"เรื่องราวต่อไปนี้เขียนจากชีวิตจริง"
คำพูดจริง เหตุการณ์จริง ไม่มีเพิ่มเติมหรือลดตอนลง อาจจะไม่ครบเน้นเฉพาะเหตุสำคัญที่จำได้
ไม่มีการยกตัวว่าผิดหรือถูก หรือคนอื่นดีหรือเลว
ขอให้ท่านพิจารณาเองเถิด
บทที่1
วันศุกร์ ที่ 30 พฤษภาคม 2557 เวลา 23.08 น
เสียงสายซ้อนดังขึ้น บีรีบมองหน้าจอมือถือ ขณะกำลังคุยกันกับเพื่อน รีบบอกปลายสายว่ารอสักครู่นะขอรับสายซ้อนก่อน ปลายสายที่โทรมาคือบอสใหญ่ฝ่ายดูแลดีเจทั่วประเทศ หลังจากทักทายกันตามประสาหัวหน้าลูกน้อง สักพักคำนี้ก็หลุดออกมาจากปากของหัวหน้า บี ไปเขียนใบลาออกนะวันเสาร์ให้ทำงานวันสุดท้าย บีตกใจแต่ยังใจดีสู้เสือ ก็มีแต่บอกว่าค่ะได้ๆ จากนั้นก็คุยกันอยุ่สักพักนึง พร้อมกับขอเหตุผล บีได้เหตุผลมาว่า เป็นตัววุ่นวาย ชอบพูดให้คนอื่นทะเลาะกัน จนคนอื่นๆทนไม่ได้จะขอลาออก แต่ทางผู้ใหญ่เลือกที่จะเอาคนอื่นไว้ และเอาบีออก....
1.1
วันที่29พฤษภาคม2557 เวลา 13.05 น
วันนี้มีประชุมที่สถานี เรื่องราวต่างๆเกิดจากจุดนี้ จุดที่เราเองคาดไม่ถึง กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเวลานี้ ด้วยการประชุม คำแรกที่ได้ยินเหมือนระเบิดลง เมื่อเพื่อนร่วมงานชื่อ อุ้ อุบลรัต สังฆะกาโร เปิดหัวด้วยเรื่องการแกะจดหมาย ย้อนกับไปวันเสาร์ก่อนหน้านี้มีจดหมายมาสองฉบับ บีเป็นคนไปรับจดหมายและนำมาให้คุณอุ้ เพราะ1ในนั้น เป็นชื่อ ของคุณอุ้ อีกซองเป็นของดีเจปอนด์ บียื่นจดหมายให้พร้อมการพูดคุยตามประสาเพื่อนร่วมงาน ตกเย็นจดหมายอีกซองของดีเจปอนด์ถูกแกะ บีเป็นคนเห็น ด้วยคิดว่าดีเจอุ้ เป็นแกะ เลยเขียาใส่จดหมายว่า ชั้นไม่ได้แกะนะยายอุ้เป็นคนแกะ อย่าเข้าใจผิด เจตนาตอนนั้นคือไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้จะเจาะจงกล่าวหาใดๆทั้งสิ้น เพราะดีเจอีกคน เป็นคนที่โลกส่วนตัวสูง ไม่สุงสิงไม่คุยกับใคร ถ้าเวลานางคุย นางจะเสียงดังหน้าบึ้งๆ เลยไม่มีใครกล้าข้องแวะเท่าไหร่ ในที่ประชุมวันนั้นบีได้ลุกขึ้นขอโทษที่เขียนไป ไม่ได้คิดว่าจะเป็นการใส่ร้ายเลยและบอกเจตนาเราไป แต่เขาสองคนแทคทีมกันมาเพื่อจะโค่นเราลงจากอาชีพจริงๆ เค้าบอกว่าถ้าไม่มีเจตนาทำไมต้องเขียน ทำไมต้องระบุชื่อ (เออมันก็จริงของเขา) ตรงนี้เรายอมรับผิดแต่เราไม่ยอมรับในเจตนาที่เขามองว่าเราคิด เรื่องที่สองต่อมาคือ เรื่องการพูดจา คือต้องออกตัวก่อน เราเป็นคนสนุกชีวิตไม่ค่อยซีเรียส คือพูดแล้วจบ เน้นเอาฮา ไร้สาระในคำพูด ไม่คิดร้ายกับใครทั้งนั้น แต่ ย้อนกลับไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวก่อนหน้า หนึ่งเดือน พี่อุ้ เรากลับบ้านช่วงสงกรานต์พร้อมกันมั้ยพี่ห่านก้อให้ทำเทปแล้วเราจะได้ประหยัดเงินค่าน้ำมันเดี๋ยวช่วย บีถาม ไม่เอาหรอกพี่จะกลับหลังสงกรานต์ พี่อุ้ตอบ อุ้ยทำไมงกจังขี้เหนียวกับน้องแบบนี้นะ บีแซว แล้วก้อทานต่อ เรื่องนี้ถูกนำมาคุยในที่ประชุมเช่นกัน มาต่อกันที่ ดีเจปอนบ้าง บีเริ่มมาทำงานที่นี่ใหม่ๆตอนเดือนมกราคม 2557 ก่อนหน้านี้บีซัพพอตค่าเครื่องบินให้ทุกคนในสถานีให้ทุกคน โดยที่บีเองยังทำงานที่เดิม คือ ที่นครพนม แต่ทุกคนอยุ่อุดร คือที่ทำงานใหม่ แต่เราเคยมาทำความรุ้จักกันแล้ว ด้วยความที่บีเคยช่วยเหลือ เคยขายแทปเลตให้ เคยให้ยืมเงินไปปะล้อรถกับดีเจปอนด์ เราก้อคิดว่าเขาคงสนิทกับเ่ราเป็นเพื่อนเราแล้ว เลยแซวในไลน์ไป ด้วยคำแบบเพื่อนๆว่า

เคียว ทำไร วันต่อมา เขามาวีน มาว่า บีเองก้อรุ้เลยว่าคงเล่นไม่ได้หยอกเหมือนเพื่อนเก่าๆเราไม่ได้แน่ๆ จึงขอโทดเขาและจบไปแต่เรื่องนี้ก้อถูกนำมาในที่ประชุมทั้งๆที่ผ่านมาแล้ว 5 เดือน บทสรุปของการประชุมคือ ดีเจสองคนนี้ไม่ขอร่วมงานกับบี ไม่ขออยู่จะขอลาออก ถ้าบีอยุ่เขาจะไป ถ้าบีไปเขาจะอยุ่ ลืมไป ว่าบีเองมีเพื่อนสนิทมากๆอีกสามคน ที่นิสัยใจคอแบบเดียวกัน แต่ ณ เวลานั้น ไม่มีใครพูดอะไรเพื่อให้เป๋็นสัญลักษณ์ว่าเขา คิดอย่างไรเลย นี่เป็นต้นเหตุให้เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น....
เช้าวันเสาร์ บีมาเขียนใบลาออก ผจก ถามว่าพี่นึกว่าจบแล้วนะ ทำไมยังต้องมาเซ็นอีก ทำไมอ่ะ?(ติดตามตอนต่อไป)นั่นสิพี่ก็วันประชุมบีเองก็ขอโทษเขาไปแล้ว พี่ห่านก็โทรมาเคลียแล้ว นี่กะจะเล่นกันให้ไม่มีที่ยืนเลยเหรอ ...
