นอนไม่หลับค่ะ เครียด....เพราะรู้ตัวว่ากำลังจะเป็นผู้หญิงที่ต้องเลี้ยงลูก 3 คน เพียงลำพัง

ดิฉันนอนไม่หลับค่ะ เห็นหน้าลูกแล้วน้ำตามันไหล นึกถึงเพื่อนๆ ในพันทิป อยากเข้ามาพูดคุยขอกำลังใจหรือชี้แนะแนวทางบ้าง คือ เรื่องราวของครอบครัวดิฉันมันเริ่มมีสถานการณ์ตึงเครียดมาประมาณ 3-4 ปีได้แล้วค่ะ ตอนที่ดิฉันมีลูกคนแรกพอท้องแก่ได้ 7 เดือน (ตอนนั้นดิฉันอายุ 28) สามีต้องย้ายไปทำงานต่างจังหวัด และคิดว่าอยู่คนเดียวคงจะลำบากมากเพราะท้องแก่แล้ว ถ้าเจ็บท้องคลอดขึ้นมาจะทำยังไง ก็เลยตัดสินใจลาออกจากงานย้ายตามสามีไป พอถึงกำหนดคลอดก็มาอยู่กับตายายเพราะกลัวว่าสามีจะทำอะไรไม่ถูก คลอดเสร็จดิฉันก็เลี้ยงลูกอยู่ที่บ้านตายายไม่ได้กลับไปอยู่กับสามี ให้สามีทำงานที่ต่างจังหวัดเพียงลำพัง ต่อมาพอลูกโตได้ประมาณหนึ่งขวบ ดิฉันเปิดร้านขายของชำโดยเช่าตึกเค้าเปิดร้าน ดิฉันเริ่มท้องลูกคนที่สอง (ตอนนั้นดิฉันอายุ 30) สามีทำงานอยู่ต่างจังหวัดเหมือนเดิม พักหลังมีความรู้สึกว่าสามีแปลกๆ ไป ชอบเอาเงินไปหมุนเรื่องงาน เท่าที่รู้ตอนนั้นหมุนทันบ้างไม่ทันบ้าง มาทราบเอาภายหลังที่เป็นเรื่องใหญ่โตแล้ว คือ เค้าหมุนเงินเรื่องงานไม่ทัน แล้วบังเอิญเพื่อนชวนไปหาแหล่งเงินทุนก้อนใหญ่ ซึ่งนั่นแหละค่ะ มันได้จากในบ่อน เพราะเป็นเงินที่หามาได้อย่างรวดเร็ว แต่นั่นแหละ ไม่มีใครได้เสมอ ยิ่งเสียก็ยิ่งหามาเล่น เผื่อหวังได้ แต่กลับยิ่งเสีย ยิ่งเสีย รถมีก็นำไปจำนำ จนเค้ายึดไป ดิฉันรู้เรื่องนี้เสียใจมากร้องไห้จนลูกแทบออก (ตอนนั้นท้องแก่ด้วยแล้วค่ะ มารู้เรื่องตอนก่อนคลอดแค่อาทิตย์เดียวเอง) ทำให้ดิฉันต้องปิดกิจการร เซ้งร้านให้เค้าไป ทางญาติๆ ของดิฉันมีแต่คนซ้ำเติมดิฉัน ไม่มีใครให้กำลังใจ มีแต่ยุให้เลิก บอกว่าไม่มีวันเจริญ ตอนนั้นดิฉันสับสนแต่ก็ยังคาราคาซังกันมาจนลูกคนที่สองอายุได้ประมาณหนึ่งขวบ สถานการณ์ตึงเครียดมากจนต้องแยกกันอยู่พักนึงประมาณ 3-4 เดือน ดิฉันกลับมาอยู่บ้านเงินไม่มี แถมต้องพาลูกเล็กมาอีกสองคน ช่วงนั้นดิฉันเครียดมากไม่มีใครเห็นใจเลย ทั้งๆ ที่กลับมาอยู่บ้านที่อยู่มาตั้งแต่เล็ก แต่ญาติที่บ้านกลับทวงค่าน้ำค่าไฟตลอด จนดิฉันนั่งกอดลูกร้องไห้ ช่วงนั้นสามีจิตตก เค้ากลับบ้านไปหาแม่ขอบวชพักนึง จนดิฉันสอบงานได้เป็นลูกจ้างชั่วคราวที่องค์กรแห่งหนึ่ง แต่ต้องไปทำงานไกลถึงต่างอำเภอ ทำให้ต้องฝากลูกทั้งสองไว้กับตากับยายที่บ้าน งานใหม่เงินเดือนน้อยแค่ค่านมลูกก็ไม่ค่อยพอ แถมยังต้องไปเช่าบ้านอยู่ต่างอำเภออีก บางอาทิตย์ก็ได้กลับมาหาลูก บางอาทิตย์ก็ไม่ได้กลับ ฝ่ายสามีดิฉันพอบวชได้พักนึงเริ่มปรับจิตใจได้ต้องการเปลี่ยนชีวิตเป็นคนใหม่ ภายหลังสึกออกมาเพราะติดว่าห่วงลูก เพราะดิฉันเลี้ยงลูกคนเดียวคงลำบากมาก ดิฉันเห็นว่าสามีเป็นคนรักลูก และอยากให้โอกาสให้ครอบครัวเราได้เริ่มใหม่ ดิฉันจึงขอร้อง