สวัสดีทุกคนนะครับ
วันนี้เป็นอีกวันและคงเป็นวันสุดท้ายที่ผมต้องเลือกได้เเล้ว
ย้อนเรื่องราวไป3-5เดือนก่อน ผมเป็นเด็กเรียนจบนิเทศศาสตร์จบมาสดๆร้อนๆ ตอนนั้นในหัวมีแต่เราต้องมีงานตรงที่เราจบมาจะอะไรก็ได้ขอให้เกี่ยวกับนิเทศฯ พ่อกับแม่จะได้ไม่ผิดหวัง
ด้วยความที่ที่บ้านครอบครัวเราไม่ได้สมบูรณ์ พ่อแม่ตีกันและหย่ากันตั้งเเต่ผมอยู่ประถม ผมตัดสินใจเลือกที่จะอยู่กับพ่อเพราะผมคิดว่าอยู่กรุงเทพมันจะทำให้ให้ผมเข้าใกล้ความฝันมากกว่า ซึ่งผมว่าผมโชคดีมากนะที่ผมรู้ตัวเองว่าอนาคตอยากทำงานอะไรตั้งแต่อยู่ประถม ผมอยากขอบคุณรายการซุปเปอร์จิ๋วกับเจ้าขุ่นทองเเละช่อง9การ์ตูนจริงๆที่ทำให้ผม โตมาท่ามกลางความพินาศของครอบครัวแต่ผมก็โตมาได้โดยที่ไม่เป็นเด็กมีปัญหา
วันเวลาผ่านไปจากประถมสู่ ม.ต้น และ ม.ปลาย หลายคนคงนึกได้ว่าผมต้องเป็นเด๋กกิจกรรมแน่ๆ ใช่ครับผมเป็นเด็กกิจกรม เรียนสายวิทย์คณิต พอผ่านๆซ่อมบ้างตกบ้างตามประสา เกรดตั้งแต่เรียนมาไม่เคยเกิน 2.75 แต่กิจกรรมดีเด่นเป็นที่รักของครูและเพื่อนๆน้องๆ ด้วยที่โรงเรียนไม่ได้ดังเป็นโรงเรียนเล็กๆผมก็จึงทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองมีประสบการณ์และอยากเห็นโรงเรียนตัวเองดีขึ้น จนในที่สุดเราก็มี ศูนย์เพื่อนใจวันรุ่นเป็นของตัวเอง
ทุกอย่างเหมือนจะดูดีใช่ป่ะ แต่ความจริงคือไม่เลย
เวลาผมอยู่บ้านกับพ่อทุกอย่างจะตรงกันข้ามกับที่โรงเรียน ที่บ้านทำธุรกิจซ่อมล้อเเม็กซ์เเละขาย ทำกันมาตั้งแต่ผมยังไม่เกิด ผมโตมากับมัน ล้อทุกวงทุกลายผ่านมือผมมาหมดเเล้ว แต่ทั้งหมดมันคือการบังคับให้ทำ โดนตีบ้าง โดนด่าบ้าง เชื่อมั้ยผมแทบไม่อยากกลับบ้านเลยเพราะกลับไปก็เจอแต่เรื่องแบบนี้ วันนึงคุยกับพ่อแค่ไม่กี่คำคือ ขอเงินไปเรียนแค่นี้จริงๆ
สาเหตุทั้งหมดอาจมีหลายอย่าง ด้วยทั้งพ่อและแม่ต่างมีครอบครัวใหม่ แต่พ่อหนักกว่าตรงที่ มีใหม่แล้ว มีใหม่อีก แต่ผมเฉยๆนะเพราะเเม่ใหม่ผมทุกคนเค้าเกรงใจผมและนิสัยดี แต่เเรกๆก็รับไม่ได้นะ เป็นคุณจะรู้สึกยังใง ตอนนั้นอยู่ป.6 พ่อเริ่มเปลี่ยนไปไม่ไม่มาข้างเย็นด้วยกันนานเป็นเดือนๆ ข้างบ้านก็ชอบมาถามว่า ถ้าพ่อมีแม่ใหม่จะทำยังใง ผมก็ตอบตามประสาไปว่าจะเอามีดฟัน เค้าก็หัวเราะ หลายเดือนผ่านไปพ่อพาผมและลูกจ้างทั้งหมดไปเที่ยวปีใหม่หน้าหนาวต่างจังหวัดกับครบครัวคนข้างบ้านแบบชิลๆ ผมดีใจมาก แต่หารู้ไม่ ค่ำคืนอันเจ็บปวดจะมาเยือน คืนปีใหม่ตอนนั้นเค้ามีการกินเลี้ยงกันใหญ่โตท่ามกลางความหนาวมีผู้คนที่ผมไม่รู้จักมางานเลี้ยงกันมากมาย ผมก็งงๆ กินเลี้ยงปีใหม่ทำไมคนเยอะจังบ้านหลังเล็กนิดเดียวแต่คนมาเพียบเลย ผมเลยไปถามคนข้างบ้านว่านี้มันงานอะไรกันแน่ คำตอบที่ได้คือ เอ๊าๆๆๆ ไม่รู้เหรอก็งานแต่งพ่อใง
