สืบเนื่องมาจากความเห็นนี้นะครับ
ผมจึงเล็งเห็นว่าอาจจะมีประโยชน์สำหรับหลายๆคน และเผื่อยังมีคนที่ไม่ทราบถึงการเป็น RFA หรือ UFA ของผู้เล่น NBA ในปัจจุบัน ก็ขอแชร์ความรู้ที่ผมมีในกรณีทั้งสองนี้เลยนะครับ (ผิดพลาดประการใด หรือขาดตกตรงไหนไป ทักท้วงหรือเพิ่มเติมได้เลยนะครับ เพราะผมอ่านเมื่อนานมาแล้วอาจจะมีจุดไหนลืมๆไปบ้าง)
1. Unrestricted free agent (UFA)- ประเภทแรกนี่คงไม่ต้องอธิบายอะไรกันให้มากครับ ก็คือผู้เล่นที่หมดสัญญาเหมือนกีฬาอื่นๆ ไม่มีพันธะครับ คือมีสัญญาจากทีมไหนเสนอมาให้บ้างนักกีฬาก็สามารถเอามากางแผ่บนโต๊ะ จิบเบียร์เย็นๆค่อยๆคิดค่อยๆเลือกได้เลยครับ
2. Restricted free agent (RFA)- คือผู้เล่นที่หมดสัญญาเหมือนกันครับ แต่ทีมต้นสังกัดสามารถทำการ Match bid ได้ เพื่อให้นักกีฬาอยู่กับทีมต่อไป ด้วยสิทธิ์ที่เรียกกันว่า (Right of first refusal) ยกตัวอย่างก็คือว่า ผมเล่นอยู่ทีม A รับเงินอยู่ 3 ล้าน สัญญากำลังจะหมดลงในปีนี้โดยเป็น RFA ทีม B ต้องการตัวผมมาก เสนอมาที่ 10 ล้านต่อปี แต่ทีม A ต้นสังกัดผมบอกว่าแค่นี้ชิวๆ ทีมเราก็จ่ายได้เหมือนกันเลย Match bid คือเสนอมาเท่ากันที่ 10 ล้าน...แบบนี้ผมต้องอยู่ทีม A ต่อไปครับ ไม่มีสิทธิ์เลือกจะไปทีม B ด้วยกฏของ RFA
ทีนี้มาถึงคำถามที่น่าจะคาใจหลายๆคนครับ (อันนี้เอาตัวเองเป็นใหญ่ครับ ผมเคยสงสัยเอง 555+) แล้วทำไมแต่ละทีมไม่ทำให้นักกีฬาตัวเองเป็น RFA หมดเลยล่ะ ทำไมต้องมี UFA ทั้งๆที่ ทีมจะได้ผลประโยชน์มากกว่ากับนักกีฬาที่เป็น RFA คำตอบคือ มันมีเงื่อนไขครับ การเป็น RFA ไม่ใช่ว่าเซ็นสัญญาแล้วเลือกได้เลยว่าจะให้นักกีฬาเป็น RFA หรือ UFA
สำหรับ Case ปกตินั้น นักกีฬาจะได้เป็น RFA ก็ต่อเมื่อ นักกีฬาต้องเล่นในลีคมาแล้ว 3 ปี โดยทีมต้นสังกัดต้องเสนอสัญญาที่ให้รายได้มากกว่าที่นักกีฬารับอยู่ 125% (ตีเป็นเลขกลมๆก็จาก 1 ล้านเป็น 2.25 ล้าน) หรือ ตามค่าจ้าง Minimum ของนักกีฬาคนนั้น +ด้วยเงินจำนวน $175,000 (พิจารณาดูว่าอันไหนมากกว่าให้เสนออันนั้นครับ) และทีมต้นสังกัดต้องเสนอสัญญาให้นักกีฬาก่อนวันที่ 30 มิถุนายน (ตามเวลา USA นะครับ) ถ้านักกีฬาตกลงจะเซ็นสัญญานั้น ก็เล่นต่อกับต้นสังกัด แต่ถ้าเกิดว่าไม่เซ็น ก็จะกลายเป็น Restricted Free Agent และทีมต้นสังกัดก็จะได้สิทธิ์ Right of first refusal ครับ
