เรื่องราวในกระทู้นี้เป็นเรื่องของคุณ Phaichith ซึ่งเป็นคนลาว
ผมได้ขออนุญาติคุณ Phaichith นำมาโพสลงพันทิปเพื่อเล่าต่อให้เพื่อนๆอ่านกัน
(คุณ Phaichith สมัครพันทิปไม่ได้ เพราะต้องยืนยันตัวบุคคลด้วยบัตรประชาชน ผมคิดว่าทางพันทิปน่าจะมีช่องทางสำหรับชาวต่างชาติบ้างก็ดีนะครับ)
ผมเคยตั้งกระทู้บอกเล่าเรื่องราวของผมแล้วครั้งหนึ่งที่โพสต์จังเมื่อสองปีที่แล้วแต่ตอนนั้นผมบอกแค่ว่า ผมเป็นเกย์เมียกำลังคลอดลูก
ได้กำลังใจตอบรับดีมาก ขอบคุณอีกครั้งนะครับ(กราบ)... แต่ตอนนั้นผมยังไม่ได้หย่ากับเมียครับ
กำลังจะด่าผมใช่มั้ยครับว่าทำไมผมถึงแต่งงานทั้งที่เป็นเกย์ ไม่สงสารผู้หญิงบ้างเหรอ ไม่สงสารลูกบ้างเหรอ ??
ก่อนอื่นต้องขอบอกล่วงหน้าก่อนนะครับว่าสิ่งที่ผมจะเล่ามาทั้งหมดนี้คือเรื่องจริงทุกประการ คือผมมีพี่น้องร่วมท้องพ่อแม่เดียวกัน 9 คน
เสียชีวิตหนึ่งคนครับ ผมเป็นลูกคนที่8 ผมมีน้องสาวคนหนึ่งและพี่สาว 6 คน พ่อแม่เล่าให้ฟังว่าพี่ชายผมเสียตอนอายุ 2 ขวบ
ตอนนั้นผมอยู่ในท้องแม่ได้ 8 เดือน หลังจากที่พี่ชายผมเสียสรุปว่าผมเป็นลูกคนเดียวที่เป็นผู้ชาย
พ่อเล่าให้ฟังว่าผมอายุได้สองขวบ ผมก็เจ็บป่วยตลอด ถึงขั้นต้องพาเข้าวัดเพื่อให้หลวงพ่อรับขวัญเป็นลูกตามความเชื่อของคนลาว
(บ้านผมเป็นบ้านนอกครับ) จากนั้นมาผมก็ไม่ค่อยเจ็บป่วยอีก จนผมอายุได้หกขวบเข้าโรงเรียน ป.1 ผมก็เริ่มเจ็บป่วยอีก
ผมนอนป่วยอยู่สี่เดือนรักษาไม่หายขาดสักที พ่อกับแม่เห็นว่าท่าไม่ไหวก็เลยไปพึ่งไสยศาตร์ เป็นหมอที่มีชื่อเสียงในหมู่บ้านในตอนนั้น
หมอก็พูดประมาณว่าดวงของพ่อแม่ผมเลี้ยงลูกผู้ชายไม่เกิด ผมอาจจะไม่รอด ก็แปลกนะ พี่น้องผมอีก 7 คนก็ไม่ค่อยเจ็บป่วย
พ่อผมก็เลยเชื่อและให้ผมไปบวซที่วัดกับหลวงพ่อ จำได้ตอนนั้นผมไม่อยากไปเลย ตอนบวซอาทิตย์แรกๆผมกลับมาเยี่ยมบ้านตลอด
ผมนอนร้องให้ทุกคืน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ แต่นานๆไปก็เริ่มชิน
ผมบวชเรียนจนจบประถม ตอนนั้นผมอายุได้ 12 ปี ผมก็ต้องย้ายเข้ามาเรียนมัธยมที่วัดในเมือง เพราะที่วัดบ้านผมมีแค่ชั้นประถม
ผมเรียนจบ ม.1 ผมก็สึกครับ ผมไม่อยากกลับบ้านแล้ว ผมเรียน ม.2 แล้วอาศัยอยู่ที่วัด ผมมีความสุขดีครับตอนนั้น
วัดกลายเป็นบ้านของผมไปแล้ว นานๆที่จะได้กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้านนอก แต่ท่านก็มาเยี่ยมผมบ่อยนะ พอจบ ม.3
ผมก็ต้องไปเรียนม.ปลายที่สายนอก (ก็คือไม่ได้เรียนในวัด เป็นโรงเรียนสามัญ ตอนนั้นโรงเรียนในวัดมีแค่ ม.3)
โรงเรียนใหม่ผมห่างจากวัดกิโลกว่าๆต้องเดินไป ตอนนั้นผมไม่มีมอไชค์แต่ผมก็เดินไปคนเดียวทุกวันนะ
ยอมรับว่าบางวันก็ขี้เกียจเดิน ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบง่าย.