เท่านั้นล่ะ เงิบเลย โลกหยุดหมุน ทำไมเด็กป.6อย่างผมต้องเจอเรื่องเเบบนี้ พี่ชายที่ผมรู้จักเห็นผมท่าไม่ดีเลยรีบพอออกจากงานไปพักสติบนดอยทันที แล้วมีคำนึงที่ผมจำได้ที่พี่ๆคุยกับคนอื่นคือ เฮียแกก็เก่งเนอะหลอกลูกตัวเองได้มาถึงขนาดนี้
ทั้งหมดนี้ก็คือจุดเริ่มต้นของการห่างเหินโดยไม่ต้องออกเสียง
พอผมเริ่มโตผมกับพ่อก็ยิ่งมีปากเสียงกันมากขึ้น ผมอยากไปเรียนทุกวันอยากทำงานที่รักทุกวันอยากทำกิจกรรมทุกอย่าง เพื่อชดเชยสิ่งที่ผมขาด
เเต่ความจริงคือไม่เลย ผมเรียนจบมหาลัย ผมโตพอที่จะคุยกับพ่อเเบบตรงๆ เราเถียงกันเเรงมากขึ้นขั้นไล่ผมออกจากบ้าน เพราะเค้าเถียงผมแพ้ เค้าบอกส่งผมไปเรียนเพื่อมาต่อยอดธุรกิจที่บ้าน เค้าชอบเอาคนอื่นมาเทียบกับผมทุกครั้งที่เราคุยกัน ผมไม่ไหวผมเลยระเบิดลงมันวันนั้น ลึกๆผมรักพ่อมากนะแต่ผมก็อยากทำงานในสิ่งที่ผมรักเเละเรียนมา ตอนผมเรียนทำรายการทำหนังผมมีความสุขมากผมอยู่กับมันยันเช้าได้ แต่ผมอยู่กับธุรกิจที่บ้านไม่ได้ผมไม่มีความเป็นตัวเองเลย
ผมบอกพ่อไปว่า ใช่เงินมันสำคัญ แต่มันสำคัญกว่ามั้ยถ้าเราได้ทำงานที่เรารักไปเรื่อยๆทุกวัน เหมือนที่พ่อชอบงานของพ่อใง
พ่อผมไม่มีความมั่นใจในอาชีพสายนิเทศศาลตร์เลย
ผมเดินทางไปสมัครงานพร้อมเเนบผลงานเก๋ๆไปกว่าเกือบ20ทีที่คิดว่าอยากทำ มันเหนื่อยมากเหมือนในหนังเลยเดินริมถนนรอคิวสมัครงาน ขึ้นรถเมล์ อดมื้อกินมื้อ หางาน เพื่อทำให้พ่อเห็นว่าผมทำได้โดยที่ไม่ขอเงินเค้ามากมาย
ผมทำได้ผมได้ฝึกงานเป็นCoproducer กับช่องข่าวชื่อดัง ผมสนุกมากได้ทำในสิ่งที่ห้องเรียนไม่มี ต่อมาหลังจากเร่ร่อนสมัครงานไปนานผมก็ได้เป็น Creative กับบริษัทใหญ่ช่องขายสินค้าชื่อดังช่องนึง ที่นี้ได้ฝึกผมเยอะมาก ทั้งวิธิคิดงาน การตลาด เเละงานโปรดักชั่น สดๆ ผมทำได้3เดือนเป็น3เดือนที่โหดมาก ผมไปเตรียมงานทุกวัน เสาร์อาทิตย์ก็ไป เพราะผมต้นทุนน้อยกว่าคนอื่น งานรายการสดผมจะพลาดไม่ได้ ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ครบ3เดือน พ่อผมเริ่มบ่นอยากได้คนมาช่วยงานที่บ้านแกเริ่มเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆ ผมก็ทำได้แค่พูดไรไม่ออกขอทำตามฝันก่อน
เเละแล้วก็มีพี่ที่ผมรู้จักโทรมาชวนไปทำงานด้วยที่ช่องดิจิตอลทีวีผมดีใจมาก เพราะโอกาสที่จะได้ทำรายการในฝันใกล้มาแล้วผมตอบตกลงไปเเบบไม่ต้องคิดเยอะเพราะผมคงไม่อยากทำรายการขายของไปตลอดชีวิตแน่ๆ พี่ที่โทรมาบอกให้รีบลาออกไวๆนะเราต้องการคุณมาก และจากไป
ผมจัดการลาออกจากที่เก่าเรียบร้อยท่ามกลางความเสียดายและคิดถึง ผมรักทุกคนที่ทำงานเก่ามากทุกคนนิสัยดีและสอนผมในหลายๆเรื่องๆ ที่สำคัญเงินเดือนดีด้วย
ผมมาหาพี่ที่ชวนไปช่องดิจิตอลช่องนั้น คดีพลิก ผมคิดว่าผมจะได้งานเลยแต่ผมต้องมานับ1สมัครงานใหม่โอเคจุดนี้เข้าใจ ว่าผมจะไม่ใช้เส้น เค้าต้องได้ผมเข้าทำงานด้วยความสามารถของผมผมเข้าไปสัมภาษณ์ ผมเล่าถึงความสามารถผมและประสบการณ์และความฝันของผม และแน่นอนพี่ที่ชวนผมมาทำงานเค้าก็เป็นคนสัมภาษณ์ผมด้วย ช่วงเวลานั้นเหมือนการออดิชั่น AF กับ TheStar มาก แต่ผมก็ผ่านมาได้ พร้อมคำตอบ
ถ้าสนใจแล้วจะติดต่อไป
ตอนนี้ผมกลายเป็นคนตกงานครับ แต่ผมสู้นะผมเริ่มไปสมัครงานใหม่ในที่ๆผมอยากไปเค้าสัมภาษณ์ผมเลย ชอบในสิ่งที่ผมเป็นและกล้าที่จะพูดแล้วก็จบด้วย
เเล้วจะติดต่อกลับไปนะ
วันเวลาผ่านไปเกือบ2อาทิตย์ ผมยังคงเร่ร่อนสมัครงาน จนในที่สุดพ่อก็เริ่มถามว่าไม่ไปทำงานเหรอ ผมโกหกไปว่าลาพัก แล้วก็เงียบ
วันนี้ผมก็ได้แต่คิดว่าจะเอาใงต่อดี จะเดินตามฝันเเล้วได้เงินเดือนน้อยๆ หรือกลับมาช่วยพ่อต่อยอดธุรกิจเเล้วเป็นนายตัวเอง
ผมเริ่มจำคำของพ่อได้ในตอนที่เราเถียงกัน
(เงินคือสิ่งที่จะทำให้เรามีความสุข)
ผมเริ่มกังวลมากตอนนี้ เพราะทุกเดือนถ้าผมทำงานตามฝันเงินเดือนหมื่น5ของผมก็จะต้องส่งน้องสาวที่อยู่กับแม่แล้วกำลังมาเรียนมหาลัยที่กรุงเทพด้วย
เเต่ถ้าผมเลือกที่จะช่วยธุรกิจที่บ้านผมจะทำได้ดีแค่ไหนแต่ผมก็กลัวว่าวันนึงพ่อจะจากไป แล้วทิ้งเหลือไว้กับกิจการที่บ้านที่ผมทำอะไรไม่เป็นเลย
เเต่เวลาเดียวกันผมก็อยากให้ชีวิตช่วงนึงของผมได้ทำสิ่งที่ผมรักก่อนบ้าง ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งของรายการทีวีดังๆบ้าง เกิดมาเเล้วขอได้ทำหน่อยเหอะ นี่คือสิ่งที่ผมคิด
ผมลังเลจริงๆ ผมไม่ชอบที่ผมเป็นแบบนี้เลย เพราะมันไม่ใช่ตัวผมเลย
เเต่ผมจะสู้นะ เวลาคงจะให้คำตอบที่ดี
ขอบคุณทุกคนที่อ่านนะครับ
