พันธนาการสีกุหลาบ บทที่ ๑

กระทู้สนทนา
สนามบินนานาชาติภูเก็ต

ปรวีร์ เดชดำรงกุล ยืนรอผู้ที่เขามารอรับอยู่บริเวณหน้าประตูทางออกส่วนขาเข้า สายตาจ้องมองผู้คนที่บ้างหิ้ว บ้างลากกระเป๋าเดินทาง และบ้างก็เข็นรถเข็นคันใหญ่บรรทุกสัมภาระจนเต็ม เดินออกมาจากอาคารบนทางเดินที่ไม่คับแคบ หากแต่ก็ไม่กว้างขวางนักนั้น หลังจากสอดส่ายสายตาสักครู่แล้วยังไม่พบคนที่เขามารอรับ ก็เลื่อนสายตากลับไปยังจอมอนิเตอร์ที่ถูกติดตั้งอยู่สูงเหนือศีรษะ เพื่อมองให้แน่ใจว่าเที่ยวบินที่นำคนที่เขามารอรับมาลงจอดแล้วจริง ๆ และก็เป็นเช่นทุกครั้งที่ตัวอักษรบนหน้าจอจะแจ้งแก่เขาว่า เที่ยวบินนั้นได้ลงจอดมาพักใหญ่ ๆ แล้ว

ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา เกือบชั่วโมงแล้วที่เครื่องบินลงจอด กว่าจะผ่านพิธีการเข้าเมืองและรอรับกระเป๋าสัมภาระ ก็คงใช้เวลาราว ๆ นี้ ปรวีร์แน่ใจว่าภรรยาของเขาคงจะเดินออกมาจากประตูทางออกนั่นในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน

ภรรยา...

ใบหน้าคมสันระบายยิ้มอ่อนโยนเมื่อนึกถึงภรรยา แม่ตัวดีที่ร้องห่มร้องไห้ราวกับโลกจะถล่มทลายลงไปตรงหน้า เมื่อทราบว่าจะต้องแต่งงานกับเขา

“ร้องไห้ทำไม สาว ๆ ที่ไหนก็อยากแต่งงานกับหนุ่มในฝันแบบพี่วีทั้งนั้น” เขาเย้า ตั้งใจจะลดความเคร่งเครียดลงบ้าง ซึ่งก็ได้ผล เมื่อคนที่กำลังน้ำตาไหลพรากหัวเราะกิ๊ก พลางส่งค้อนให้เขาวงโต

“แล้วสาว ๆ พวกนั้นมีใครที่เพิ่งจะเป็นนางสาวได้สองปีอย่างน้องดาบ้างหรือเปล่าล่ะคะ แล้วดูสิ จะต้องกลายเป็นนางเสียแล้ว” ว่าแล้วก็ร้องไห้ขึ้นมาอีก ราวกับว่าการมีคำนำหน้าชื่อว่านางหรือนางสาวนี่สำคัญเสียหนักหนา

“ไม่อยากเป็นก็ไม่ต้องเป็นสิ น้องดาก็เลือกใช้นางสาวเหมือนเดิมก็ได้”

“ได้หรือคะ แต่งงานแล้วก็ต้องเป็นนางไม่ใช่หรือ” ถามอย่างไม่ค่อยเชื่อถือ แต่นัยน์ตาฉายประกายสนใจ ทำให้เขายิ้มอย่างเอ็นดู

“เคยสนใจข่าวอะไรบ้างหรือเปล่านี่ฮึ เขาออกกฎหมายใหม่มาเป็นปีแล้ว แต่งงานแล้วจะใช้นางสาวก็ได้ จะใช้นามสกุลตัวเองยังได้เลย”

“จริงหรือคะ แปลว่าน้องดายังคงเป็น นางสาวดาริกา ดิลกรัตน์ เหมือนเดิมหลังจากแต่งงานได้หรือคะพี่วี” คราวนี้ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น น้ำตาดูเหมือนจะเหือดไป หลังจากมีเรื่องอื่นให้คิด แต่แล้วคิ้วเข้มได้รูปอย่างธรรมชาติก็ขมวดมุ่นขึ้นมาอีก ดวงตากลมโตเงยขึ้นสบกับเขาเต็มตา มองเห็นแววกังวลอยู่ในนั้น

“คุณลุงจะว่าอะไรหรือเปล่าคะ”

“ถ้าเป็นความต้องการของน้องดา พี่วีว่าพ่อคงไม่ว่าอะไรหรอก”


คนที่ร้องไห้ไม่อยากแต่งงานเพราะไม่อยากมีคำนำหน้าชื่อว่านางเงียบเสียงไปสักพัก นั่งนิ่ง ๆ ทอดสายตาไปข้างหน้าราวกับคิดอะไรอยู่ ก่อนเสียงหวานจะเรียกขานขึ้นมาอีก

“พี่วี...”