บทที่ 2
เที่ยงวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม 2557
บีเข้ามาทำงานมาจัดรายการวันสุดท้ายหลังจากเขียนใบลาออกเมื่อวาน เชื่อมั้ย คนที่คิดว่าสนิทที่สุดไปไหนมาไหนด้วยกัน กินด้วยกัน วันนี้ไม่มีแม้แต่เงา ไม่รู้หายไปไหน คนที่เคยบอกว่าถ้าบีออกผมก็ออก ก็จะลาออกด้วยกันหมดนี่แหล่ะ บีได้ยินคำนี้บีก็รู้สึกดีใจมากๆว่ายังมีเพื่อน แต่วันนี้พอได้รู้ว่าบีลาออกหรือถูกปลดจากงาน ไม่มีใครเลย น้อยใจเหมือนกันเนาะ แต่ช่างเถอะเขาก็คงมีเหตุผลของเค้าแหล่ะ วันนี้จัดรายการเป็นวันสุดท้าย ใจหายเหมือนกันนะตลอดระยะเวลา 7 ปีบนเสี้นทางสายวิทยุ มาสิ้นสุดลงที่นี่ บริษัท ฟาติมาบรอดคาสติ้งอินเตอเนชั่นแนล จำกัด โดย พี่ณัฐชัย เสาวภาคไพศาล และเพื่อนร่วมงานที่ชื่อ อุ้ อุบลรัต สังฆะกาโร ปอนด์ ระพีภัทร จงกลด.......
เช้าวันอาทิตย์น้องสาวมาจากยโสธรมาขนของกลับบ้าน แต่เช้าเลย ส่วนคนที่บอกจะมาช่วยขนหรืออาสาจะมาขนให้ อย่าพูดเลย หายเงียบ
พอขนของเสร็จก็ไปจ่ายค่าน้ำไฟ 388 บาท และแวะไปรับน้องหมาพันโกลเด้นทรีฟเวอร์ กลับบ้านด้วยหนึ่งตัวชื่อ คะน้า

กว่าจะถึงบ้านเล่นไปสามทุ่ม สงสารน้องเหมือนกันนะไม่ต้องทำอะไร มาเหนื่อยแต่กับพี่ตลอดเลย เส้นทางการเป็นดีเจจะว่าไปได้มาเพราะความบังเอิญก็ไม่ใช่ แต่อันที่จริงมันก็ใช่ มานั่งทบทวนย้อนหลังเส้นทางสายนี้มันก็มายาเหมือนกันนี่นะ มีคนทึกรูปแบบทั้ง ฆ่าน้อง ฟ้องนาย อยู่กันด้วยความลำบากแต่กว่าจะผ่านมา7ปี มันก็เหนื่อยนะ ทั้งล้ม ทั้งคลาน แต่มีคราวนี้แหล่ะ หนักหนาสาหัสมากในชีวิต และคิดว่าจะยุติบทบาทหน้าไมค์สักที
ในวันที่ฉัน...ตกงาน
"เรื่องราวต่อไปนี้เขียนจากชีวิตจริง"
คำพูดจริง เหตุการณ์จริง ไม่มีเพิ่มเติมหรือลดตอนลง อาจจะไม่ครบเน้นเฉพาะเหตุสำคัญที่จำได้
ไม่มีการยกตัวว่าผิดหรือถูก หรือคนอื่นดีหรือเลว
ขอให้ท่านพิจารณาเองเถิด
บทที่1
วันศุกร์ ที่ 30 พฤษภาคม 2557 เวลา 23.08 น
เสียงสายซ้อนดังขึ้น บีรีบมองหน้าจอมือถือ ขณะกำลังคุยกันกับเพื่อน รีบบอกปลายสายว่ารอสักครู่นะขอรับสายซ้อนก่อน ปลายสายที่โทรมาคือบอสใหญ่ฝ่ายดูแลดีเจทั่วประเทศ หลังจากทักทายกันตามประสาหัวหน้าลูกน้อง สักพักคำนี้ก็หลุดออกมาจากปากของหัวหน้า บี ไปเขียนใบลาออกนะวันเสาร์ให้ทำงานวันสุดท้าย บีตกใจแต่ยังใจดีสู้เสือ ก็มีแต่บอกว่าค่ะได้ๆ จากนั้นก็คุยกันอยุ่สักพักนึง พร้อมกับขอเหตุผล บีได้เหตุผลมาว่า เป็นตัววุ่นวาย ชอบพูดให้คนอื่นทะเลาะกัน จนคนอื่นๆทนไม่ได้จะขอลาออก แต่ทางผู้ใหญ่เลือกที่จะเอาคนอื่นไว้ และเอาบีออก....