สำหรับอีก Case นึงนั้นจะเป็นในรายของพวก First round Draft ครับ พวกนี้จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างออกไป ก็คือว่า การเป็น RFA ของพวก Draft รอบแรกนั้น จะเกิดขึ้นหลังจากที่ทีมได้ใช้ Team option กับผู้เล่นคนนั้นแล้ว (เรื่อง Team option กับ Player option ถ้าใครไม่รู้รบกวนหาข้อมูลเองนะครับ กลัวยาวเกิน อิอิ) และทีมสามารถที่จะจ่ายค่าจ้างให้ผู้เล่นคนนั้นไปตาม Rookie scale ได้จนจบปีที่ 4 ของการเล่น...แล้ว Rookie scale คืออะไร? ดูตามภาพนี้เป็นตัวอย่างของ Rookie Scale ปีที่แล้วครับ
สรุปสั้นๆ Rookie scale ก็คือว่า เงินเดือนของ Draft รอบแรก แต่ละอันดับนั้น 1>2>3>4...and so on
ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามเงื่อนไขข้างบนนี้ นักกีฬาของทีมๆนั้นก็จะเป็น RFA ทันทีครับ
ทีนี้ก็ขออธิบายในกรณีที่ถกกันอยู่เลยแล้วกันนะครับ จะได้เป็น Case Study ไปเลย ในรายของ Greg Monroe แกเป็น First round draft 7th overall pick ครับ ทาง Detroit Pistons ได้ใช้ Team option กับ Monroe ไปแล้ว และรายได้ก็เป็นไปตาม Rookie scale ซึ่งจริงๆแล้ว Pistons ก็เสนอสัญญาให้แกแล้วครับ 5 ปีรายได้เฉลี่ยตกปีละ 11 ล้าน แต่ Agent ของแกปฏิเสธไปเนื่องจาก Derrick Favors ของ Jazz นั้นได้รับการต่อสัญญาเหมือนกันแต่ได้รับเฉลี่ยปีละ 12 ล้าน ซึ่ง Agent ของ Monroe มองว่า Monroe เก่งกว่า Favors ควรจะได้รับเงินมากกว่าสิ เลยตกลงกันไม่ได้ Greg Monroe ก็เลยกลายเป็น RFA ไปโดยปริยาย
การที่บอกว่าจะให้ Monroe ไป Heat โดยจะให้เงินแค่ 6-7 ล้านต่อปีเพื่อหวังแชมป์นั้น สมมุตว่า Monroe อยากมาจนตัวสั่นจริงๆ ก็มาไม่ได้ครับ เพราะ Detroit จะยื่นมาเท่ากันเพื่อ Match bid และแกก็ต้องกลับไปเล่นที่ Detroit ครับ (ซึ่ง Detroit ยิ้มเลยครับ เสนอไป 11 ล้านดันปฏิเสธ แต่สุดท้ายดันรั้งผู้เล่นไว้ได้ แถมจ่ายน้อยกว่าเดิมอีก) แม้ว่าจะอยากไป Heat ขนาดไหนก็ตาม ไม่ได้เกี่ยวกับต้องการเงินตามที่สมาชิกท่านหนึ่งเข้าใจครับ
ฉะนั้นแล้วถ้าทีมไหนอยากได้ Monroe จริงๆ ก็ต้อง 13ล้าน+ ในความคิดของผมนะครับถึงจะน่าลุ้น แต่ก็ยากจริงๆครับ เพราะ Pistons กำเงินอยู่ถึง 24 ล้านในมือกว่าจะถึง Soft cap แทบจะ Match bid ได้ทุก Offer ครับ
ความรู้ที่ผมเคยอ่านมาก็มีเท่านี้ครับ ถ้าผมผิดตรงไหนก็ทักท้วงได้นะครับ เพราะผมก็อ่านมานานแล้ว รายละเอียดมันอาจจะเปลี่ยนไปบ้างก็บอกได้ครับ ผมจะได้แก้ไขให้ถูกต้อง ขอบคุณที่สละเวลาอ่านครับ ^^
