ย้อนอ่านบทก่อนหน้า
บทที่ 5
การมาถึง
( Advent )
หลังจากเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นสิ้นสุดลง เช้าวันรุ่งขึ้นหนังสือพิมพ์ทุกฉบับก็ลงพาดหัวข่าวที่เรียกได้ว่าเป็นประเด็นเด็ดของประเทศ กลบข่าวการเมืองใหญ่ๆ สำคัญๆ ไปโดยทันที
“ อมรวิสุทธิ์เปิดตัวบุตรสาวนอกสมรส แท้จริงคือ ‘ซีรี’ ซุป’ตาร์สาวชาวไทย ทายาทมรดกพันล้าน ” จิตติมาอ่านออกเสียงข่าวนั้นดังๆ เพื่อให้เพื่อนสาวอย่างนันทวดีได้ยิน
“ จ้ะ!! ขอบคุณมาก...ร้านฉันก็มีอยู่แค่นี้ เธอจะให้ได้ยินไปถึงทางเดินเลยหรือไง ? ” เจ้าของร้านคนสวยประชด พลางเอามือข้างหนึ่งปิดหูไว้
“ ฉันก็ว่าแล้วเชียว...ยายซีรีอะไรนี่ดูท่าทางจะไม่ธรรมดา คนอะไรจะมาดังได้ในช่วงเวลาไม่กี่เดือน ถ้าไม่ได้อิทธิพลจากพ่อช่วยถือหาง!! ” จิตติมาพลิกหน้าหนังสือพิมพ์พลางอ่านเนื้อหาที่เหลืออย่างสนอกสนใจ
“ แต่เด็กคนนี้หน้าตาก็สวยใช้ได้เชียวนะ เขาอาจจะดังเพราะความโดดเด่นก็ได้ ” นันทวดีแสดงความคิดเห็น
“ อุ๊ย!! นี่รูปคุณยุทธ เจ้านายคนใหม่ของฉันนี่!! ” หญิงสาวตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นภาพของชายหนุ่มที่คุ้นตาปรากฏอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์เคียงข้างสาริสาและอมรวิสุทธิ์
“ อ่อ!! นั่นหลานชายคุณอมรน่ะ!! ว่าแต่...เธอไม่รู้จักเขาจริงๆ เหรอ ??? เขาออกจะโด่งดัง ถึงขั้นเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ” หล่อนถามเพื่อนสาวอย่างสงสัย เพราะไม่เข้าใจว่าเพื่อนของเธอไปหลบอยู่ที่ไหนมา ถึงไม่รู้จักคนดังอย่างเขา
“ ก็วันๆ ฉันทำแต่งาน...กลับถึงห้องก็ดึกดื่น แค่ฉันมีเวลาดูโฆษณาทางทีวีก็ดีแค่ไหนแล้ว...ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า ยายเด็กซีรีกับคุณยุทธก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกันน่ะสิ!! ” ผู้ช่วยสาวคนใหม่ทำตาโต เมื่อรู้ว่าชายหนุ่มเป็นญาติสนิทกับนักร้องดัง
“ แหม!! ฉันล่ะอิจฉาเธอจังเลย ได้อยู่ใกล้ชิดกับเซเลบฯ ถึงสองคน...อย่าลืมถ่ายรูปมาฝากกันบ้างล่ะ!! ” นันทวดีฉีกยิ้ม เมื่อเห็นท่าทีที่ดูตื่นๆ ของเพื่อนสนิท
จิตติมาอมยิ้มในคำพูดของเจ้าหล่อน ก่อนที่ทั้งสองจะเปลี่ยนบทสนทนาเป็นเรื่องอื่น...