จนมีโยมแก่คนนึ่งที่เขามาทำบุญประจำ ท่านเกิดเอ็นดูผม ผมไม่รู้นะว่าท่านคุยกับหลวงพ่อมาพักนึ่งแล้วเรื่องผม
หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่าท่านชมผมให้หลวงพ่อฟังว่ามีสำมาคาระวะรู้จักวางตัวกับผู้ใหญ่ ผมยอมรับว่าผมก็ถูกชะตากับท่านเหมือนกัน
(แต่แบบแม่-ลูกนะครับ อย่าเข้าใจผิด) ท่านเคยคุยกับผมว่าพักที่บ้านแม่มั้ย (ท่านถือเหมือนผมเป็นลูก) มันจะใกล้โรงเรียนกว่า
ผมก็นึกว่าท่านพูดเล่น แต่พอได้คุยกับท่านอีกทีและก็ได้มีโอกาสไปเล่นที่บ้านท่าน ทำให้ผมชอบมาก ท่านอยู่กับหลานสาวสองคน
สามีท่านเสียได้ปีกว่าๆแล้ว ท่านบอกว่าบ้านนี้ไม่มีผู้ชายและมันก็ไม่ปลอดภัยเพราะมันอยู่ในเมือง ลูกท่านสองคนเสียตั้งแต่ยังเล็ก
ถ้ายังมีชีวิตก็จะอายุประมาณผมนี่แหละ ผมเลยเขียนจดหมายไปปรึกสาทางบ้านผม (ตอนนั้นปี 1999 แถวบ้านผมยังไม่ได้ใช้โทรศัพ)
พ่อแม่ก็ให้ผมเลือกเองถ้าผมคิดว่าดีท่านก็ไม่ว่าอะไร
ผมเลยตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่นี่ในเวลาต่อมาเพราะหลานสาวที่อยู่กับท่านก็ดูเข้ากับผมได้ดีทีเดียว แต่ผมนับถือเขาเหมือนพี่สาวคนนึ่ง
เขาอายุมากกว่าผมสี่ปี และทำงานแล้ว ส่วนผมตอนนั้นเรียน ม.4 ช่วงแรกๆ
ผมก็อยู่แบบอึดอัดเพราะยังไม่คุ้นเคยแต่ดีที่มีรถมอไชค์ขี่ไปเรียน
ผมช่วยงานที่บ้านทุกอย่างแบบไม่ขี้เกียจเลย เพราะผมเคยอยู่วัดมาก่อน รดน้ำต้นไม้, ตัดหญ้า, ทำอาหาร...