ทำตามฝันกับช่วยธุรกิจครอบครัว ฉันก็เหนื่อยเป็นนะ
วันนี้เป็นอีกวันและคงเป็นวันสุดท้ายที่ผมต้องเลือกได้เเล้ว
ย้อนเรื่องราวไป3-5เดือนก่อน ผมเป็นเด็กเรียนจบนิเทศศาสตร์จบมาสดๆร้อนๆ ตอนนั้นในหัวมีแต่เราต้องมีงานตรงที่เราจบมาจะอะไรก็ได้ขอให้เกี่ยวกับนิเทศฯ พ่อกับแม่จะได้ไม่ผิดหวัง
ด้วยความที่ที่บ้านครอบครัวเราไม่ได้สมบูรณ์ พ่อแม่ตีกันและหย่ากันตั้งเเต่ผมอยู่ประถม ผมตัดสินใจเลือกที่จะอยู่กับพ่อเพราะผมคิดว่าอยู่กรุงเทพมันจะทำให้ให้ผมเข้าใกล้ความฝันมากกว่า ซึ่งผมว่าผมโชคดีมากนะที่ผมรู้ตัวเองว่าอนาคตอยากทำงานอะไรตั้งแต่อยู่ประถม ผมอยากขอบคุณรายการซุปเปอร์จิ๋วกับเจ้าขุ่นทองเเละช่อง9การ์ตูนจริงๆที่ทำให้ผม โตมาท่ามกลางความพินาศของครอบครัวแต่ผมก็โตมาได้โดยที่ไม่เป็นเด็กมีปัญหา
วันเวลาผ่านไปจากประถมสู่ ม.ต้น และ ม.ปลาย หลายคนคงนึกได้ว่าผมต้องเป็นเด๋กกิจกรรมแน่ๆ ใช่ครับผมเป็นเด็กกิจกรม เรียนสายวิทย์คณิต พอผ่านๆซ่อมบ้างตกบ้างตามประสา เกรดตั้งแต่เรียนมาไม่เคยเกิน 2.75 แต่กิจกรรมดีเด่นเป็นที่รักของครูและเพื่อนๆน้องๆ ด้วยที่โรงเรียนไม่ได้ดังเป็นโรงเรียนเล็กๆผมก็จึงทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองมีประสบการณ์และอยากเห็นโรงเรียนตัวเองดีขึ้น จนในที่สุดเราก็มี ศูนย์เพื่อนใจวันรุ่นเป็นของตัวเอง
ทุกอย่างเหมือนจะดูดีใช่ป่ะ แต่ความจริงคือไม่เลย
เวลาผมอยู่บ้านกับพ่อทุกอย่างจะตรงกันข้ามกับที่โรงเรียน ที่บ้านทำธุรกิจซ่อมล้อเเม็กซ์เเละขาย ทำกันมาตั้งแต่ผมยังไม่เกิด ผมโตมากับมัน ล้อทุกวงทุกลายผ่านมือผมมาหมดเเล้ว แต่ทั้งหมดมันคือการบังคับให้ทำ โดนตีบ้าง โดนด่าบ้าง เชื่อมั้ยผมแทบไม่อยากกลับบ้านเลยเพราะกลับไปก็เจอแต่เรื่องแบบนี้ วันนึงคุยกับพ่อแค่ไม่กี่คำคือ ขอเงินไปเรียนแค่นี้จริงๆ
สาเหตุทั้งหมดอาจมีหลายอย่าง ด้วยทั้งพ่อและแม่ต่างมีครอบครัวใหม่ แต่พ่อหนักกว่าตรงที่ มีใหม่แล้ว มีใหม่อีก แต่ผมเฉยๆนะเพราะเเม่ใหม่ผมทุกคนเค้าเกรงใจผมและนิสัยดี แต่เเรกๆก็รับไม่ได้นะ เป็นคุณจะรู้สึกยังใง ตอนนั้นอยู่ป.6 พ่อเริ่มเปลี่ยนไปไม่ไม่มาข้างเย็นด้วยกันนานเป็นเดือนๆ ข้างบ้านก็ชอบมาถามว่า ถ้าพ่อมีแม่ใหม่จะทำยังใง ผมก็ตอบตามประสาไปว่าจะเอามีดฟัน เค้าก็หัวเราะ หลายเดือนผ่านไปพ่อพาผมและลูกจ้างทั้งหมดไปเที่ยวปีใหม่หน้าหนาวต่างจังหวัดกับครบครัวคนข้างบ้านแบบชิลๆ ผมดีใจมาก แต่หารู้ไม่ ค่ำคืนอันเจ็บปวดจะมาเยือน คืนปีใหม่ตอนนั้นเค้ามีการกินเลี้ยงกันใหญ่โตท่ามกลางความหนาวมีผู้คนที่ผมไม่รู้จักมางานเลี้ยงกันมากมาย ผมก็งงๆ กินเลี้ยงปีใหม่ทำไมคนเยอะจังบ้านหลังเล็กนิดเดียวแต่คนมาเพียบเลย ผมเลยไปถามคนข้างบ้านว่านี้มันงานอะไรกันแน่ คำตอบที่ได้คือ เอ๊าๆๆๆ ไม่รู้เหรอก็งานแต่งพ่อใง