ในทุกๆ วันหยุดเสาร์และอาทิตย์ ร้าน Daily With Cupcakes แห่งนี้ จะเป็นที่สถิตของจิตติมาอดีตสาวนักบัญชีแทนที่อพาร์ทเม้นท์แคบๆ ย่านสาทร ซึ่งนันทวดีผู้เป็นเจ้าของร้านและเพื่อนสนิท ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับเพื่อนคนนี้ของเธออยู่เสมอ
ตลอดเวลาหลายๆ ปีสองสาวคู่ซี้จะนัดหมายกันไปเที่ยวในทุกๆ วันหยุด ถ้าไม่ไปช้อปปิ้งก็ออกต่างจังหวัดกันอยู่บ่อยครั้ง แต่มีแค่ช่วงเดือนนี้และเดือนหน้าเท่านั้นที่จะต้องงดกิจกรรมพวกนี้ลง เพราะจิตติมาเพิ่งจะได้งานทำหลังจากลาออกจากที่เก่ามาเป็นระยะเวลาเกือบเดือน ดังนั้นร้านคัพเค้กแห่งนี้จึงเป็นสถานที่รวมตัวของพวกเธอทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี
แต่ก็ใช่ว่าหญิงสาวจะใช้สิทธิ์ในการเป็นเพื่อนเจ้าของร้านมาพักผ่อนเที่ยวเล่นได้อย่างสบายใจ เธอเองยังอาสาเป็นพนักงานคอยต้อนรับลูกค้าและดูแลร้านทุกอย่าง ไม่ว่าจะจัดเรียงเค้ก ชงชา เสิร์ฟ แม้กระทั่งคิดเงินหรือทำบัญชี จิตติมาก็ยินดีที่จะทำให้
“ นี่เธอยังไม่ได้ทำอะไรในร้านฉันอีกบ้างเนี่ย ? ” นันทวดีหยอกถามเพื่อนสาวคนขยัน
“ ก็คงเหลือแต่ถูพื้น ล้างจาน กับคิดโปรโมชั่นให้ล่ะมั้ง!! ” เจ้าหล่อนตอบ
“ พอเลยเรื่องคิดโปรโมชั่นน่ะ!! ขืนปล่อยให้เธอทำมีหวังร้านฉันเจ๊งแน่ๆ ” เจ้าของร้านกันท่าทันทีเมื่อได้ยินเพื่อนสาววางแผนจะคิดการตลาดให้ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ถกเถียงแกมหยอกล้อกันเหมือนอย่างเคยๆ
ในบางครั้งนันทวดีก็อดคิดไม่ได้ว่า หากเธอไม่มีเพื่อนสนิทคนนี้ หญิงสาวก็คงจะไม่มีรอยยิ้มที่เกิดจากความรู้สึกดีๆ ขึ้นมาได้ เพราะเวลาที่เกิดปัญหาจิตติมาก็เป็นดั่งเพื่อนคู่คิดที่สามารถช่วยเธอในการตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง รวมไปถึงการเปิดร้านนี้ด้วย และก็มีหลายครั้งที่ตัวของเธออยากนำเรื่องชีวิตคู่มาปรึกษา แต่ด้วยความที่เป็นคนเชื่อมั่นในตนเอง และคิดว่ายังพอรับมือกับปัญหานี้ไหว หญิงสาวก็เลยยังไม่ตัดสินใจที่จะนำเรื่องนี้มาปรับทุกข์อย่างเป็นจริงเป็นจัง
“ กรุ๊ง...กริ๊ง ” เสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่หน้าประตูร้านดังขึ้นยามที่มีคนเดินเข้า เมื่อได้ยินดังนั้น เหล่าพนักงานต่างก็กุลีกุจอไปทำหน้าที่ของตน บางคนก็ไปประจำอยู่ที่เคาท์เตอร์ บ้างก็เตรียมเมนูให้แก่ลูกค้า จิตติมาเองก็เช่นกัน เธอหยุดการสนทนากับนันทวดีหลังจากที่ได้ยินเสียงกระดิ่ง หญิงสาวเดินไปที่บาร์เครื่องดื่มเพื่อเตรียมน้ำร้อนและชาสมุนไพรไว้ต้อนรับ
ครั้นลูกค้าหนุ่มย่างกรายเข้ามาในร้านพร้อมกระเป๋าเดินทางและเสื้อคลุมตัวโต ก็ทำให้นันทวดีมองออกว่าเขาคนนี้ไม่ใช่ลูกค้าทั่วไป แต่กลับทำให้หญิงสาวฉีกยิ้มออกมาอย่างดีใจเมื่อได้เห็นชายหนุ่มถนัดตา
“ พี่อัศ!! ” นันทวดีเอ่ยชื่อของชายผู้นั้น
ชายหนุ่มอมยิ้มพร้อมกับโผเข้ากอด ราวกับว่าคนทั้งสองไม่ได้พบเจอกันมานาน
“ ไหนพี่บอกว่าจะมาพรุ่งนี้ไงคะ แล้วทำไมถึงมาก่อนกำหนดล่ะ ? ” หญิงสาวถามไถ่เขาเกี่ยวกับเรื่องการเดินทาง