1.1
วันที่29พฤษภาคม2557 เวลา 13.05 น
วันนี้มีประชุมที่สถานี เรื่องราวต่างๆเกิดจากจุดนี้ จุดที่เราเองคาดไม่ถึง กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเวลานี้ ด้วยการประชุม คำแรกที่ได้ยินเหมือนระเบิดลง เมื่อเพื่อนร่วมงานชื่อ อุ้ อุบลรัต สังฆะกาโร เปิดหัวด้วยเรื่องการแกะจดหมาย ย้อนกับไปวันเสาร์ก่อนหน้านี้มีจดหมายมาสองฉบับ บีเป็นคนไปรับจดหมายและนำมาให้คุณอุ้ เพราะ1ในนั้น เป็นชื่อ ของคุณอุ้ อีกซองเป็นของดีเจปอนด์ บียื่นจดหมายให้พร้อมการพูดคุยตามประสาเพื่อนร่วมงาน ตกเย็นจดหมายอีกซองของดีเจปอนด์ถูกแกะ บีเป็นคนเห็น ด้วยคิดว่าดีเจอุ้ เป็นแกะ เลยเขียาใส่จดหมายว่า ชั้นไม่ได้แกะนะยายอุ้เป็นคนแกะ อย่าเข้าใจผิด เจตนาตอนนั้นคือไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้จะเจาะจงกล่าวหาใดๆทั้งสิ้น เพราะดีเจอีกคน เป็นคนที่โลกส่วนตัวสูง ไม่สุงสิงไม่คุยกับใคร ถ้าเวลานางคุย นางจะเสียงดังหน้าบึ้งๆ เลยไม่มีใครกล้าข้องแวะเท่าไหร่ ในที่ประชุมวันนั้นบีได้ลุกขึ้นขอโทษที่เขียนไป ไม่ได้คิดว่าจะเป็นการใส่ร้ายเลยและบอกเจตนาเราไป แต่เขาสองคนแทคทีมกันมาเพื่อจะโค่นเราลงจากอาชีพจริงๆ เค้าบอกว่าถ้าไม่มีเจตนาทำไมต้องเขียน ทำไมต้องระบุชื่อ (เออมันก็จริงของเขา) ตรงนี้เรายอมรับผิดแต่เราไม่ยอมรับในเจตนาที่เขามองว่าเราคิด เรื่องที่สองต่อมาคือ เรื่องการพูดจา คือต้องออกตัวก่อน เราเป็นคนสนุกชีวิตไม่ค่อยซีเรียส คือพูดแล้วจบ เน้นเอาฮา ไร้สาระในคำพูด ไม่คิดร้ายกับใครทั้งนั้น แต่ ย้อนกลับไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวก่อนหน้า หนึ่งเดือน พี่อุ้ เรากลับบ้านช่วงสงกรานต์พร้อมกันมั้ยพี่ห่านก้อให้ทำเทปแล้วเราจะได้ประหยัดเงินค่าน้ำมันเดี๋ยวช่วย บีถาม ไม่เอาหรอกพี่จะกลับหลังสงกรานต์ พี่อุ้ตอบ อุ้ยทำไมงกจังขี้เหนียวกับน้องแบบนี้นะ บีแซว แล้วก้อทานต่อ เรื่องนี้ถูกนำมาคุยในที่ประชุมเช่นกัน มาต่อกันที่ ดีเจปอนบ้าง บีเริ่มมาทำงานที่นี่ใหม่ๆตอนเดือนมกราคม 2557 ก่อนหน้านี้บีซัพพอตค่าเครื่องบินให้ทุกคนในสถานีให้ทุกคน โดยที่บีเองยังทำงานที่เดิม คือ ที่นครพนม แต่ทุกคนอยุ่อุดร คือที่ทำงานใหม่ แต่เราเคยมาทำความรุ้จักกันแล้ว ด้วยความที่บีเคยช่วยเหลือ เคยขายแทปเลตให้ เคยให้ยืมเงินไปปะล้อรถกับดีเจปอนด์ เราก้อคิดว่าเขาคงสนิทกับเ่ราเป็นเพื่อนเราแล้ว เลยแซวในไลน์ไป ด้วยคำแบบเพื่อนๆว่า
เช้าวันเสาร์ บีมาเขียนใบลาออก ผจก ถามว่าพี่นึกว่าจบแล้วนะ ทำไมยังต้องมาเซ็นอีก ทำไมอ่ะ?(ติดตามตอนต่อไป)นั่นสิพี่ก็วันประชุมบีเองก็ขอโทษเขาไปแล้ว พี่ห่านก็โทรมาเคลียแล้ว นี่กะจะเล่นกันให้ไม่มีที่ยืนเลยเหรอ ...
