เนื่องจากทุกครั้งที่ดูละครเสร็จ เข้ามาดูกระทู้ละคร ในpantip ก็จะเจอแต่คนกลุ่มเดิมๆ ที่ชื่นชอบละครในแบบที่เค้าชอบ
และจะต้องโพสต่อว่าละครที่ตนเองไม่ได้เลือกดู บางทีเราก็รู้สึกว่า เรารับรู้และรับฟังทุกๆความคิดเห็น
แต่ไปเจอ กระทู้นึง ที่หยิบยกเรื่อง เรตติ้งละครพวกกล่องต่างๆ ทั้ง PSI ทั้ง ผลวิจัยของเอซี นีลเส็น
มาเป็นตัวเปรียบเทียบว่าละครอะไรสนุก ซึ่งในมุมกลับกัน เรากลับมองว่า เดี๋ยวนี้โลกมันเปลี่ยนไปเยอะ
ทุกวันนี้มันยังเป็นแบบนั้นอยู่หรอ?
เลยลองหาข้อมูลบทความ และ ข้อมูลสถิติต่างๆมาประกอบ จากบทความข้างต้นบอกว่า
เอเจนซี่จะพิจารณาจากจำนวนผู้อ่านบทละครย่อทางออนไลน์ มาประกอบการตัดสินใจด้วย
เพราะคนที่อ่านเรื่องย่อ แสดงว่าเค้าให้ความสนใจกับละครเรื่องนั้นๆ
จากผลงิจัยนี้เราค่อนข้างเห็นด้วยนะ
มันกลับทำให้เรามองโลกได้กว้างขึ้นว่า ทุกๆครั้งที่ช่อง5 เรตติ้งจากกล่อง น้อย
แต่พอมาเป็นเรตติ้งจากโลกออนไลน์ กลับได้รับความสนใจ ในมุมตรงกันข้ามเลย
สถิติ อันดับ จำนวนวิวของคนดู เรื่องย่อ (ตอนจบ) ของละคร แต่ละเรื่อง
เล่ห์นางฟ้า ช่อง 5 (ตอนจบ) จำนวนครั้งของคนที่ดู 5,088,438
คิวบิก ช่อง 3 (ตอนจบ) จำนวนครั้งของคนที่ดู 4,562,351
เสน่าสัญญาแค้น ช่อง 3 (ตอนจบ) จำนวนครั้งของคนที่ดู 4,080,796
สามีตีตรา ช่อง 3 (ตอนจบ) จำนวนครั้งของคนที่ดู 3,964,805
อย่าลืมฉัน ช่อง 3 (ตอนจบ) จำนวนครั้งของคนที่ดู 2,815,837
รักออกฤทธิ์ ช่อง 3 (ตอนจบ) จำนวนครั้งของคนที่ดู 1,383,594
สุสานคนเป็น ช่อง 7 (ตอนจบ) จำนวนครั้งของคนที่ดู 340,571
ข้อมูลอ้างอิงจาก :
http://tv.truelife.com/novel
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จากนี้ไปเป็นบทความอ้างอิงผลวิจัย
“ละครออนไลน์” เมื่อคลิก แม่นกว่ากล่อง
“ละครออนไลน์” คือทางเลือกใหม่ของการวัดเรตติ้งอย่างเห็นผล จากการนำเรื่องย่อและบทละครดังที่เป็นที่นิยมทั้งฟรีทีวีและเคเบิลทีวี มาถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นทั้ง iOS, Android และ BlackBerry
จากการเปิดเผยของ วริษฐ์ ลิ้มทองกุล ผู้อำนวยการเว็บไซต์ manager.co.th และ สุวิชชา เพียราษฎร์ บรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน 360 องศา และเว็บไซต์ manager.co.th และทีมงาน ได้ร่วมกันเปิดเผยถึง “ละครออนไลน์” เฉพาะที่อยู่ในแพลตฟอร์มเว็บไซต์มีผู้เข้าชมในเดือนตุลาคมมากกว่า 11 ล้านเพจวิว และแอปพลิเคชั่นก็เคยติดอันดับ Top 3 ของแอปพลิเคชั่นฟรี นับจากวันเริ่มต้นประมาณเดือนสิงหาคม ปี 2554 ด้วยละครเรื่อง กลรักลวงใจ และ รอยไหม ทางช่อง 3 และ ในรอยรัก ทางช่อง 7