“ เผอิญว่าพี่เคลียร์งานเสร็จแล้วตั้งแต่เมื่อวาน ก็เลยเก็บข้าวของออกจากที่นั่นมาตั้งแต่เช้า อีกอย่างอยากเจอเรากับเจ้าตัวเล็กด้วย ตั้งแต่เราคลอดลูกพี่ก็ไม่ได้มาเยี่ยมเลย...คิดถึงจะแย่!! ” ชายผู้นั้นบอกแก่นันทวดีด้วยความดีใจ ซึ่งจิตติมาเองก็สัมผัสได้ถึงสายตาอันห่วงใยที่เขาส่งให้แก่เพื่อนของเธอ
“ ทุกคน...พี่มีคนจะแนะนำให้รู้จัก นี่คือ พี่อัศ พี่ชายแท้ๆ ของพี่เอง เขาเพิ่งย้ายจากงานราชการที่โคราชเลยแวะมาพักที่กรุงเทพฯ ก่อนที่จะขึ้นไปประจำการที่เชียงใหม่ในต้นเดือนหน้า!! ” นันทวดีแนะนำพี่ชายให้แก่พนักงานที่ร้าน ทุกคนต่างยกมือไหว้เขาด้วยความเคารพไม่เว้นแม้แต่จิตติมา
“ นั่นยายเจี๊ยบเพื่อนของเราใช่ไหม...ดูผอมลงไปนะ ไม่ได้เจอกันนานเป็นยังไงบ้าง ? ” ชายหนุ่มกล่าวทักทายหญิงสาว ราวกับว่าเขาคุ้นเคยกับเธอมาก่อน
จิตติมายิ้มตอบอย่างขวยเขินเพราะไม่คิดว่าเขาจะจำเธอได้ หลังจากที่ไม่ได้เจอกันเกือบสองปีนับตั้งแต่งานแต่งงานของนันทวดีเมื่อปีกลาย
“ ก็...สบายดีค่ะ ” เธอตอบพลางหลบสายตา
ชายหนุ่มอมยิ้มให้กับท่าทีที่ดูเขินอาย ก่อนที่จะหันไปคุยกับน้องสาวของตัวเอง
“ แล้วเจ้าตัวเล็กล่ะเป็นไงบ้าง...พี่ยังไม่เคยเห็นหน้าเลย นอกจากในรูปที่เราส่งให้ ?? ” เขาถามถึงหลานชาย
“ หลับอยู่หลังร้านค่ะพี่ แนนเพิ่งจะกล่อมให้หลับไปเมื่อชั่วโมงที่แล้วเอง ” นันทวดีว่า
“ อืม...ไม่เป็นไร ปล่อยให้นอนไปเถอะ ว่าแต่...เรากับนายโชติเป็นอย่างไรกันบ้าง สบายดี...ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันใช่ไหม ?? ” ชายหนุ่มถามถึงน้องเขย
“ ค่ะ... ” เธอตอบพร้อมกับยิ้มให้ ทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเลย ที่จะมาโกหกพี่ชายของตัวเอง
“ พ่อกับแม่ก็ถามถึงเราอยู่บ่อยๆ ว่าเมื่อไรจะขึ้นไปเยี่ยมที่พิษณุโลก เห็นเราเงียบหายไปเลย ?? ” ชายหนุ่มถามต่อ
“ ช่วงนี้แนนยุ่งๆ น่ะค่ะ ไหนจะดูแลลูก ไหนจะดูแลร้าน เหนื่อยจะแย่ ” หญิงสาวอธิบาย
“ แล้วสามีเราเขาไม่ช่วยเลยเหรอ ว่าแต่วันนี้เขาไปไหน...นี่มันวันเสาร์นะ ?? ” พี่ชายของเธอถามอีก นันทวดีเริ่มเบื่อที่โดนเซ้าซี้
“ เขาก็ช่วยแหละค่ะ!! แต่วันนี้เขาต้องไปสัมมนากับลูกค้าที่มาจากสิงคโปร์ เย็นๆ โน่นกว่าจะกลับ ” หญิงสาวแสดงท่าทีไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับเหนื่อยหน่ายที่จะต้องมาตอบคำถามเกี่ยวกับโชติวุฒิ
อัศนัย มองหน้าน้องสาวแล้วพยักหน้าเชิงเข้าใจ ก่อนที่จะหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ที่เตรียมไว้สำหรับลูกค้า
“ รับชาสักถ้วยไหมคะ ?? ” นันทวดีถามพี่ชาย
เขาพยักหน้าพลางส่งยิ้มให้เป็นการตอบรับ…
จิตติมาสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของนันทวดี เธอรับรู้ได้ถึงบางอย่างในตัวเพื่อนสาวเกี่ยวกับสามีที่ส่งกลิ่นให้สัมผัสได้ถึงความระหองระแหงอย่างนี้มาเป็นพักๆ แต่หญิงสาวก็ยังไม่อยากฟันธงหรือถามอะไร เพราะรู้ดีว่าเพื่อนของเธอก็คงไม่กล้าที่จะเล่าเช่นกัน
++++++++++++++++++++++++++++++
ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนใจกับปัญหาชีวิตที่พบเจอ อีกฝ่ายหนึ่งกลับสนุกสนานกับรสสวาทของสาวแรกรุ่นที่มุมหนึ่งของมหานครใหญ่