“หืม...”

“พี่วีว่า การแต่งงานของเรา น้ำเน่าเหมือนละครหลังข่าวไหมคะ” คำถามของคนเจ้าปัญหานั้น เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากเขาได้อีกครั้ง

“แล้วน้องดาเข้าใจเหตุผลที่เราจำเป็นต้องแต่งงานกันหรือเปล่า” เขาถามน้ำเสียงอ่อนโยน มองเห็นเด็กสาวพยักหน้า

“ค่ะ”

“ถ้าน้องดาเข้าใจว่ามันเป็นเหตุเป็นผล แล้วมันจะน้ำเน่าได้อย่างไร หืม”

คนที่นั่งทอดสายตาไปอีกทางหันหน้ามาทางเขานัยน์ตากลมโตสีสนิมมีน้ำตาคลอคลอง

“ขอบคุณนะคะพี่วี ขอบคุณที่เสียสละเพื่อน้องดา ทั้ง ๆ ที่มันไม่เกี่ยวอะไรกับพี่วีเลย ถ้าวันไหนพี่วีเจอคนที่พี่วีรัก น้องดาจะหย่าให้นะคะ”

คำพูดจริงใจ ประกายตาซาบซึ้งในบุญคุณที่เด็กสาวส่งมาให้ ทำให้ปรวีร์อดที่จะดึงร่างบางเข้ามากอดแนบอกกว้างของเขาไม่ได้

“น้องดาอย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้นเลย พี่วียังไม่มีแฟนง่าย ๆ หรอก จะรอจนน้องดามีแฟนก่อนดีไหม”

และนั่นก็ผ่านมาสี่ปีกว่าแล้ว หลังจากวันนั้นไม่นาน พิธีแต่งงานระหว่างเขาและดาริกาก็ถูกจัดขึ้น เป็นงานเล็ก ๆ ที่รู้กันเฉพาะคนในครอบครัว เพราะเจ้าสาวยังเป็นเด็กนักเรียนมัธยม หากแต่ก็เป็นพิธีที่ถูกต้องตามประเพณีทุกอย่าง และเขาก็ให้สัญญากับบิดาของเด็กสาวว่าจะดูแลเธอต่อจากท่านให้เอง ดาริกาเป็นน้องที่เขาเห็นมาแต่เล็กแต่น้อย เขารักและพร้อมจะดูแลเธอ จนกว่าเด็กสาวจะไม่จำเป็นต้องได้รับการดูแลจากพี่ชายอย่างเขาอีกต่อไป

คุณอาดนัยเป็นเพื่อนรักกับบิดาของเขา ท่านโชคร้ายที่ถูกโรคร้ายอย่างมะเร็งปอดเล่นงาน และรู้ตัวว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน และท่านก็เป็นห่วงลูกสาวคนเดียวอย่างที่สุด ท่านเป็นห่วงดาริกาที่ยังเป็นผู้เยาว์ หากท่านเป็นอะไรไป เด็กสาวจำเป็นต้องมีผู้ปกครองตามกฎหมาย ซึ่งคงไม่มีญาติคนไหนที่จะไม่อยากรับหน้าที่นั้น เพราะนอกจากจะเป็นผู้ปกครองของเด็กสาวแล้ว ยังหมายถึงการดูแลทรัพย์สมบัติแทนเธอจนกว่าเด็กสาวจะบรรลุนิติภาวะและสามารถจัดการกับชีวิตของตนเองได้

บิดาของดาริกาไม่ต้องการให้เธอไปอยู่ในความปกครองของใคร และดูเหมือนทางเดียวที่จะทำให้เด็กสาวบรรลุนิติภาวะ และมีสิทธิขาดเหนือชีวิตตนเองคือการแต่งงาน โดยที่เขาถูกขอร้องให้รับหน้าที่เจ้าบ่าว ซึ่งเขาก็ยอมรับหน้าที่นั้นอย่างเต็มใจอย่างยิ่ง