จากที่มีผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์เดือนละ 2 ล้านราย มาจนถึง 11 ล้านรายโดยเฉลี่ย ซึ่ง “ละครออนไลน์” ได้สร้างตัวเองให้กลายเป็นเครื่องมือวัดความนิยมละคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเป้าหมาย คนรุ่นใหม่ ชนชั้นกลาง ซึ่งมีกำลังซื้อ “ละครออนไลน์” สามารถบ่งบอกกระแสไม่ใช่เพียงแค่จำนวนคลิกเท่านั้น แต่ยังมีคอมเมนต์ของผู้อ่านที่มีต่อตัวละคร บทละคร ไปจนถึงโปรดักชั่นละคร
จนสามารถนำไปเปรียบเทียบกับการจัดเรตติ้งแบบเดิม อย่างเช่น ละครเรื่อง “แรงเงา” ที่ฟีเวอร์ไปทั่วประเทศ แต่เมื่อวัดเรตติ้งของเอซี นีลเส็น กลับพบว่า “แรงเงา” ไม่เคยมีเรตติ้งชนะ “ป่านางเสือ” จากช่อง 7 ได้เลย
โดยข้อมูลจากนีลเส็นระบุว่า วันที่ 5 พฤศจิกายน เรตติ้งของ “แรงเงา” อยู่ที่ 10.9 (17.5,9.8) ขณะที่ป่านางเสือ ภาค 2 มีเรตติ้ง 13.0 (6.9,14.0) ทั้งๆ ที่รู้กันดีอยู่ว่า “แรงเงาฟีเวอร์” ในวันจันทร์-อังคาร ที่เล่นเอาถนนกับห้างสรรพสินค้าว่างเพราะผู้ชมรีบกลับไปดู และในช่องทาง “ละครออไนลน์” ละครเรื่อง “แรงเงา” เพียงเรื่องเดียวมียอดผู้อ่าน 1.7 ล้านต่อตอน
จนอาจกล่าวได้ว่า “ละครออนไลน์” ได้กลายเป็นสถิติที่ตรวจสอบได้ แล้วนำมาอธิบายปรากฏการณ์ความนิยมของคนดูละครได้มากกว่าแค่ความรู้สึก โดยโพรไฟล์ของผู้ที่เข้ามาอ่านละครออนไลน์ 67% เป็นกลุ่มผู้หญิง ซึ่งสอดคล้องกับทาร์เก็ตของผู้ชมละคร จึงเป็นโอกาสที่ดีของสินค้าประเภทอุปโภค บริโภค
บทละครอ่านแล้วยังไงก็ดู
นอกจากจะเป็นประโยชน์กับคนในวงการโฆษณาที่ทำให้วางแผนการใช้สื่อได้แม่นยำขึ้นแล้ว สำหรับค่ายละครเอง “ละครออนไลน์” ก็เป็นทั้งช่องทางโปรโมตและงานวิจัยฉบับย่อของผู้จัดละคร เพราะพฤติกรรมของคนดูละครในประเทศไทยถึงแม้จะอ่านเรื่องย่อกับบทละครแล้ว พอถึงเวลาที่ละครมาก็ยังนั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์ติดตามเรื่องที่อ่านแล้วทางทีวีอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหนังสือเรื่องย่อละครเป็นบทพิสูจน์พฤติกรรมนี้เป็นอย่างดี