ว่าด้วยเรื่อง RFA & UFA
ผมจึงเล็งเห็นว่าอาจจะมีประโยชน์สำหรับหลายๆคน และเผื่อยังมีคนที่ไม่ทราบถึงการเป็น RFA หรือ UFA ของผู้เล่น NBA ในปัจจุบัน ก็ขอแชร์ความรู้ที่ผมมีในกรณีทั้งสองนี้เลยนะครับ (ผิดพลาดประการใด หรือขาดตกตรงไหนไป ทักท้วงหรือเพิ่มเติมได้เลยนะครับ เพราะผมอ่านเมื่อนานมาแล้วอาจจะมีจุดไหนลืมๆไปบ้าง)
1. Unrestricted free agent (UFA)- ประเภทแรกนี่คงไม่ต้องอธิบายอะไรกันให้มากครับ ก็คือผู้เล่นที่หมดสัญญาเหมือนกีฬาอื่นๆ ไม่มีพันธะครับ คือมีสัญญาจากทีมไหนเสนอมาให้บ้างนักกีฬาก็สามารถเอามากางแผ่บนโต๊ะ จิบเบียร์เย็นๆค่อยๆคิดค่อยๆเลือกได้เลยครับ
2. Restricted free agent (RFA)- คือผู้เล่นที่หมดสัญญาเหมือนกันครับ แต่ทีมต้นสังกัดสามารถทำการ Match bid ได้ เพื่อให้นักกีฬาอยู่กับทีมต่อไป ด้วยสิทธิ์ที่เรียกกันว่า (Right of first refusal) ยกตัวอย่างก็คือว่า ผมเล่นอยู่ทีม A รับเงินอยู่ 3 ล้าน สัญญากำลังจะหมดลงในปีนี้โดยเป็น RFA ทีม B ต้องการตัวผมมาก เสนอมาที่ 10 ล้านต่อปี แต่ทีม A ต้นสังกัดผมบอกว่าแค่นี้ชิวๆ ทีมเราก็จ่ายได้เหมือนกันเลย Match bid คือเสนอมาเท่ากันที่ 10 ล้าน...แบบนี้ผมต้องอยู่ทีม A ต่อไปครับ ไม่มีสิทธิ์เลือกจะไปทีม B ด้วยกฏของ RFA
ทีนี้มาถึงคำถามที่น่าจะคาใจหลายๆคนครับ (อันนี้เอาตัวเองเป็นใหญ่ครับ ผมเคยสงสัยเอง 555+) แล้วทำไมแต่ละทีมไม่ทำให้นักกีฬาตัวเองเป็น RFA หมดเลยล่ะ ทำไมต้องมี UFA ทั้งๆที่ ทีมจะได้ผลประโยชน์มากกว่ากับนักกีฬาที่เป็น RFA คำตอบคือ มันมีเงื่อนไขครับ การเป็น RFA ไม่ใช่ว่าเซ็นสัญญาแล้วเลือกได้เลยว่าจะให้นักกีฬาเป็น RFA หรือ UFA
สำหรับ Case ปกตินั้น นักกีฬาจะได้เป็น RFA ก็ต่อเมื่อ นักกีฬาต้องเล่นในลีคมาแล้ว 3 ปี โดยทีมต้นสังกัดต้องเสนอสัญญาที่ให้รายได้มากกว่าที่นักกีฬารับอยู่ 125% (ตีเป็นเลขกลมๆก็จาก 1 ล้านเป็น 2.25 ล้าน) หรือ ตามค่าจ้าง Minimum ของนักกีฬาคนนั้น +ด้วยเงินจำนวน $175,000 (พิจารณาดูว่าอันไหนมากกว่าให้เสนออันนั้นครับ) และทีมต้นสังกัดต้องเสนอสัญญาให้นักกีฬาก่อนวันที่ 30 มิถุนายน (ตามเวลา USA นะครับ) ถ้านักกีฬาตกลงจะเซ็นสัญญานั้น ก็เล่นต่อกับต้นสังกัด แต่ถ้าเกิดว่าไม่เซ็น ก็จะกลายเป็น Restricted Free Agent และทีมต้นสังกัดก็จะได้สิทธิ์ Right of first refusal ครับ
