Review เรื่องราวของผม และการเดินทางในถานที่ต่างๆในจังหวัดเชียงใหม่ จากคนที่เป็นโรคซึมเศร้ามาได้ 1เดือนครับ

สวัสดีครับ เพื่อนๆชาวพันทิพ และเพื่อนๆจาก Facebook

ต้องขอออกตัวก่อนว่า ในตอนแรกก่อนที่ผมจะเขียนกระทุ้นี้ ก็ลังเลว่าจะเขียนดีไหม จะเขียนดีหรือเปล่า เพราะอาจจะมีใครสักคนรู้จักผม และอาจจะทำให้ผมอับอาย ขายหน้าตัวเองไม่ออกใน Ebay หรือ ในAmazon ล้อเล่นครับ แต่ผมคิดว่า ถ้าเรื่องราวของผม จะช่วยให้ใครสักคน ที่กำลังเข้าสู่ระยะโรคซึมเศร้าแบบที่ผมเป็น หรือกำลัง เครียด หรือซิเรียสกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งในชีวิต แล้วมาอ่านเจอเรื่องราวในชีวิตของผม ผ่านกระทู้นี้ เขาอาจจะ ใช้สมาธิ มาจดจ่อกับเรื่องนี้จนไม่เครียด กับเรื่องของเขา หรือ เขาอาจจะเห็นว่า มีคนที่น่าเวทนากว่าเขาอีก น่าสมเพชกว่า งี่เง่ากว่า ผมก็ยินดี ถ้าเรื่องราวที่ผมจะเขียนเล่าต่อไปนี้ สามารถ ช่วยให้ทุกๆคน รู้สึกดีได้ เพราะ อาการโรคซึมเศร้านั้น ถ้าใครลองมาสัมผัสแล้ว มันไม่สนุกเลย.....เพราะผมเป็นคนชอบคิดมากอยุ่แล้วแต่บอกตามตรงนะครับ ผมไม่ได้คิดมากทุกเรื่อง อย่างเรื่องบางเรื่องผมก็ไม่คิดเลยก็มี แต่เรื่องหลักๆจะไม่พ้น ความรักแหละครับ

ปัจจุบัน ครับ ผมเป็นอาการโรคซึมเศร้าครับ ผมรู้ตัวเองดี แม้อาจจะยังไม่ร้ายแรง แต่ก็เป็นมาได้ 1เดือนกว่าๆแล้ว เนื่องจากผมเป็นคนคิดมากกับเรื่องบางเรื่องแน่นอนครับว่า ไม่มีหรอก ครับที่ใครจะคิดมากได้ทุกเรื่อง แต่ในเรื่องที่สำคัญมากๆ อย่างกรณีของผมคือ ความรัก ผมก็คิดไม่ตกและโทษตัวเองไม่หยุด
แต่กับเรื่องบางเรื่องผมกลับไม่เครียดกับมันเลยก็ว่าได้ครับ

เรื่องของเรื่องก็คือ ผมได้รู้จักคำว่ารัก และการให้อภัย จาก หญิงสาวคนหนึ่ง แน่นอนว่า ในตอนที่ผมพบเธอนั้น ผมยังไม่หายเจ็บจากคนเก่า และยังลืมความเจ็บปวดจากคนเก่าไม่ได้ ผมไม่ได้จะดราม่าหรือละครนะ มันเป็นแบบนี้จริงๆครับ ไม่รู้จะมีใครเป็นแบบผมไหม แต่ผมก็มีความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบายกับเธอคนนั้น เพราะเธอคนนั้น ก็ดึงดูดผมเช่นกัน แน่นอนครับว่า ผมได้ติดต่อเธอ ผมได้ทำความรู้จักเธอ และเข้าหาเธอ พูดคุย หลังจากที่เธอคุยกับผมได้ในช่วงเวลาหนึ่ง เราก็มีความรู้สึกบางอย่างที่ดีให้แก่กันและกัน แต่ในช่วงเวลานั้น ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุใด ผมยังลืมคนเก่าไม่หายขาด และกลัวความเจ็บปวด เพราะเธอคนเก่านั้นบอกเลิกผมได้ไม่นาน ด้วยคำตอบที่ว่า เธอดูแลเราดีเกินไป เรากลัวตอบแทนเราไม่ได้ ในตอนนั้นผมและตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่า ดูแลดีเกินไป คือมะเขือเทศหรือมะนาวชนิดไหน ส่วนคนแรกสุดก่อนที่ผมจะมาเจอคนๆนี้ เป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ในตอนนั้นเขามีแฟนอยุ่แล้วแต่ผมไม่รู้ จึงได้เข้าไปพูดคุยด้วย จนเธอทำกับข้าวมาให้ผมถึงที่คณะ แต่ก็แน่นอน แฟนของเธอที่เรียนอยุ่ที่ มหาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในเชียงราย(ที่เขาว่าสวยสุดๆอะ ขอไม่เอ่ยชื่อนะ คงรุ้กัน ยิ้ม)) ) แฟนคนนั้นเขาได้บอกเลิกเธอไป แต่แน่นอนครับ ไม่รู้เพราะกรรมเวร หรือ ดราม่าในตัวผม ผมก็แนะนำให้เขาให้โอกาศกับแฟนเก่าครับ จนผมก็เลยโสดมา ครับ

