดายังแล่นเรือเป็นอยู่หรือ” ปรวีร์ถามหลังจากที่ขับเรือด้วยเครื่องยนต์ออกมาได้สักพัก แล้วเดินไปหาคนที่กำลังชักใบเรืออยู่ด้วยท่าทางขะมักเขม้น ดาริกายิ้มให้กับคำถามนั้นก่อนจะตอบ

“ที่ออสเตรเลียแล่นเรือสนุกกว่าที่นี่อีกค่ะพี่วี มีเพื่อน ๆ เยอะแยะเลยด้วย น้องดาเข้าร่วมแข่งขันด้วยนะคะ”

“อ้าวหรือครับ”

“ค่ะ น้องดามีเรือด้วย แต่ขายไปก่อนกลับมา เสียดายเหมือนกัน แต่คิดว่าเดี๋ยวมาซื้อเอาใหม่ที่นี่ ถ้าพี่วีมีเวลา ลองดูให้น้องดาหน่อยนะคะ”

“เอาสิ เดี๋ยวกลับจากฮัน.... เอ่อ... เกาะดาริกา พี่วีจะดูให้” ชายหนุ่มเกือบจะพูดคำว่าฮันนีมูนออกไปแต่หยุดตัวเองทัน เขากระดากเกินกว่าจะพูดคำนั้นออกมา เพราะรู้ดีว่าการไปเที่ยวครั้งนี้ไม่ใกล้เคียงกับการฮันนีมูนเอาเสียเลย

“ขอบคุณค่ะพี่วี” ดาริกาว่าพลางหันกลับไปตั้งใจกับการชักใบเรือขึ้นสู่เสากระโดง โดยมีชายหนุ่มขยับเข้าช่วย

“ชักทุกใบเลยไหมคะพี่วี”

“แค่ใบหลักใบเดียวก็น่าจะพอ ไปช้า ๆ กันก็ได้ ไม่รีบไม่ใช่หรือ”

“ไม่ค่ะ คุณลุงบอกว่าแค่ไปให้ทันอาหารเย็นก็พอ”

“ถ้าอย่างนั้นขึ้นใบแล้วแล้วมีลมสม่ำเสมอ พี่วีจะใช้ออโตไพลอทก็แล้วกันนะ” ชายหนุ่มหมายถึงระบบบังคับเรืออัตโนมัติซึ่งจะทำให้เขาและเธอมีเวลาชื่นชมกับทัศนีภาพอันสวยงามของท้องทะเลสีครามได้โดยไม่ต้องพะวงกับการบังคับเรือ

“พี่วีดับเครื่องยนต์เลยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวน้องดาชักใบปรับองศาหน่อยก็ได้แล้ว ลมกำลังดีเลย” เมื่อหญิงสาวบอกเช่นนั้น ปรวีร์จึงเดินไปเข้าไปในห้องบังคับเรือเพื่อดับเครื่องยนต์ตามคำบอกและติดตั้งระบบเดินเรืออัตโนมัติตามที่ตั้งใจ ก่อนที่จะเดินกลับไปยังดาดฟ้าเรือพร้อมเก้าอี้พับสองตัว

“มานั่งก่อนน้องดา” ชายหนุ่มว่าพลางเลื่อนเก้าอี้ไปให้คนที่เพิ่งจะวางมือกับเชือกชักใบเรือ ซึ่งหญิงสาวก็เดินมานั่งบนเก้าอี้อย่างว่าง่าย ทอดสายตาไปมองผืนน้ำเบื้องหน้าพลางสูดลมหายใจเข้าลึก

“อืม..มม..ม. กลิ่นไอทะเล หอมสดชื่นจริง ๆ เล้ย” พร้อม ๆ กับยกสองแขนขึ้นเหนือศีรษะ ปรวีร์มองภาพนั้นยิ้ม ๆ ด้วยความเอ็นดู

“พูดเหมือนไม่ได้เจอทะเลมานาน แค่มองจากระเบียงห้องนอนก็เห็นแล้ว” ชายหนุ่มเย้า จึงได้รับค้อนจากคนข้าง ๆ วงโต

“มันเหมือนกันที่ไหนล่ะคะ นั่นน่ะแค่มองเห็น แต่นี่อยู่ท่ามกลางผืนน้ำและคลื่นลม รู้สึกเหมือนอยู่บนสรวงสวรรค์” หญิงสาวว่าพลางฉีกยิ้มกว้าง แม้จะมองไม่เห็นดวงตาเพราะถูกบดบังด้วยแว่นกันแดดอันโต แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าดวงตาคู่โตนั้นคงจะยิบหยีเพราะรอยยิ้มเป็นแน่

“อากาศดีจังเลยนะคะ” ดาริกาชวนคุย วันนี้อากาศสดใส ฟ้ากระจ่าง มีปุยเมฆขาวให้พอมองเห็น สายลมเย็นพัดแผ่วพาเรือแล่นไปข้างหน้าช้า ๆ ด้วยความเร็วคงที่