ทำให้ผมเข้ากับคนในบ้านได้ดีมาก พอผมเรียน ม.5 แม่เลี้ยงผมก็รับหลานมาเลี้ยงอีกคน เป็นผู้หญิง เขามาเรียน ม.2 ที่นี่ตอนนี้บ้านเรามีกันสี่คน
ตอนนั้นผมเพิ่งจะรู้จักจีบสาวครับ ขอย้ำนะครับว่าเป็นผู้หญิง เพื่อนของน้องสาวก็ใช่ย่อย มาบ้านผมทีไรมักจะมาแชวให้ผมอายตลอด
พูดประมาณว่า “พี่ชายแกให้ฉันจองนะ” อะไรทำนองนี้... สงสัยเขาเห็นผมเป็นคนขี้อาย ตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองชอบผู้หญิงนะ
แต่ก็แปลกว่าทำไมถึงชอบมองผู้ชายหล่อๆเหมือนกัน (แต่ผมไม่ได้เป็นคนหื่นนะ) และผมก็มีแฟนแล้วด้วย เธอน่ารักมาก
ช่วยเหลือผมทุกอย่างเลย ผมเคยพามาที่บ้าน 2ครั้ง แต่รู้สึกว่าแม่เลี้ยงผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ผมก็เลยไม่พามาอีกเลย
ผมคบเธออยู่สองปีครับ พูดแบบไม่อายเลยครับว่าเราได้เสียกันตอนเปิดเทีมตอนอยู่ ม.6 ไม่ได้เมาอะไรทั้งนั้นครับ
เป็นความตั้งใจของเราทั้งสองคน ผมยอมรับนะว่าตอนนั้นผมก็ยังรู้สึกดีกับผู้หญิง จนเข้าเทีมที่สองตอนอยู่ ม.6 มีเกย์คนนึงมาชอบผม
ตอนนั้นผมตื่นเต้นมากแบบไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะปกติจะไม่มีเพศที่สามมาชอบผมเลย จะมีก็แต่สาวๆ
ผมก็ไม่เข้าใจ เพื่อนผมบางคนจีบสาวไม่ค่อยจะติดเลย สาวๆที่มันจีบส่วนมากจะมาชอบผมนะ แต่เกย์กับกระเทยชอบมันเยอะมาก
แต่มันไม่ชอบ ผมยังแอบอิจฉามันเลย (แต่มันก็อิจฉาผมเหมือนกัน เรื่องสาวๆ) แต่ผมไม่ได้พูดอะไรนะกลัวมีคนรู้ว่าผมเบี่ยงเบน
พอผมจบมอปลาย ผมก็เลิกกับแฟนครับ เพราะเราต่างคนต่างแยกกันไปเรียนต่อและเราก็ห่างกันไปเอง เธอไปเรียนต่อที่เวียงจัน
ส่วนผม แม่เลี้ยงก็สนับสนุนให้ผมเรียนต่อที่เมืองแถวบ้านจนจบและฝากผมเข้าทำงานด้วย
ตอนแรกที่มาอยู่ผมกะจะมาอาศัยเรียนมอปลายเท่านั้นคับ ไม่ได้กะจะให้ท่านส่งเสียอะไรหรอก
จบแล้วผมก็อยากจะกลับบ้านเกิดผมทำนาทำไร่ แต่ความผูกพันมันแม่ลูกกันจริงๆ แม่แท้ๆผมมาเยี่ยมก็ดูเข้ากับท่านได้ดีทีเดียว
ท่านมีบุญคุณกับผมมากเหลือเกินครับ
แต่อยู่มาวันนึ่งแม่เลี้ยงผมก็พูดแหย่ผมว่า “แม่ไม่ให้ไปแต่งงานที่ไหนแล้ว แม่จะให้แต่งกับน้องสาวแก” พูดแล้วท่านก็ขำ
ผมยอมรับว่าผมตกใจมากไม่คิดว่าแม่พูดคำนี้ แต่ก็พยายามคิดว่าท่านล้อเล่น ผมเลยตัดสินใจไปแอบคุยกับน้องสาว