เท่านั้นล่ะ เงิบเลย โลกหยุดหมุน ทำไมเด็กป.6อย่างผมต้องเจอเรื่องเเบบนี้ พี่ชายที่ผมรู้จักเห็นผมท่าไม่ดีเลยรีบพอออกจากงานไปพักสติบนดอยทันที แล้วมีคำนึงที่ผมจำได้ที่พี่ๆคุยกับคนอื่นคือ เฮียแกก็เก่งเนอะหลอกลูกตัวเองได้มาถึงขนาดนี้
ทั้งหมดนี้ก็คือจุดเริ่มต้นของการห่างเหินโดยไม่ต้องออกเสียง
พอผมเริ่มโตผมกับพ่อก็ยิ่งมีปากเสียงกันมากขึ้น ผมอยากไปเรียนทุกวันอยากทำงานที่รักทุกวันอยากทำกิจกรรมทุกอย่าง เพื่อชดเชยสิ่งที่ผมขาด
เเต่ความจริงคือไม่เลย ผมเรียนจบมหาลัย ผมโตพอที่จะคุยกับพ่อเเบบตรงๆ เราเถียงกันเเรงมากขึ้นขั้นไล่ผมออกจากบ้าน เพราะเค้าเถียงผมแพ้ เค้าบอกส่งผมไปเรียนเพื่อมาต่อยอดธุรกิจที่บ้าน เค้าชอบเอาคนอื่นมาเทียบกับผมทุกครั้งที่เราคุยกัน ผมไม่ไหวผมเลยระเบิดลงมันวันนั้น ลึกๆผมรักพ่อมากนะแต่ผมก็อยากทำงานในสิ่งที่ผมรักเเละเรียนมา ตอนผมเรียนทำรายการทำหนังผมมีความสุขมากผมอยู่กับมันยันเช้าได้ แต่ผมอยู่กับธุรกิจที่บ้านไม่ได้ผมไม่มีความเป็นตัวเองเลย
ผมบอกพ่อไปว่า ใช่เงินมันสำคัญ แต่มันสำคัญกว่ามั้ยถ้าเราได้ทำงานที่เรารักไปเรื่อยๆทุกวัน เหมือนที่พ่อชอบงานของพ่อใง
พ่อผมไม่มีความมั่นใจในอาชีพสายนิเทศศาลตร์เลย
ผมเดินทางไปสมัครงานพร้อมเเนบผลงานเก๋ๆไปกว่าเกือบ20ทีที่คิดว่าอยากทำ มันเหนื่อยมากเหมือนในหนังเลยเดินริมถนนรอคิวสมัครงาน ขึ้นรถเมล์ อดมื้อกินมื้อ หางาน เพื่อทำให้พ่อเห็นว่าผมทำได้โดยที่ไม่ขอเงินเค้ามากมาย
ผมทำได้ผมได้ฝึกงานเป็นCoproducer กับช่องข่าวชื่อดัง ผมสนุกมากได้ทำในสิ่งที่ห้องเรียนไม่มี ต่อมาหลังจากเร่ร่อนสมัครงานไปนานผมก็ได้เป็น Creative กับบริษัทใหญ่ช่องขายสินค้าชื่อดังช่องนึง ที่นี้ได้ฝึกผมเยอะมาก ทั้งวิธิคิดงาน การตลาด เเละงานโปรดักชั่น สดๆ ผมทำได้3เดือนเป็น3เดือนที่โหดมาก ผมไปเตรียมงานทุกวัน เสาร์อาทิตย์ก็ไป เพราะผมต้นทุนน้อยกว่าคนอื่น งานรายการสดผมจะพลาดไม่ได้ ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ครบ3เดือน พ่อผมเริ่มบ่นอยากได้คนมาช่วยงานที่บ้านแกเริ่มเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆ ผมก็ทำได้แค่พูดไรไม่ออกขอทำตามฝันก่อน