โชติวุฒิบรรเลงลิ้นลงไปยังทุกส่วนของวาดลัดดาแม้กระทั่งในส่วนที่สาววัยกำหนัดอย่างเธอรู้สึกเขินอาย สาวน้อยสะท้านกับลิ้นหฤหรรษ์ของเขา เธอครวญครางไปมาอย่างเสียวซ่านระคนสุข ชายหนุ่มก็ยิ่งละเลงลงอย่างดุดันเมื่อได้ยินเสียงของเธอร่ำร้อง ช่วงเวลาอันสุดแสนหรรษาของคนทั้งคู่ใช้เวลาค่อนข้างยาวนานตลอดทั้งวัน แต่ทว่ากลับประเดี๋ยวประด๋าวในความรู้สึกของทั้งสองคน…
“ จะกลับแล้วเหรอคะคุณโชติ ? ” สาวน้อยร้องถามแฟนหนุ่ม พลางส่งสายตาเว้าวอนร้องขอให้อยู่ต่อ ในขณะที่เขากำลังยืนติดกระดุมเสื้ออยู่หน้ากระจก
“ ครับวาด...พรุ่งนี้ผมมีธุระทั้งวันเลย ไว้วันธรรมดาผมค่อยมาหาคุณใหม่นะ ” ชายหนุ่มบอกแก่หญิงสาว ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น
วาดลัดดาแสดงอาการขุ่นเคืองออกมาเล็กน้อยเมื่อเธอได้ยินเขาพูดอย่างนั้น
“ นะครับ...คนดีของผม อย่างอนผมเลยนะ ” โชติวุฒิทิ้งตัวลงไปนั่งบนเตียง พลางโอบไหล่เธอไว้
สาวน้อยยังคงแสดงอาการงอนอยู่อย่างนั้น ไม่ว่าโชติวุฒิจะง้ออย่างไรเธอก็ไม่หาย จนเขารู้สึกเบื่อหน่ายในท่าทีของหล่อน ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วกล่าวลาเป็นมารยาทก่อนเดินออกจากห้องไป ทำให้วาดลัดดารู้สึกไม่พอใจอยู่เพียงลำพัง
++++++++++++++++++++++++++++++
ชายหนุ่มขับรถกลับมาถึงบ้านเกือบราวๆ ห้าทุ่ม เขาแปลกใจที่ยังคงเห็นไฟในบ้านเปิดอยู่ ทั้งที่ความจริงคนในบ้านควรจะนอนหลับแล้วตั้งแต่สี่ทุ่ม เขาจอดรถแล้วเดินขึ้นบ้าน แต่กลับรู้สึกประหลาดใจและตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นภรรยาสาวยังไม่ขึ้นนอน แถมยังนั่งอยู่กับอัศนัยและจิตติมา พร้อมกับลูกชายตัวน้อยภายในห้องรับแขก
“ อ้าว!!...กลับมาแล้วเหรอคะคุณโชติ ? ” นันทวดีกล่าวถามเป็นเชิงทักทาย
“ คุณก็เห็นอยู่ว่าผมกลับมาแล้ว...ยังจะถามอีก!! ” ชายหนุ่มบอกแก่ภรรยา พลางทอดสายตาเหลือบมองไปที่พี่ชายของเธอ
“ สวัสดีครับพี่อัศ ” เขากล่าวทักทายพี่ชายของภรรยาพลางยกมือขึ้นไหว้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนที่จะหันหน้ารีบเดินขึ้นบันไดไปทันที
“ ทำไมกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ ล่ะนายโชติ!! แล้ววันหยุดทำไมถึงไม่อยู่กับลูกเมีย ?? ” อัศนัยถามดักทาง
“ ผมเป็นนักธุรกิจนี่ครับ ไม่ใช่ข้าราชการแบบพี่ที่จะได้ทำงานตามเวลาและมีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ถ้าผมไม่ออกไปทำงาน ผมจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงครอบครัวล่ะครับ!! ” โชติวุฒิตอบกลับด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“ พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น...พี่แค่ถาม เพราะอยากให้เราเอาใจใส่ครอบครัวบ้าง ” อัศนัยบอก
“ พี่อัศคะ...พอเถอะค่ะ คุณโชติกลับมาเหนื่อยๆ ให้เขาไปพักผ่อนเถอะ ” นันทวดีรีบปรามพี่ชาย
“ อะไรกันยายแนน ที่พี่พูดนี่เพราะพี่เป็นห่วงเรากับลูกนะ ” เขาอธิบาย
“ ช่างเถอะคุณ!! พี่ชายของคุณเขาคงไม่รู้หรอกว่า ชีวิตคนในสังคมเมืองมันเป็นยังไง ต้องปากกัดตีนถีบขนาดไหน คนที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในต่างจังหวัดกับชนบทอย่างเขาคงไม่เข้าใจหรอก!!! ” โชติวุฒิได้ทีจึงพูดเยาะเย้ย