หลังแต่งงานเพียงเดือนเดียว คุณอาดนัยก็จากไปอย่างสงบ ภรรยาหมาด ๆ ของเขาที่มีสิทธิจัดการกับชีวิตของตนเองเต็มที่ เพราะเป็นผู้ใหญ่แล้วตามกฎหมาย ก็จัดการขายบ้านที่เคยอาศัยอยู่กับบิดาในทันที โดยให้เหตุผลว่า เธอไม่สามารถอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่เคยอยู่กับบิดาอย่างมีความสุขเพียงลำพังได้โดยไม่รู้สึกราวกับหัวใจจะสลายด้วยความคิดถึงบิดา และย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกับเขาและบิดา และหลังจากเรียนจบจากโรงเรียนนานาชาติในจังหวัด เด็กสาวที่มีสิทธิเด็ดขาดในการจัดการทรัพย์สินและธุรกิจที่บิดาทิ้งไว้ให้ก็โยนสิทธินั้นให้กับเขาในฐานะสามี แล้วตัวเองก็บินไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียอย่างสบายใจ

“น้องดายังเด็ก ไม่รู้เรื่องธุรกิจหรืออะไรหรอกค่ะ คุณพ่อไว้ใจคุณลุงกับพี่วีให้ดูแลน้องดา แล้วทำไมน้องดาจะไม่ไว้ใจคุณลุงกับพี่วีล่ะคะ น้องดาฝากไว้ก่อน เรียนจบกลับมา เป็นผู้ใหญ่กว่านี้ แล้วน้องดาจะมารับคืนนะคะ” เธอว่าง่าย ๆ อย่างนั้น แล้วก็ทิ้งทุกอย่างไว้กับเขา ตลอดสี่ปีที่จากไป ดาริกาไม่เคยกลับมาเยี่ยมบ้านสักครั้ง มีเพียงบิดาของเขาที่บินไปดูชีวิตความเป็นอยู่ของเธอที่ออสเตรเลียปีละสองครั้ง ส่วนเขาไม่เคยไปเลยสักหน เพราะต้องการให้เธอได้มีชีวิตของตนเองอย่างแท้จริงโดยปราศจากคนที่ได้ชื่อว่าสามีอย่างเขา

เวลาสี่ปีที่เขาปล่อยให้เธอได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นวัยเรียนอย่างเต็มที่ได้หมดลงแล้ว ถึงเวลาที่ต้องเป็นผู้ใหญ่และอยู่กับความเป็นจริง เพราะถึงเขาจะแกล้งลืมเลือนอย่างไร ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า เขาและเธอเป็นสามีภรรยากันที่ถูกต้องทั้งตามกฎหมายและประเพณี

ชายหนุ่มยังคงจับจ้องผู้คนที่ยังคงเดินกันขวักไขว่ ก่อนที่สายตาจะถูกตรึงอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเข็นรถเข็นบรรทุกสัมภาระจนเต็มออกมาด้วยท่วงท่ามั่นอกมั่นใจ รูปร่างสูงระหงนั้นก้าวย่างด้วยหลังที่ตั้งตรง ใบหน้าที่สวยเฉี่ยวดูเซ็กซี่ด้วยริมฝีปากอิ่มเต็ม ดวงตาโตถูกแต่งให้ดูลึกล้ำน่าค้นหาด้วยการแต่งตาแบบสโมกกี้อาย บนศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมยาวสีดำสนิทเป็นประกายมีแว่นกันแดดคาดอยู่ หญิงสาวเชิดใบหน้าสอดส่ายสายตาราวกับกำลังมองหาใคร

ร่างระหงสมส่วนนั้นอยู่ในชุดจั๊มสูทขาสั้นเกาะอกสีเทา ตรงเอวผูกเป็นโบว์ไว้ด้วยผ้าสีเดียวกับชุด กางเกงขาสั้นนั้นเผยให้เห็นเรียวขายาวที่มองดูมีกล้ามเนื้ออย่างคนที่เล่นกีฬาเป็นประจำ ผิวเนียนเรียบสีน้ำผึ้งน่ามอง รองเท้าแตะที่ใส่อยู่เป็นแบบคีบและรัดข้อเท้า เผยให้เห็นนิ้วเท้าเรียวสวยที่มีลายเพนท์เล็บน่ารัก เมื่อเลื่อนสายตาขึ้นมา ทรวงอกเต่งตึงภายใต้เสื้อแบบเกาะอกนั้นทำให้เขาถึงกับลืมหายใจไปชั่วขณะ