เเละแล้วก็มีพี่ที่ผมรู้จักโทรมาชวนไปทำงานด้วยที่ช่องดิจิตอลทีวีผมดีใจมาก เพราะโอกาสที่จะได้ทำรายการในฝันใกล้มาแล้วผมตอบตกลงไปเเบบไม่ต้องคิดเยอะเพราะผมคงไม่อยากทำรายการขายของไปตลอดชีวิตแน่ๆ พี่ที่โทรมาบอกให้รีบลาออกไวๆนะเราต้องการคุณมาก และจากไป
ผมจัดการลาออกจากที่เก่าเรียบร้อยท่ามกลางความเสียดายและคิดถึง ผมรักทุกคนที่ทำงานเก่ามากทุกคนนิสัยดีและสอนผมในหลายๆเรื่องๆ ที่สำคัญเงินเดือนดีด้วย
ผมมาหาพี่ที่ชวนไปช่องดิจิตอลช่องนั้น คดีพลิก ผมคิดว่าผมจะได้งานเลยแต่ผมต้องมานับ1สมัครงานใหม่โอเคจุดนี้เข้าใจ ว่าผมจะไม่ใช้เส้น เค้าต้องได้ผมเข้าทำงานด้วยความสามารถของผมผมเข้าไปสัมภาษณ์ ผมเล่าถึงความสามารถผมและประสบการณ์และความฝันของผม และแน่นอนพี่ที่ชวนผมมาทำงานเค้าก็เป็นคนสัมภาษณ์ผมด้วย ช่วงเวลานั้นเหมือนการออดิชั่น AF กับ TheStar มาก แต่ผมก็ผ่านมาได้ พร้อมคำตอบ
ถ้าสนใจแล้วจะติดต่อไป
ตอนนี้ผมกลายเป็นคนตกงานครับ แต่ผมสู้นะผมเริ่มไปสมัครงานใหม่ในที่ๆผมอยากไปเค้าสัมภาษณ์ผมเลย ชอบในสิ่งที่ผมเป็นและกล้าที่จะพูดแล้วก็จบด้วย
เเล้วจะติดต่อกลับไปนะ
วันเวลาผ่านไปเกือบ2อาทิตย์ ผมยังคงเร่ร่อนสมัครงาน จนในที่สุดพ่อก็เริ่มถามว่าไม่ไปทำงานเหรอ ผมโกหกไปว่าลาพัก แล้วก็เงียบ
วันนี้ผมก็ได้แต่คิดว่าจะเอาใงต่อดี จะเดินตามฝันเเล้วได้เงินเดือนน้อยๆ หรือกลับมาช่วยพ่อต่อยอดธุรกิจเเล้วเป็นนายตัวเอง
ผมเริ่มจำคำของพ่อได้ในตอนที่เราเถียงกัน
(เงินคือสิ่งที่จะทำให้เรามีความสุข)
ผมเริ่มกังวลมากตอนนี้ เพราะทุกเดือนถ้าผมทำงานตามฝันเงินเดือนหมื่น5ของผมก็จะต้องส่งน้องสาวที่อยู่กับแม่แล้วกำลังมาเรียนมหาลัยที่กรุงเทพด้วย
เเต่ถ้าผมเลือกที่จะช่วยธุรกิจที่บ้านผมจะทำได้ดีแค่ไหนแต่ผมก็กลัวว่าวันนึงพ่อจะจากไป แล้วทิ้งเหลือไว้กับกิจการที่บ้านที่ผมทำอะไรไม่เป็นเลย
เเต่เวลาเดียวกันผมก็อยากให้ชีวิตช่วงนึงของผมได้ทำสิ่งที่ผมรักก่อนบ้าง ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งของรายการทีวีดังๆบ้าง เกิดมาเเล้วขอได้ทำหน่อยเหอะ นี่คือสิ่งที่ผมคิด
ผมลังเลจริงๆ ผมไม่ชอบที่ผมเป็นแบบนี้เลย เพราะมันไม่ใช่ตัวผมเลย
เเต่ผมจะสู้นะ เวลาคงจะให้คำตอบที่ดี
ขอบคุณทุกคนที่อ่านนะครับ