บทที่ 2
เที่ยงวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม 2557
บีเข้ามาทำงานมาจัดรายการวันสุดท้ายหลังจากเขียนใบลาออกเมื่อวาน เชื่อมั้ย คนที่คิดว่าสนิทที่สุดไปไหนมาไหนด้วยกัน กินด้วยกัน วันนี้ไม่มีแม้แต่เงา ไม่รู้หายไปไหน คนที่เคยบอกว่าถ้าบีออกผมก็ออก ก็จะลาออกด้วยกันหมดนี่แหล่ะ บีได้ยินคำนี้บีก็รู้สึกดีใจมากๆว่ายังมีเพื่อน แต่วันนี้พอได้รู้ว่าบีลาออกหรือถูกปลดจากงาน ไม่มีใครเลย น้อยใจเหมือนกันเนาะ แต่ช่างเถอะเขาก็คงมีเหตุผลของเค้าแหล่ะ วันนี้จัดรายการเป็นวันสุดท้าย ใจหายเหมือนกันนะตลอดระยะเวลา 7 ปีบนเสี้นทางสายวิทยุ มาสิ้นสุดลงที่นี่ บริษัท ฟาติมาบรอดคาสติ้งอินเตอเนชั่นแนล จำกัด โดย พี่ณัฐชัย เสาวภาคไพศาล และเพื่อนร่วมงานที่ชื่อ อุ้ อุบลรัต สังฆะกาโร ปอนด์ ระพีภัทร จงกลด.......
เช้าวันอาทิตย์น้องสาวมาจากยโสธรมาขนของกลับบ้าน แต่เช้าเลย ส่วนคนที่บอกจะมาช่วยขนหรืออาสาจะมาขนให้ อย่าพูดเลย หายเงียบ
พอขนของเสร็จก็ไปจ่ายค่าน้ำไฟ 388 บาท และแวะไปรับน้องหมาพันโกลเด้นทรีฟเวอร์ กลับบ้านด้วยหนึ่งตัวชื่อ คะน้า
กว่าจะถึงบ้านเล่นไปสามทุ่ม สงสารน้องเหมือนกันนะไม่ต้องทำอะไร มาเหนื่อยแต่กับพี่ตลอดเลย เส้นทางการเป็นดีเจจะว่าไปได้มาเพราะความบังเอิญก็ไม่ใช่ แต่อันที่จริงมันก็ใช่ มานั่งทบทวนย้อนหลังเส้นทางสายนี้มันก็มายาเหมือนกันนี่นะ มีคนทึกรูปแบบทั้ง ฆ่าน้อง ฟ้องนาย อยู่กันด้วยความลำบากแต่กว่าจะผ่านมา7ปี มันก็เหนื่อยนะ ทั้งล้ม ทั้งคลาน แต่มีคราวนี้แหล่ะ หนักหนาสาหัสมากในชีวิต และคิดว่าจะยุติบทบาทหน้าไมค์สักที