“ คุณโชติ!! มันจะเกินไปแล้วนะ!! ” นันทวดีหันมาขึ้นเสียงกับสามี
“ พอกันได้แล้วค่ะทุกคน...หยุดเลย!! ” เสียงจิตติมารีบแทรกห้าม หลังจากที่เธอทนนั่งฟังมาสักพัก
“ พี่อัศคะ...เจี๊ยบว่าเรากลับกันเถอะค่ะ...นี่ก็ดึกมากแล้ว ปล่อยให้พวกเขาได้พักผ่อนกันเถอะ!! ” เธอกล่าวเรียกอัศนัยที่กำลังมองหน้าน้องเขยอย่างไม่พอใจในคำพูดเมื่อครู่
“ กลับเถอะค่ะ เดี๋ยวอีกสักพักแนนก็จะขึ้นนอนแล้ว ” นันทวดีบอกพี่ชายอีกทาง พลางส่งสายตาให้จิตติมารีบพาเขาออกไป
“ ไปค่ะ...พี่อัศ!! ” หญิงสาวดึงแขนชายหนุ่ม
อัศนัยมองหน้าน้องสาวและน้องเขยอย่างขุ่นเคือง ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากบ้านไป โดยมีจิตติมารีบเดินตาม หลังจากที่โบกมือลาให้กับนันทวดี
++++++++++++++++++++++++++++++
[นิยาย] ในดวงมาน...♡ #บทที่ 5 ( NC 15+ )
การมาถึง
( Advent )
หลังจากเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นสิ้นสุดลง เช้าวันรุ่งขึ้นหนังสือพิมพ์ทุกฉบับก็ลงพาดหัวข่าวที่เรียกได้ว่าเป็นประเด็นเด็ดของประเทศ กลบข่าวการเมืองใหญ่ๆ สำคัญๆ ไปโดยทันที
“ อมรวิสุทธิ์เปิดตัวบุตรสาวนอกสมรส แท้จริงคือ ‘ซีรี’ ซุป’ตาร์สาวชาวไทย ทายาทมรดกพันล้าน ” จิตติมาอ่านออกเสียงข่าวนั้นดังๆ เพื่อให้เพื่อนสาวอย่างนันทวดีได้ยิน
“ จ้ะ!! ขอบคุณมาก...ร้านฉันก็มีอยู่แค่นี้ เธอจะให้ได้ยินไปถึงทางเดินเลยหรือไง ? ” เจ้าของร้านคนสวยประชด พลางเอามือข้างหนึ่งปิดหูไว้
“ ฉันก็ว่าแล้วเชียว...ยายซีรีอะไรนี่ดูท่าทางจะไม่ธรรมดา คนอะไรจะมาดังได้ในช่วงเวลาไม่กี่เดือน ถ้าไม่ได้อิทธิพลจากพ่อช่วยถือหาง!! ” จิตติมาพลิกหน้าหนังสือพิมพ์พลางอ่านเนื้อหาที่เหลืออย่างสนอกสนใจ
“ แต่เด็กคนนี้หน้าตาก็สวยใช้ได้เชียวนะ เขาอาจจะดังเพราะความโดดเด่นก็ได้ ” นันทวดีแสดงความคิดเห็น
“ อุ๊ย!! นี่รูปคุณยุทธ เจ้านายคนใหม่ของฉันนี่!! ” หญิงสาวตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นภาพของชายหนุ่มที่คุ้นตาปรากฏอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์เคียงข้างสาริสาและอมรวิสุทธิ์
“ อ่อ!! นั่นหลานชายคุณอมรน่ะ!! ว่าแต่...เธอไม่รู้จักเขาจริงๆ เหรอ ??? เขาออกจะโด่งดัง ถึงขั้นเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ” หล่อนถามเพื่อนสาวอย่างสงสัย เพราะไม่เข้าใจว่าเพื่อนของเธอไปหลบอยู่ที่ไหนมา ถึงไม่รู้จักคนดังอย่างเขา
“ ก็วันๆ ฉันทำแต่งาน...กลับถึงห้องก็ดึกดื่น แค่ฉันมีเวลาดูโฆษณาทางทีวีก็ดีแค่ไหนแล้ว...ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า ยายเด็กซีรีกับคุณยุทธก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกันน่ะสิ!! ” ผู้ช่วยสาวคนใหม่ทำตาโต เมื่อรู้ว่าชายหนุ่มเป็นญาติสนิทกับนักร้องดัง
“ แหม!! ฉันล่ะอิจฉาเธอจังเลย ได้อยู่ใกล้ชิดกับเซเลบฯ ถึงสองคน...อย่าลืมถ่ายรูปมาฝากกันบ้างล่ะ!! ” นันทวดีฉีกยิ้ม เมื่อเห็นท่าทีที่ดูตื่นๆ ของเพื่อนสนิท
จิตติมาอมยิ้มในคำพูดของเจ้าหล่อน ก่อนที่ทั้งสองจะเปลี่ยนบทสนทนาเป็นเรื่องอื่น...