ให้มาหางานทำที่ได้อยู่ใกล้ลูก ปรากฏว่าเค้าหางานทำได้ และได้มาอยู่ดูแลลูกดิฉันที่บ้านตายายนั้นเอง ถึงแม้ที่บ้านดิฉันจะไม่ชอบเค้าแต่ดิฉันขอร้องว่าให้อดทนเพื่อลูก การที่ดิฉันกลับมาอยู่กินกับสามีอีกครั้งสร้างความไม่พอใจให้กับญาติๆ ดิฉันเป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่ดิฉันตั้งท้องลูกคนที่สาม ญาติๆ ก็ยังสร้างความกดดันไม่เลิก แต่ดิฉันไม่เคยคิดโทษโกรธพวกเค้าเลยค่ะ เพราะบางทีพวกเค้าอาจจะคิดถูกก็ได้ ตอนนั้นดิฉันยังทำงานอยู่ต่างอำเภอเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ท้องแก่มากแล้ว แต่ดิฉันกับสามีก็ช่วยกันทำงานเก็บเงินจนได้ซื้อบ้านเก่ามาปรับปรุงใหม่หลังนึง สามีให้ดิฉันลาออกจากงานมาดูแลลูกทั้งสามคน เพราะตัวเค้าเองต้องไปต่างจังหวัดเป็นประจำ จะฝากตายายท่านก็แก่ชรามากแล้ว ถ้าจะจ้างคนเลี้ยง เงินเดือนดิฉันก็คงจะหมดพอดี ดิฉันจิตตกมากเพราะตอนนั้นอายุ 34 แล้ว บอกตรงๆ ดิฉันกลัวอนาคตค่ะ ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง ซึ่งก็จริงอย่างที่คิด ตอนนี้ดิฉันเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกเล็กทั้งสามอยู่กับบ้าน และเริ่มมีความรู้สึกว่าสามีแปลกๆ ไป ซึ่งก็อีกแหละค่ะ คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องเงินอีก เพราะไปยืมเพื่อนๆ ญาติ ๆ มายังไม่ได้คืนเค้าบ้าง อ้างว่าเอาไปทำงาน พอดิฉันถามก็บอกว่าเก็บเงินยังไม่ได้ ล่าสุดดิฉันโทรไปสอบถามกับลูกค้าปรากฏว่าสามีดิฉันโกหก เพราะลูกค้าเค้าจ่ายเงินมาหมดแล้ว ซึ่งนั่นแหละค่ะ สิ่งที่ดิฉันกลัวคือ การพนัน เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ ดิฉันไม่ทราบเลย ได้แต่คิด เพราะสอบถามอะไรไป สามีก็ได้เงียบไม่พูดจา มีปัญหาก็ไม่บอกกล่าว อีกทั้งทำงานอยู่ต่างจังหวัดก็ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ทำให้ดิฉันได้คิดเดาๆ เองว่ามันน่าจะใช่ ดิฉันจะทำอย่างไรดี ตอนนี้ดิฉันเหลือเงินติดตัวอยู่แค่สองหมื่นบาท แล้วสามีก็โทรติดต่อไม่ได้ เหมือนเค้าไม่อยากรับสายใคร ดิฉันคิดแล้วว่าชีวิตนี้คงจะฝากความหวังไว้ที่เค้าอีกไม่ได้เป็นแน่ ถ้าดิฉันต้องตัดสินใจอีกครั้งเลิกกับสามีเพื่อปลดปล่อยความทุกข์ความวิตกกังวลในตัวเค้าให้หมดไป กับการที่ต้องมาเริ่มทำตัวเป็นคนเข้มแข็ง เลี้ยงลูกเล็กทั้งสามคนเองเพียงคนเดียวซึ่งคนโต 7 ขวบ คนกลาง 5 ขวบ และคนเล็ก 1 ขวบ 6 เดือน  กับ อายุ 35 มีเงินเหลือติดตัวแค่สองหมื่นบาท กับภาระค่าใช้จ่าย ผ่อนบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เนต ค่าเรียนพิเศษลูก ค่าลูกเรียนดนตรี ค่านม ค่าแพมเพิส และยังไม่มีงานทำ ดิฉันควรจะทำอย่างไรดีคะ....ต้องขอโทษอาจจะยาวไปนิด เพื่อนๆ อ่านอย่าเพิ่งรำคาญนะคะ ดิฉันเครียดจนไม่มีทางออกแล้วจริงๆ ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่