เพื่อไม่ให้งงนะครับ คนแรก ที่ผมเจอในมหาลัย คือ คนที่เขามีแฟนอยุ่แล้ว แต่แฟนเขาบอกเลิกแล้วผม แนะนำให้คืนดี
คนที่ สอง คือ ผู้หญิงที่บอกเลิกผมด้วยเหตุผลว่า เธอดูแลเราดีเกินไป ซึ่งตอนนั้นมันก็เจ็บปวดมากๆ แต่ต่อมา ผมก็คิดซะว่า เป็นมะเขือหรือมะนาวสายพันธ์ใหม่ก็แล้วกัน (ผมเชื่อว่า แม้แต่ GMO คงทำได้ไม่ถึงขนาดนี้ )


แต่ รักครั้งที่สามนั้น หรือครั้งล่าสุด คนที่ผมพบรักด้วยก็คือ นางฟ้าใจดีคนหนึ่ง( ผมไม่ได้ดราม่า หรือพระเอกนะ นางฟ้าจริงๆ) และผลกรรม หรือชะตาลิขิตในครั้งนี้ ทำให้ผม คิดมากตลอด 1เดือนที่ผ่านมา

เรื่องของเรื่องก็คือ อย่างที่ผมกล่าวไปข้างต้น หลังจากที่ผมได้รู้จักเธอและพูดคุยกับเธอเราทั้งสองคนมีความรู้สึกให้กัน แต่ ช่วงเวลานั้น หัวใจผมกลับลังเล เพราะยังลืมคนเก่าไม่ได้ และยังเจ็บปวดกับความรักครั้งเก่า และผมยังสับสนว่าเธอเป็นคนที่ใช่แล้วหรือเปล่า ทำให้ผมรู้สึกลังเลมากๆและสับสน จนผมต้องปฏิเสธเธอไป เพราะ มันคงไม่ดีหากเรายังไม่แน่ใจและสับสน เราจะทำร้ายคนดีๆไป ซึ่งครั้งนั้นผมก็รู้ได้เลยว่าเธอก็เจ็บปวดมาก แม้เราจะคุยกันได้เป็นระยะเวลาพอสมควร ยังไม่คุยอะไรจริงๆจังๆ เราทั้งคู่ต่างกลับเจ็บปวดได้มากขนาดนี้ หลังจากที่ผมบอกปฏิเสธเธอไป เวลาผ่านไป น่าจะราวๆ 2-3เดือนได้ เพราะผมจำได้ว่าตอนนั้นใกล้ช่วงสอบ ผมก็ลืมเขาไม่ได้ตลอดมา และไม่รู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนไหน จริงอยุ่ในมหาลัยของผมมีผู้หญิง หรือสตรีที่เพียบพร้อมเยอะมากๆ แต่ ความรู้สึกบางอย่างที่ผมมีให้เธอนั้น ผมกลับไม่มีให้ใคร และยังไม่มีใครด้วย ผมเลยตัดสินใจ ได้ขอคืนดีกับเธอ ซึ่ง เธอก็ให้อภัยผม แต่เนื่องจากในช่วงนั้น ความรู้สึกของผมก็ลังเลอีก ว่าเราจะดูแลเขาได้หรือเปล่า จะมีเวลาให้เข้าไหม เรารักเขาจริงๆหรือ ประกอบกับในขณะนั้น สาขาของผม ต้องเลือก สาขา ซึ่งผมก็เครียดมากๆ เครียดถึงขนาดปรึกษา อาจารย์ ทุกคนในภาควิชา ผมเดาว่าอาจารย์ทุกคนคงรู้จักผมดี หมดแล้ว ทำให้ผมสับสนและลังเลมากๆ ไม่รู้ว่าเพราะกรรมหรือตัวผมเอง และความสับสนความเครียด ผมเลยได้ตัดสินใจปฏิเสธเธอเป็นครั้งที่ 2 ครับ ซึ่งมันเจ็บปวดมากๆครับ ผมรู้ดีว่าเธอก็คงเจ็บปวดมากๆเช่นกัน แม้เราจะยังไม่ได้เริ่มคุยอะไรกัน แต่ใจผมก็เจ็บปวดมากๆ ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น