ในทุกๆ วันหยุดเสาร์และอาทิตย์ ร้าน Daily With Cupcakes แห่งนี้ จะเป็นที่สถิตของจิตติมาอดีตสาวนักบัญชีแทนที่อพาร์ทเม้นท์แคบๆ ย่านสาทร ซึ่งนันทวดีผู้เป็นเจ้าของร้านและเพื่อนสนิท ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับเพื่อนคนนี้ของเธออยู่เสมอ
ตลอดเวลาหลายๆ ปีสองสาวคู่ซี้จะนัดหมายกันไปเที่ยวในทุกๆ วันหยุด ถ้าไม่ไปช้อปปิ้งก็ออกต่างจังหวัดกันอยู่บ่อยครั้ง แต่มีแค่ช่วงเดือนนี้และเดือนหน้าเท่านั้นที่จะต้องงดกิจกรรมพวกนี้ลง เพราะจิตติมาเพิ่งจะได้งานทำหลังจากลาออกจากที่เก่ามาเป็นระยะเวลาเกือบเดือน ดังนั้นร้านคัพเค้กแห่งนี้จึงเป็นสถานที่รวมตัวของพวกเธอทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี
แต่ก็ใช่ว่าหญิงสาวจะใช้สิทธิ์ในการเป็นเพื่อนเจ้าของร้านมาพักผ่อนเที่ยวเล่นได้อย่างสบายใจ เธอเองยังอาสาเป็นพนักงานคอยต้อนรับลูกค้าและดูแลร้านทุกอย่าง ไม่ว่าจะจัดเรียงเค้ก ชงชา เสิร์ฟ แม้กระทั่งคิดเงินหรือทำบัญชี จิตติมาก็ยินดีที่จะทำให้
“ นี่เธอยังไม่ได้ทำอะไรในร้านฉันอีกบ้างเนี่ย ? ” นันทวดีหยอกถามเพื่อนสาวคนขยัน
“ ก็คงเหลือแต่ถูพื้น ล้างจาน กับคิดโปรโมชั่นให้ล่ะมั้ง!! ” เจ้าหล่อนตอบ
“ พอเลยเรื่องคิดโปรโมชั่นน่ะ!! ขืนปล่อยให้เธอทำมีหวังร้านฉันเจ๊งแน่ๆ ” เจ้าของร้านกันท่าทันทีเมื่อได้ยินเพื่อนสาววางแผนจะคิดการตลาดให้ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ถกเถียงแกมหยอกล้อกันเหมือนอย่างเคยๆ
ในบางครั้งนันทวดีก็อดคิดไม่ได้ว่า หากเธอไม่มีเพื่อนสนิทคนนี้ หญิงสาวก็คงจะไม่มีรอยยิ้มที่เกิดจากความรู้สึกดีๆ ขึ้นมาได้ เพราะเวลาที่เกิดปัญหาจิตติมาก็เป็นดั่งเพื่อนคู่คิดที่สามารถช่วยเธอในการตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง รวมไปถึงการเปิดร้านนี้ด้วย และก็มีหลายครั้งที่ตัวของเธออยากนำเรื่องชีวิตคู่มาปรึกษา แต่ด้วยความที่เป็นคนเชื่อมั่นในตนเอง และคิดว่ายังพอรับมือกับปัญหานี้ไหว หญิงสาวก็เลยยังไม่ตัดสินใจที่จะนำเรื่องนี้มาปรับทุกข์อย่างเป็นจริงเป็นจัง
“ กรุ๊ง...กริ๊ง ” เสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่หน้าประตูร้านดังขึ้นยามที่มีคนเดินเข้า เมื่อได้ยินดังนั้น เหล่าพนักงานต่างก็กุลีกุจอไปทำหน้าที่ของตน บางคนก็ไปประจำอยู่ที่เคาท์เตอร์ บ้างก็เตรียมเมนูให้แก่ลูกค้า จิตติมาเองก็เช่นกัน เธอหยุดการสนทนากับนันทวดีหลังจากที่ได้ยินเสียงกระดิ่ง หญิงสาวเดินไปที่บาร์เครื่องดื่มเพื่อเตรียมน้ำร้อนและชาสมุนไพรไว้ต้อนรับ
ครั้นลูกค้าหนุ่มย่างกรายเข้ามาในร้านพร้อมกระเป๋าเดินทางและเสื้อคลุมตัวโต ก็ทำให้นันทวดีมองออกว่าเขาคนนี้ไม่ใช่ลูกค้าทั่วไป แต่กลับทำให้หญิงสาวฉีกยิ้มออกมาอย่างดีใจเมื่อได้เห็นชายหนุ่มถนัดตา
“ พี่อัศ!! ” นันทวดีเอ่ยชื่อของชายผู้นั้น
ชายหนุ่มอมยิ้มพร้อมกับโผเข้ากอด ราวกับว่าคนทั้งสองไม่ได้พบเจอกันมานาน
“ ไหนพี่บอกว่าจะมาพรุ่งนี้ไงคะ แล้วทำไมถึงมาก่อนกำหนดล่ะ ? ” หญิงสาวถามไถ่เขาเกี่ยวกับเรื่องการเดินทาง
“ เผอิญว่าพี่เคลียร์งานเสร็จแล้วตั้งแต่เมื่อวาน ก็เลยเก็บข้าวของออกจากที่นั่นมาตั้งแต่เช้า อีกอย่างอยากเจอเรากับเจ้าตัวเล็กด้วย ตั้งแต่เราคลอดลูกพี่ก็ไม่ได้มาเยี่ยมเลย...คิดถึงจะแย่!! ” ชายผู้นั้นบอกแก่นันทวดีด้วยความดีใจ ซึ่งจิตติมาเองก็สัมผัสได้ถึงสายตาอันห่วงใยที่เขาส่งให้แก่เพื่อนของเธอ