“พี่วี!” ผู้หญิงคนนั้นเรียกชื่อเขา ก่อนจะทิ้งรถเข็นแล้ววิ่งมากอดเขาด้วยท่าทางดีอกดีใจ ชายหนุ่มถึงกับตัวแข็งไปชั่วครู่ ด้วยไม่คิดว่าผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกหัวใจเต้นแรงและไม่อาจถอนสายตาไปจากเธอได้จะวิ่งเข้ามากอดเขาเสียเอง

“พี่วีจริง ๆ ด้วย อ้าว ๆ ตะลึง นี่น้องดาไงคะ” ว่าหลังจากคลายอ้อมแขนและรู้สึกว่าชายหนุ่มยืนตัวแข็ง ไม่กอดตอบอย่างที่ควรจะเป็น

ตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มรู้สึกตัว ก่อนจะครางในอก ยายน้องดาเองหรอกหรือนี่ สวยจนจำไม่ได้ หรือเขาควรจะทำตามที่บิดาขอร้องดีนะ

“น้องดา... เดินทางเป็นไงบ้าง กอดซะพี่วีหายใจแทบไม่ออกแน่ะ”

คำพูดของเขาทำให้อีกคนหัวเราะกิ๊ก

“ขอโทษค่ะ น้องดาดีใจนี่คะ ไม่ได้เจอกันตั้งสี่ปี คิดทึ้งคิดถึง แต่... ฮึ พี่วีคงไม่คิดถึงน้องดาเลยล่ะสิ ไม่เคยไปเยี่ยมกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว งอนแล้ว!” ว่าพลางทำหน้าบึ้งและหันหลังให้เขาอย่างเง้างอน ทำให้ชายหนุ่มต้องยื่นมือจับไหล่คนงอนให้หันกลับมาอีกครั้ง

“พี่วีอยากให้น้องดาใช้ชีวิตวัยรุ่นอย่างเต็มที่ต่างหาก” ชายหนุ่มอธิบาย ก่อนจะยิ้มเมื่อคนที่ทำท่างอนเมื่อสักครู่หันหน้าไปมาราวกับมองหาใครสักคน ก่อนจะถามอย่างอดไม่ได้

“คุณลุงไม่มาหรือคะ”

“คุณพ่อไปสิงคโปร์ มาเถอะ กลับบ้านกัน” ชายหนุ่มตอบ พลางยืนมือไปเข็นรถเข็นที่จอดอยู่ด้านหลังไม่ห่างจากหญิงสาวมากนัก ซึ่งเจ้าของสัมภาระในรถเข็นก็เดินตามเขาอย่างว่าง่าย ปล่อยให้เขาเข็นรถให้ด้วยท่วงท่าสบายอกสบายใจ

เมื่อขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อย ผู้ที่เพิ่งมาถึงคิดว่าชายหนุ่มจะพาเธอขับรถเข้าไปในเมืองซึ่งบ้านหลังใหญ่ของเขาตั้งอยู่ หากเขากลับพาเธอขับรถเลียบชายฝั่งลงไปทางใต้ของเกาะ

“อ้าว ไม่กลับบ้านหรือคะ” ถามอย่างอดไม่ได้ มองเห็นคนที่ทำหน้าที่ขับรถหันหน้ามายิ้มให้เธอแวบหนึ่ง

“กลับบ้านพี่วี ตอนนี้พี่วีอยู่ที่รีสอร์ทที่ในหาน”

“ทำไมล่ะคะ”

“สะดวกดี เป็นสวีทวิลล่าของรีสอร์ท พี่วีพักอยู่หลังหนึ่ง สวย น้องดาต้องชอบ” เขาพูดราวกับโฆษณา ซึ่งเธอก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพราะมัวแต่มองทิวทัศน์สองข้างทาง รู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาในอก เมื่อตระหนักว่าเธอได้ ‘กลับบ้าน’ แล้ว หลังจากที่ไปอยู่ที่อื่นเสียหลายปี และคงจะดีกว่านี้ หากจะมีบิดารออยู่ และเมื่อคิดถึงบิดา ก็รู้สึกถึงก้อนสะอื้นที่ขึ้นมาจุกที่ลำคอ ก่อนที่จะน้ำตาไหลอย่างห้ามไม่อยู่

คนที่กำลังทำหน้าที่ขับรถดูเหมือนจะรู้ถึงความคิดของเธอ เขายื่นมือมาลูบศีรษะก่อนจะกดเบา ๆ ให้ซบลงบนไหล่ของเขา พลางเอ่ยเสียงอ่อนโยน

“น้องดายังมีคุณพ่อกับพี่วีนะ”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่