จุดที่เพิ่มเติมขึ้นมาของ “ละครออนไลน์” ก็คือ ฟีดแบ็กแบบ Interactive ผู้อ่านอ่านจบแล้วก็แสดงความคิดเห็นได้เลย ผู้จัดละครสามารถมองความนิยมของละครตัวเองได้ตั้งแต่ฟิตติ้งตัวละครกับบทประพันธ์ หรือถ้าหากว่ายอดผู้เข้าชมน้อย ก็อาจจะต้องวางแผนให้ละครจบเร็วกว่ากำหนด เพื่อให้สถานีเอาเวลาไปออกอากาศละครที่เปรี้ยงกว่า และยังเป็นประโยชน์กับการวางแผนในอนาคตที่จะจัดละครให้ถูกจริตกับผู้ชม
ทางออกใหม่ที่มีเดียเอเยนซี่ต้องมอง
ปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีเดียเอเยนซี่ผู้วางแผนสื่อ ยังคงยึดติดอยู่กับการวัดเรตติ้งด้วยวิธีการเดิม ด้วยความคุ้นชินของอุตสาหกรรม ทั้งจากเจ้าของเม็ดเงินโฆษณาเองก็ยังยึดติดกับการวัดผลด้วยเรตติ้งเช่นกัน โดยมองข้ามไปว่าเรตติ้งที่ออกมานั้นได้สะท้อนความนิยมจริงๆ ของผู้ชมที่มีต่อละครหรือไม่
วริษฐ์ มองว่า ต่อไปนี้สื่อออนไลน์ที่ระบุยอดผู้เข้าชม หรือจำนวนดาวน์โหลดได้อย่างแม่นยำ ทั้งนี้เนื่องจากวงการโฆษณาและสื่อกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ที่การใช้เม็ดเงินโฆษณายังไม่เติบโตเต็มที่เขาเชื่อว่า เมื่อวงการโฆษณาเข้าใจวิธีการวัดผลแบบใหม่นี้แล้ว ก็น่าจะหันมาใช้สื่อดิจิตอลให้เป็นประโยชน์มากขึ้น ในเมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคหันมาอ่านเรื่องบทละครแบบออนไลน์กันหมดแล้ว โดยผู้ชมที่อ่าน “ละครออนไลน์” ทางเว็บไซต์จะเข้ามาในช่วงเวลาที่อยู่บ้านหรือว่างจากงาน ขณะที่ผู้ใช้แอปพลิเคชั่นก็จะมียอดผู้ใช้สูงในช่วงเวลาที่กำลังเดินทาง แล้วสนุกกับละครผ่านโมบาย ดีไวซ์
การติดตามพฤติกรรมของผู้ชมละครอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ น่าจะมีผลต่อการวางแผนซื้อสื่อได้อย่างถูกต้องสำหรับเหล่าเอเยนซี่
บทความจาก
http://talk.mthai.com/topic/359740
เดี๋ยวนี้ เอเจนซี่ สนใจข้อมูลสถิติ “ละครออนไลน์” มากกว่า การวัดค่า วัดเรตติ้งด้วยวิธีการเดิม ผลวิจัยนี้ เห็นด้วย
และจะต้องโพสต่อว่าละครที่ตนเองไม่ได้เลือกดู บางทีเราก็รู้สึกว่า เรารับรู้และรับฟังทุกๆความคิดเห็น
แต่ไปเจอ กระทู้นึง ที่หยิบยกเรื่อง เรตติ้งละครพวกกล่องต่างๆ ทั้ง PSI ทั้ง ผลวิจัยของเอซี นีลเส็น
มาเป็นตัวเปรียบเทียบว่าละครอะไรสนุก ซึ่งในมุมกลับกัน เรากลับมองว่า เดี๋ยวนี้โลกมันเปลี่ยนไปเยอะ
ทุกวันนี้มันยังเป็นแบบนั้นอยู่หรอ?