“ ทุกคน...พี่มีคนจะแนะนำให้รู้จัก นี่คือ พี่อัศ พี่ชายแท้ๆ ของพี่เอง เขาเพิ่งย้ายจากงานราชการที่โคราชเลยแวะมาพักที่กรุงเทพฯ ก่อนที่จะขึ้นไปประจำการที่เชียงใหม่ในต้นเดือนหน้า!! ” นันทวดีแนะนำพี่ชายให้แก่พนักงานที่ร้าน ทุกคนต่างยกมือไหว้เขาด้วยความเคารพไม่เว้นแม้แต่จิตติมา
“ นั่นยายเจี๊ยบเพื่อนของเราใช่ไหม...ดูผอมลงไปนะ ไม่ได้เจอกันนานเป็นยังไงบ้าง ? ” ชายหนุ่มกล่าวทักทายหญิงสาว ราวกับว่าเขาคุ้นเคยกับเธอมาก่อน
จิตติมายิ้มตอบอย่างขวยเขินเพราะไม่คิดว่าเขาจะจำเธอได้ หลังจากที่ไม่ได้เจอกันเกือบสองปีนับตั้งแต่งานแต่งงานของนันทวดีเมื่อปีกลาย
“ ก็...สบายดีค่ะ ” เธอตอบพลางหลบสายตา
ชายหนุ่มอมยิ้มให้กับท่าทีที่ดูเขินอาย ก่อนที่จะหันไปคุยกับน้องสาวของตัวเอง
“ แล้วเจ้าตัวเล็กล่ะเป็นไงบ้าง...พี่ยังไม่เคยเห็นหน้าเลย นอกจากในรูปที่เราส่งให้ ?? ” เขาถามถึงหลานชาย
“ หลับอยู่หลังร้านค่ะพี่ แนนเพิ่งจะกล่อมให้หลับไปเมื่อชั่วโมงที่แล้วเอง ” นันทวดีว่า
“ อืม...ไม่เป็นไร ปล่อยให้นอนไปเถอะ ว่าแต่...เรากับนายโชติเป็นอย่างไรกันบ้าง สบายดี...ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันใช่ไหม ?? ” ชายหนุ่มถามถึงน้องเขย
“ ค่ะ... ” เธอตอบพร้อมกับยิ้มให้ ทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเลย ที่จะมาโกหกพี่ชายของตัวเอง
“ พ่อกับแม่ก็ถามถึงเราอยู่บ่อยๆ ว่าเมื่อไรจะขึ้นไปเยี่ยมที่พิษณุโลก เห็นเราเงียบหายไปเลย ?? ” ชายหนุ่มถามต่อ
“ ช่วงนี้แนนยุ่งๆ น่ะค่ะ ไหนจะดูแลลูก ไหนจะดูแลร้าน เหนื่อยจะแย่ ” หญิงสาวอธิบาย
“ แล้วสามีเราเขาไม่ช่วยเลยเหรอ ว่าแต่วันนี้เขาไปไหน...นี่มันวันเสาร์นะ ?? ” พี่ชายของเธอถามอีก นันทวดีเริ่มเบื่อที่โดนเซ้าซี้
“ เขาก็ช่วยแหละค่ะ!! แต่วันนี้เขาต้องไปสัมมนากับลูกค้าที่มาจากสิงคโปร์ เย็นๆ โน่นกว่าจะกลับ ” หญิงสาวแสดงท่าทีไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับเหนื่อยหน่ายที่จะต้องมาตอบคำถามเกี่ยวกับโชติวุฒิ
อัศนัย มองหน้าน้องสาวแล้วพยักหน้าเชิงเข้าใจ ก่อนที่จะหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ที่เตรียมไว้สำหรับลูกค้า
“ รับชาสักถ้วยไหมคะ ?? ” นันทวดีถามพี่ชาย
เขาพยักหน้าพลางส่งยิ้มให้เป็นการตอบรับ…
จิตติมาสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของนันทวดี เธอรับรู้ได้ถึงบางอย่างในตัวเพื่อนสาวเกี่ยวกับสามีที่ส่งกลิ่นให้สัมผัสได้ถึงความระหองระแหงอย่างนี้มาเป็นพักๆ แต่หญิงสาวก็ยังไม่อยากฟันธงหรือถามอะไร เพราะรู้ดีว่าเพื่อนของเธอก็คงไม่กล้าที่จะเล่าเช่นกัน
ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนใจกับปัญหาชีวิตที่พบเจอ อีกฝ่ายหนึ่งกลับสนุกสนานกับรสสวาทของสาวแรกรุ่นที่มุมหนึ่งของมหานครใหญ่
โชติวุฒิบรรเลงลิ้นลงไปยังทุกส่วนของวาดลัดดาแม้กระทั่งในส่วนที่สาววัยกำหนัดอย่างเธอรู้สึกเขินอาย สาวน้อยสะท้านกับลิ้นหฤหรรษ์ของเขา เธอครวญครางไปมาอย่างเสียวซ่านระคนสุข ชายหนุ่มก็ยิ่งละเลงลงอย่างดุดันเมื่อได้ยินเสียงของเธอร่ำร้องช่วงเวลาอันสุดแสนหรรษาของคนทั้งคู่ใช้เวลาค่อนข้างยาวนานตลอดทั้งวัน แต่ทว่ากลับประเดี๋ยวประด๋าวในความรู้สึกของทั้งสองคน…“ จะกลับแล้วเหรอคะคุณโชติ ? ” สาวน้อยร้องถามแฟนหนุ่ม พลางส่งสายตาเว้าวอนร้องขอให้อยู่ต่อ ในขณะที่เขากำลังยืนติดกระดุมเสื้ออยู่หน้ากระจก