“อืม” ชายหนุ่มพึมพำเห็นด้วย เขากำลังซึมซับกับความสุขราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์อย่างที่หญิงสาวว่า การได้หลีกไกลจากงานอันยุ่งเหยิงในห้องทำงานสี่เหลี่ยมมาอยู่ท่ามกลางทะเลอันกว้างใหญ่เช่นนี้ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายจนอยากงีบทีเดียว

“เดี๋ยวพี่วีมานะ” บอกคนข้าง ๆ ก่อนจะเดินลงไปในตัวเรือแล้วขึ้นมาพร้อมผ้าขนหนูผืนใหญ่สองผืนในมือ

“น้องดามานอนนี่เร็ว” ว่าพลางปูผ้าทั้งสองผืนลงบนพื้นดาดฟ้าเรือ คุกเข่า ถอดเสื้อออกจากกายแล้วเอนตัวนอนคว่ำลงบนผ้าที่เพิ่งปู หญิงสาวเดินมานั่งคุกเข่าลงบนผ้าขนหนูผืนที่ว่าง คิ้วขมวดมุ่น

“มาค่ะ น้องดาทาครีมกันแดดให้ ถอดเสื้อแบบนี้เดี๋ยวแดดได้เผาตายเลยพี่วี” เสนอพลางบ่นอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะค้นหาครีมกันแดดในกระเป๋าผ้าของตนที่วางอยู่ไม่ห่าง เมื่อได้แล้วก็ขยับเข้าไปใกล้คนที่นอนอยู่พลางบีบครีมลงบนแผ่นหลังกว้างแล้วใช้มือลูบไล้เนื้อครีมไปทั่วทั้งหลัง เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงบอก

“ตาพี่วีทาให้น้องดาบ้างค่ะ” ว่าเสร็จก็ถอดเสื้อยืดที่ใส่อยู่ออก เผยให้เห็นบิกินี่ท่อนบนที่ปิดบังเพียงทรวงคู่งาม เปิดเผยผิวเนียนใสสีน้ำผึ้งที่ทำเอาคนมองถึงกับแอบกลืนน้ำลาย

ปรวีร์หยิบหลอดครีมกันแดดมาบีบเนื้อครีมลงบนฝ่ามือแล้วจัดการลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนเบา ๆ

“ทาขาด้วยเลยนะคะพี่วี” ได้ยินเสียงสั่งอย่างเกียจคร้านจากคนที่นอนคว่ำ หันหน้าออกไปยังท้องทะเลอีกด้าน ชายหนุ่มจึงขยับลงไปลูบไล้เนื้อครีมไปตามต้นขาที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้น ไล่ไปตามปลีน่องงาม แล้วไปสิ้นสุดที่ปลายเท้า

“เสร็จแล้ว” ชายหนุ่มบอกเสียงไม่มั่นคงนัก เธอคงไม่รู้ตัวว่าทำอะไรกับเขาลงไป

“ขอบคุณค่ะพี่วี มานอนนี่สิคะ” ว่าพลางตบมือเบา ๆ บนผ้าขนหนูข้างกาย ชายหนุ่มจึงขยับไปทอดตัวลงนอนเคียงอย่างว่าง่าย

ทั้งสองนอนเงียบ ๆ อยู่อย่างนั้นไปพักใหญ่ ๆ ชายหนุ่มเอียงใบหน้าไปทางหญิงสาว มองเห็นกลุ่มผมสีดำสนิทดูยุ่งเล็กน้อย เธอหันใบหน้าไปอีกด้านเขาจึงแอบมองเธอจากด้านหลังจนเต็มอิ่ม สักพักได้ยินเสียงหวานแว่วมาคล้าย ๆ จะง่วงงุน

“น้องดาหลับได้ไหมคะพี่วี”

“ตามสบาย” ชายหนุ่มบอกโดยไม่ยอมละสายตาไปจากร่างงาม มองเห็นแผ่นหลังเธอยกขึ้นลงตามจังหวะหายใจอย่างสม่ำเสมอ เธอคงจะหลับไปแล้ว หลับง่ายหลับดายเหมือนเด็ก ๆ ชายหนุ่มคิดพร้อมความรู้สึกอ่อนโยนในหัวใจ เขาไม่แน่ใจว่าเขานอนมองเธออยู่เช่นนั้นนานแค่ไหน ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเธอขยับตัวแล้วหันใบหน้ามาทางเขา ปลายจมูกของเธออยู่ห่างจากจมูกของเขาไปนิดเดียว ชายหนุ่มกลั้นหายใจรอดูว่าเธอจะลืมตาขึ้นมาหรือไม่ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเขาจึงแอบผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก

ปรวีร์มองใบหน้างามที่อยู่ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจผ่าวร้อนของเธอพลางถามตัวเองในใจ

ถ้า... ถ้าเขาจุมพิตริมฝีปากอิ่มที่เผยอนิด ๆ ราวจะเชิญชวนนี้จะเป็นอย่างไรนะ...  

ชายหนุ่มรู้ดีว่านั่นเป็นความคิดที่ไม่ควร แต่ก่อนที่จะห้ามตัวเองทัน เขาก็โน้มใบหน้าเข้าหาคนที่กำลังหลับไหลเสียแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่