เลยลองหาข้อมูลบทความ และ ข้อมูลสถิติต่างๆมาประกอบ จากบทความข้างต้นบอกว่า
เอเจนซี่จะพิจารณาจากจำนวนผู้อ่านบทละครย่อทางออนไลน์ มาประกอบการตัดสินใจด้วย
เพราะคนที่อ่านเรื่องย่อ แสดงว่าเค้าให้ความสนใจกับละครเรื่องนั้นๆ
จากผลงิจัยนี้เราค่อนข้างเห็นด้วยนะ
มันกลับทำให้เรามองโลกได้กว้างขึ้นว่า ทุกๆครั้งที่ช่อง5 เรตติ้งจากกล่อง น้อย
แต่พอมาเป็นเรตติ้งจากโลกออนไลน์ กลับได้รับความสนใจ ในมุมตรงกันข้ามเลย
สถิติ อันดับ จำนวนวิวของคนดู เรื่องย่อ (ตอนจบ) ของละคร แต่ละเรื่อง
เล่ห์นางฟ้า ช่อง 5 (ตอนจบ) จำนวนครั้งของคนที่ดู 5,088,438
คิวบิก ช่อง 3 (ตอนจบ) จำนวนครั้งของคนที่ดู 4,562,351
เสน่าสัญญาแค้น ช่อง 3 (ตอนจบ) จำนวนครั้งของคนที่ดู 4,080,796
สามีตีตรา ช่อง 3 (ตอนจบ) จำนวนครั้งของคนที่ดู 3,964,805
อย่าลืมฉัน ช่อง 3 (ตอนจบ) จำนวนครั้งของคนที่ดู 2,815,837
รักออกฤทธิ์ ช่อง 3 (ตอนจบ) จำนวนครั้งของคนที่ดู 1,383,594
สุสานคนเป็น ช่อง 7 (ตอนจบ) จำนวนครั้งของคนที่ดู 340,571
ข้อมูลอ้างอิงจาก : http://tv.truelife.com/novel
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จากนี้ไปเป็นบทความอ้างอิงผลวิจัย
“ละครออนไลน์” เมื่อคลิก แม่นกว่ากล่อง
“ละครออนไลน์” คือทางเลือกใหม่ของการวัดเรตติ้งอย่างเห็นผล จากการนำเรื่องย่อและบทละครดังที่เป็นที่นิยมทั้งฟรีทีวีและเคเบิลทีวี มาถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นทั้ง iOS, Android และ BlackBerry
จากการเปิดเผยของ วริษฐ์ ลิ้มทองกุล ผู้อำนวยการเว็บไซต์ manager.co.th และ สุวิชชา เพียราษฎร์ บรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน 360 องศา และเว็บไซต์ manager.co.th และทีมงาน ได้ร่วมกันเปิดเผยถึง “ละครออนไลน์” เฉพาะที่อยู่ในแพลตฟอร์มเว็บไซต์มีผู้เข้าชมในเดือนตุลาคมมากกว่า 11 ล้านเพจวิว และแอปพลิเคชั่นก็เคยติดอันดับ Top 3 ของแอปพลิเคชั่นฟรี นับจากวันเริ่มต้นประมาณเดือนสิงหาคม ปี 2554 ด้วยละครเรื่อง กลรักลวงใจ และ รอยไหม ทางช่อง 3 และ ในรอยรัก ทางช่อง 7
จากที่มีผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์เดือนละ 2 ล้านราย มาจนถึง 11 ล้านรายโดยเฉลี่ย ซึ่ง “ละครออนไลน์” ได้สร้างตัวเองให้กลายเป็นเครื่องมือวัดความนิยมละคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเป้าหมาย คนรุ่นใหม่ ชนชั้นกลาง ซึ่งมีกำลังซื้อ “ละครออนไลน์” สามารถบ่งบอกกระแสไม่ใช่เพียงแค่จำนวนคลิกเท่านั้น แต่ยังมีคอมเมนต์ของผู้อ่านที่มีต่อตัวละคร บทละคร ไปจนถึงโปรดักชั่นละคร
จนสามารถนำไปเปรียบเทียบกับการจัดเรตติ้งแบบเดิม อย่างเช่น ละครเรื่อง “แรงเงา” ที่ฟีเวอร์ไปทั่วประเทศ แต่เมื่อวัดเรตติ้งของเอซี นีลเส็น กลับพบว่า “แรงเงา” ไม่เคยมีเรตติ้งชนะ “ป่านางเสือ” จากช่อง 7 ได้เลย