“ ครับวาด...พรุ่งนี้ผมมีธุระทั้งวันเลย ไว้วันธรรมดาผมค่อยมาหาคุณใหม่นะ ” ชายหนุ่มบอกแก่หญิงสาว ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น
วาดลัดดาแสดงอาการขุ่นเคืองออกมาเล็กน้อยเมื่อเธอได้ยินเขาพูดอย่างนั้น
“ นะครับ...คนดีของผม อย่างอนผมเลยนะ ” โชติวุฒิทิ้งตัวลงไปนั่งบนเตียง พลางโอบไหล่เธอไว้
สาวน้อยยังคงแสดงอาการงอนอยู่อย่างนั้น ไม่ว่าโชติวุฒิจะง้ออย่างไรเธอก็ไม่หาย จนเขารู้สึกเบื่อหน่ายในท่าทีของหล่อน ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วกล่าวลาเป็นมารยาทก่อนเดินออกจากห้องไป ทำให้วาดลัดดารู้สึกไม่พอใจอยู่เพียงลำพัง
ชายหนุ่มขับรถกลับมาถึงบ้านเกือบราวๆ ห้าทุ่ม เขาแปลกใจที่ยังคงเห็นไฟในบ้านเปิดอยู่ ทั้งที่ความจริงคนในบ้านควรจะนอนหลับแล้วตั้งแต่สี่ทุ่ม เขาจอดรถแล้วเดินขึ้นบ้าน แต่กลับรู้สึกประหลาดใจและตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นภรรยาสาวยังไม่ขึ้นนอน แถมยังนั่งอยู่กับอัศนัยและจิตติมา พร้อมกับลูกชายตัวน้อยภายในห้องรับแขก
“ อ้าว!!...กลับมาแล้วเหรอคะคุณโชติ ? ” นันทวดีกล่าวถามเป็นเชิงทักทาย
“ คุณก็เห็นอยู่ว่าผมกลับมาแล้ว...ยังจะถามอีก!! ” ชายหนุ่มบอกแก่ภรรยา พลางทอดสายตาเหลือบมองไปที่พี่ชายของเธอ
“ สวัสดีครับพี่อัศ ” เขากล่าวทักทายพี่ชายของภรรยาพลางยกมือขึ้นไหว้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนที่จะหันหน้ารีบเดินขึ้นบันไดไปทันที
“ ทำไมกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ ล่ะนายโชติ!! แล้ววันหยุดทำไมถึงไม่อยู่กับลูกเมีย ?? ” อัศนัยถามดักทาง
“ ผมเป็นนักธุรกิจนี่ครับ ไม่ใช่ข้าราชการแบบพี่ที่จะได้ทำงานตามเวลาและมีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ถ้าผมไม่ออกไปทำงาน ผมจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงครอบครัวล่ะครับ!! ” โชติวุฒิตอบกลับด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“ พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น...พี่แค่ถาม เพราะอยากให้เราเอาใจใส่ครอบครัวบ้าง ” อัศนัยบอก
“ พี่อัศคะ...พอเถอะค่ะ คุณโชติกลับมาเหนื่อยๆ ให้เขาไปพักผ่อนเถอะ ” นันทวดีรีบปรามพี่ชาย
“ อะไรกันยายแนน ที่พี่พูดนี่เพราะพี่เป็นห่วงเรากับลูกนะ ” เขาอธิบาย
“ ช่างเถอะคุณ!! พี่ชายของคุณเขาคงไม่รู้หรอกว่า ชีวิตคนในสังคมเมืองมันเป็นยังไง ต้องปากกัดตีนถีบขนาดไหน คนที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในต่างจังหวัดกับชนบทอย่างเขาคงไม่เข้าใจหรอก!!! ” โชติวุฒิได้ทีจึงพูดเยาะเย้ย
“ คุณโชติ!! มันจะเกินไปแล้วนะ!! ” นันทวดีหันมาขึ้นเสียงกับสามี
“ พอกันได้แล้วค่ะทุกคน...หยุดเลย!! ” เสียงจิตติมารีบแทรกห้าม หลังจากที่เธอทนนั่งฟังมาสักพัก
“ พี่อัศคะ...เจี๊ยบว่าเรากลับกันเถอะค่ะ...นี่ก็ดึกมากแล้ว ปล่อยให้พวกเขาได้พักผ่อนกันเถอะ!! ” เธอกล่าวเรียกอัศนัยที่กำลังมองหน้าน้องเขยอย่างไม่พอใจในคำพูดเมื่อครู่
“ กลับเถอะค่ะ เดี๋ยวอีกสักพักแนนก็จะขึ้นนอนแล้ว ” นันทวดีบอกพี่ชายอีกทาง พลางส่งสายตาให้จิตติมารีบพาเขาออกไป
“ ไปค่ะ...พี่อัศ!! ” หญิงสาวดึงแขนชายหนุ่ม
อัศนัยมองหน้าน้องสาวและน้องเขยอย่างขุ่นเคือง ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากบ้านไป โดยมีจิตติมารีบเดินตาม หลังจากที่โบกมือลาให้กับนันทวดี