สำหรับอีก Case นึงนั้นจะเป็นในรายของพวก First round Draft ครับ พวกนี้จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างออกไป ก็คือว่า การเป็น RFA ของพวก Draft รอบแรกนั้น จะเกิดขึ้นหลังจากที่ทีมได้ใช้ Team option กับผู้เล่นคนนั้นแล้ว (เรื่อง Team option กับ Player option ถ้าใครไม่รู้รบกวนหาข้อมูลเองนะครับ กลัวยาวเกิน อิอิ) และทีมสามารถที่จะจ่ายค่าจ้างให้ผู้เล่นคนนั้นไปตาม Rookie scale ได้จนจบปีที่ 4 ของการเล่น...แล้ว Rookie scale คืออะไร? ดูตามภาพนี้เป็นตัวอย่างของ Rookie Scale ปีที่แล้วครับ
สรุปสั้นๆ Rookie scale ก็คือว่า เงินเดือนของ Draft รอบแรก แต่ละอันดับนั้น 1>2>3>4...and so on
ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามเงื่อนไขข้างบนนี้ นักกีฬาของทีมๆนั้นก็จะเป็น RFA ทันทีครับ
ทีนี้ก็ขออธิบายในกรณีที่ถกกันอยู่เลยแล้วกันนะครับ จะได้เป็น Case Study ไปเลย ในรายของ Greg Monroe แกเป็น First round draft 7th overall pick ครับ ทาง Detroit Pistons ได้ใช้ Team option กับ Monroe ไปแล้ว และรายได้ก็เป็นไปตาม Rookie scale ซึ่งจริงๆแล้ว Pistons ก็เสนอสัญญาให้แกแล้วครับ 5 ปีรายได้เฉลี่ยตกปีละ 11 ล้าน แต่ Agent ของแกปฏิเสธไปเนื่องจาก Derrick Favors ของ Jazz นั้นได้รับการต่อสัญญาเหมือนกันแต่ได้รับเฉลี่ยปีละ 12 ล้าน ซึ่ง Agent ของ Monroe มองว่า Monroe เก่งกว่า Favors ควรจะได้รับเงินมากกว่าสิ เลยตกลงกันไม่ได้ Greg Monroe ก็เลยกลายเป็น RFA ไปโดยปริยาย
การที่บอกว่าจะให้ Monroe ไป Heat โดยจะให้เงินแค่ 6-7 ล้านต่อปีเพื่อหวังแชมป์นั้น สมมุตว่า Monroe อยากมาจนตัวสั่นจริงๆ ก็มาไม่ได้ครับ เพราะ Detroit จะยื่นมาเท่ากันเพื่อ Match bid และแกก็ต้องกลับไปเล่นที่ Detroit ครับ (ซึ่ง Detroit ยิ้มเลยครับ เสนอไป 11 ล้านดันปฏิเสธ แต่สุดท้ายดันรั้งผู้เล่นไว้ได้ แถมจ่ายน้อยกว่าเดิมอีก) แม้ว่าจะอยากไป Heat ขนาดไหนก็ตาม ไม่ได้เกี่ยวกับต้องการเงินตามที่สมาชิกท่านหนึ่งเข้าใจครับ
ฉะนั้นแล้วถ้าทีมไหนอยากได้ Monroe จริงๆ ก็ต้อง 13ล้าน+ ในความคิดของผมนะครับถึงจะน่าลุ้น แต่ก็ยากจริงๆครับ เพราะ Pistons กำเงินอยู่ถึง 24 ล้านในมือกว่าจะถึง Soft cap แทบจะ Match bid ได้ทุก Offer ครับ
ความรู้ที่ผมเคยอ่านมาก็มีเท่านี้ครับ ถ้าผมผิดตรงไหนก็ทักท้วงได้นะครับ เพราะผมก็อ่านมานานแล้ว รายละเอียดมันอาจจะเปลี่ยนไปบ้างก็บอกได้ครับ ผมจะได้แก้ไขให้ถูกต้อง ขอบคุณที่สละเวลาอ่านครับ ^^