โดยข้อมูลจากนีลเส็นระบุว่า วันที่ 5 พฤศจิกายน เรตติ้งของ “แรงเงา” อยู่ที่ 10.9 (17.5,9.8) ขณะที่ป่านางเสือ ภาค 2 มีเรตติ้ง 13.0 (6.9,14.0) ทั้งๆ ที่รู้กันดีอยู่ว่า “แรงเงาฟีเวอร์” ในวันจันทร์-อังคาร ที่เล่นเอาถนนกับห้างสรรพสินค้าว่างเพราะผู้ชมรีบกลับไปดู และในช่องทาง “ละครออไนลน์” ละครเรื่อง “แรงเงา” เพียงเรื่องเดียวมียอดผู้อ่าน 1.7 ล้านต่อตอน
จนอาจกล่าวได้ว่า “ละครออนไลน์” ได้กลายเป็นสถิติที่ตรวจสอบได้ แล้วนำมาอธิบายปรากฏการณ์ความนิยมของคนดูละครได้มากกว่าแค่ความรู้สึก โดยโพรไฟล์ของผู้ที่เข้ามาอ่านละครออนไลน์ 67% เป็นกลุ่มผู้หญิง ซึ่งสอดคล้องกับทาร์เก็ตของผู้ชมละคร จึงเป็นโอกาสที่ดีของสินค้าประเภทอุปโภค บริโภค
บทละครอ่านแล้วยังไงก็ดู
นอกจากจะเป็นประโยชน์กับคนในวงการโฆษณาที่ทำให้วางแผนการใช้สื่อได้แม่นยำขึ้นแล้ว สำหรับค่ายละครเอง “ละครออนไลน์” ก็เป็นทั้งช่องทางโปรโมตและงานวิจัยฉบับย่อของผู้จัดละคร เพราะพฤติกรรมของคนดูละครในประเทศไทยถึงแม้จะอ่านเรื่องย่อกับบทละครแล้ว พอถึงเวลาที่ละครมาก็ยังนั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์ติดตามเรื่องที่อ่านแล้วทางทีวีอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหนังสือเรื่องย่อละครเป็นบทพิสูจน์พฤติกรรมนี้เป็นอย่างดี
จุดที่เพิ่มเติมขึ้นมาของ “ละครออนไลน์” ก็คือ ฟีดแบ็กแบบ Interactive ผู้อ่านอ่านจบแล้วก็แสดงความคิดเห็นได้เลย ผู้จัดละครสามารถมองความนิยมของละครตัวเองได้ตั้งแต่ฟิตติ้งตัวละครกับบทประพันธ์ หรือถ้าหากว่ายอดผู้เข้าชมน้อย ก็อาจจะต้องวางแผนให้ละครจบเร็วกว่ากำหนด เพื่อให้สถานีเอาเวลาไปออกอากาศละครที่เปรี้ยงกว่า และยังเป็นประโยชน์กับการวางแผนในอนาคตที่จะจัดละครให้ถูกจริตกับผู้ชม
ทางออกใหม่ที่มีเดียเอเยนซี่ต้องมอง
ปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีเดียเอเยนซี่ผู้วางแผนสื่อ ยังคงยึดติดอยู่กับการวัดเรตติ้งด้วยวิธีการเดิม ด้วยความคุ้นชินของอุตสาหกรรม ทั้งจากเจ้าของเม็ดเงินโฆษณาเองก็ยังยึดติดกับการวัดผลด้วยเรตติ้งเช่นกัน โดยมองข้ามไปว่าเรตติ้งที่ออกมานั้นได้สะท้อนความนิยมจริงๆ ของผู้ชมที่มีต่อละครหรือไม่
วริษฐ์ มองว่า ต่อไปนี้สื่อออนไลน์ที่ระบุยอดผู้เข้าชม หรือจำนวนดาวน์โหลดได้อย่างแม่นยำ ทั้งนี้เนื่องจากวงการโฆษณาและสื่อกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ที่การใช้เม็ดเงินโฆษณายังไม่เติบโตเต็มที่เขาเชื่อว่า เมื่อวงการโฆษณาเข้าใจวิธีการวัดผลแบบใหม่นี้แล้ว ก็น่าจะหันมาใช้สื่อดิจิตอลให้เป็นประโยชน์มากขึ้น ในเมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคหันมาอ่านเรื่องบทละครแบบออนไลน์กันหมดแล้ว โดยผู้ชมที่อ่าน “ละครออนไลน์” ทางเว็บไซต์จะเข้ามาในช่วงเวลาที่อยู่บ้านหรือว่างจากงาน ขณะที่ผู้ใช้แอปพลิเคชั่นก็จะมียอดผู้ใช้สูงในช่วงเวลาที่กำลังเดินทาง แล้วสนุกกับละครผ่านโมบาย ดีไวซ์
การติดตามพฤติกรรมของผู้ชมละครอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ น่าจะมีผลต่อการวางแผนซื้อสื่อได้อย่างถูกต้องสำหรับเหล่าเอเยนซี่
บทความจาก http://talk.mthai.com/topic/359740