รวมไปถึงเรื่องราวที่ตลกมากๆแต่จริง ในตอนนั้นผมเครียดกับวิชาสถิติ เพราะผมไม่ชอบตัวเลขมากๆ ผมเลยโพสเล่นๆในเฟสบุคของผมไปว่า อยากจะซื้อปืน AK 47 ไปกราดยิงๆทุกๆคนในสาขา วิชานั้นๆ และในตอนนั้นไม่รุ้กรรมเวรอะไร งาน book fair ของมหาลัยของผม ก็ได้จัดขึ้น ผมก็เลยโพสเล่นๆว่า อยากให้ งานหนังสือมีปืน AK47จะได้ จัดซื้อมาสักโหลหนึ่ง ร้อนถึงอาจารย์ที่เล่นเฟสบุค ตกใจถึงกับเรียกผมไปพบด้วยตัวเอง เนื่องจากในช่วงนั้น มีข่าวว่าเด็ก USA ใช้ UZI กราดนักเรียนในโรงเรียน

โถ่ อาจารย์ครับ ผมไม่กล้าทำหรอกครับ อีกอย่างในไทย จะหา AK47ได้จากไหน - -* ผมไม่ใช่เด็กหัวเกรียน ที่เล่น GTA แล้วไป ทำร้ายTAXIหรอกครับ
โพสไปตามภาษานักเลงคีย์บอรด์แหละครับ

แต่พอระยะเวลาผ่านไป จนถึงใกล้จะหมดเรียน SUMMER ผมก็ ยังลืมเธอไม่ได้ เลยติดต่อไป จะขอคืนดี และในครั้งนี้พร้อมจะดูแล ทุกๆอย่างครับ เพราะผมเลือกสาขา ทุกอย่าง เคลียทุกอย่างจนไม่สับสนอะไร และก็นั่งคิดพิจารณาอยุ่นานว่า ทำไม เรายังไม่ลืมเขา ทำไมเราไม่รู้รึกคนอื่นเลย ทำไมถึงห่วงแต่เธอ แต่มันก็สายเกินไปครับ เธอมีคนใหม่แล้วครับ ซึ่ง

มันเป็นอะไรที่ผมเสียใจมากๆ ผมเข้าใจครับว่า คนในที่นี้ หลายๆคน คงบอกว่า สมควรแล้ว สมน้ำหน้า โง่จริงๆ ผมขอน้อมรับไว้ครับ แล้วผมก็เสียใจมากๆ จนหลายๆครั้งนึกอยากย้อนอดีต จินตนาการว่า ถ้าวันนั้นเราแน่ใจ และเราไม่งี่เง่า เราไม่ลังเล เราแยกแยะปัญหาเรื่องเรียน เรื่องรักได้ มันคงจะดีกว่านี้ ผมหยุดคิดไม่ได้ครับ มีสองสามวัน โล่งใจ แต่ห้าหกวัน ก็คิดไม่ตก นอนไม่หลับอย่างว่าครับเป็นมา 1เดือนกว่าๆแล้ว

ทำอะไรก็ไม่สนุก หมดอาลัยตายอยาก ดูหนังก็ไม่สนุก นอนก็ไม่หลับ นอนเที่ยงคืน หลับ ตี สองทุกๆวัน และร้องไห้แถบทุกครั้ง ก่อนจะนอน รู้สึกเมื่อยล้าไปหมด อยากอยุ่แค่กับที่นอน แต่หลับตาก็ไม่สามารถหลับได้ ไม่มีเรี่ยวแรง แม้แต่การวิ่งและการยกน้ำหนัก ผมยังไม่มีแรงใจจะทำเลย เมื่อก่อนผมได้ทุกวัน

( เมื่อก่อนผม น้ำหนัก 85 กิโลกรม จนตอนนี้ เหลือ 62 กิโลกรัม ผมใช้เวลาเพียง 2 เดือน ออกกำลังกายอย่างหนักทุกวันครับ)

ตัวผมเองเรียนจิตวิทยา มาก็พอรู้คร่าวๆ ว่าเราเป็นอะไร แต่หลายๆคนก็คงถามเรียนจิตวิทยาแล้วยังรักษาตัวเองไม่ได้หรือ
ผมอยากจะบอกว่า นักจิตวิทยาฆ่าตัวตายก็มีมาแล้วครับ เหมือนหมอแหละครับ คุณรู้ว่าคุณป่วย แต่ถ้าคุณไม่กินยามันก็ไม่หาย หรือจะผ่าตัดคุณก็ผ่าตัวเองไม่ได้ ต้องให้หมอคนอื่นมาช่วย นักจิตวิทยาก็เช่นกันครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่