สรุปว่าน้องสาวรู้หมด แล้วรู้มานานแล้วด้วย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ถ้าผมโอเค เธอก็โอเค ผมยิ่งคิดมากจนนอนไม่หลับ
เพราะผมไม่ได้คิดกับน้องแบบนั้นเลย ไม่ได้รักด้วย ผมเริ่มคบสาวแบบไม่ซ้ำหน้า แต่ยิ่งคบ ผมยิ่งรู้ตัวเองมากขึ้นว่าผมเริ่มไม่ชอบผู้หญิง
คงเป็นเพราะผู้หญิงบางคนที่ผมคบนิสัยไม่น่ารักเลย ผมตื่นแต่เช้าไปทำงานแต่กลับดึกเกือบทุกวัน
ผมจงใจที่จะทำแบบนั้นเพื่อหลบหน้าแม่เลี้ยงผมครับ พอท่านเห็นพฤติกรรมของผมแบบนั้น ท่านก็เรียกผมไปคุยด้วยแบบเปิดใจเลย
ถ้าผมไม่แต่งก็ไม่แต่งแม่ก็ไม่ว่าอะไร แกเปลี่ยนไปแม่แบบนี้แม่ก็ไม่ชอบ ผมก็เลยคิดได้ว่าตัวเองทำเกินไปจริงๆ
เป็นแค่ลูกเลี้ยงแต่ทำตัวเกินหน้าที่แต่แม่รักผมเหมือนลูกจริงๆนะ ตอนนั้นผมมาอยู่เป็นลูกของท่านห้าปีแล้ว
ผมขอโทษท่านแล้วทุกอย่างก็เหมือนเดิมผมก็ระวังตัวมากขึ้นไม่หยอกล้อกับน้องสาวเหมือนเดิม คุยกันทำธรรมดาแบบผู้ใหญ่
แล้วอยู่มาวันนึ่ง ในช่วงปลายปีนั้นเองตอนผมกลับมาจากทำงานตอนค่ำก็เห็นแม่ทะเลาะกับพี่สาวแรงมาก
เรื่องอะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จากที่ผมทันได้ยินบางคำ คงจะเป็นเพราะพี่สาวทะเลาะกับน้อง
ลูกคนละพ่อแม่มาอยู่ด้วยกันเวลาทะเลาะกันน่ากลัวนะครับ แต่แรงแค่ไหนผมไม่รู้ เท่าที่รู้พี่สาวผม
ที่แม่เอามาเลี้ยงก่อนผมเป็นสิบปีเก็บข้าวของออกจากบ้านไป วันนั้นเลยแม่ร้องไห้มาก แม่ไม่ได้ไล่ครับ แต่พี่สาวผมไม่น่าทำแบบนั้นเลย
คำที่ผมทันมาได้ยิน
พี่สาวด่าแม่ว่า “กูจะคอยดูว่านาง น จะดูแลมิงได้ไหม (ชื่อน้องสาวสมมุติว่า น นะครับ) กูกลัวมันปล่อยให้ตายไม่มีใครเผาศพชะมากกว่า"
ขึ้นกูขึ้นมิงเลยครับ
แล้วแม่ก็ตอบว่า “เออ มิงไปกูก็ไม่ตายหรอก กูจะให้เขาแต่งงานกัน แล้วกูจะคอยดูว่ามิงจะไปได้สักกี่น้ำ”
ผมได้ยินคำนี้ผมเสียใจมากครับ พี่สาวผมกลับไปบ้านแม่แท้ๆของเขาเองครับ วันนั้นผมก็ช่วยเขาขนของ
จะได้ยินแม่บอกผมว่าไม่ให้ช่วยแต่ผมก็ทำเพราะสงสารพี่ที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี จากวันนั้นมาบ้านเราเงียบเหงามากครับ มีกันแค่สามคน
แม่มักจะมาขอร้องให้ผมแต่งกับน้องสาวได้ไหม ผมก็บอกทำไม่ได้เพราะคิดแค่น้องสาว ผมเริ่มจะอยู่ไม่เป็นสุขแล้วครับในบ้านนี้
บางครั้งผมก็อยากทำแบบพี่สาวทำ เก็บข้าวของหนีชะเลย แต่ถ้าทำแบบนั้นแม่อาจรับไม่ได้ ผมก็สงสารท่านมาก ท่านมีบุณคุนกับผม
ส่งเสียผมเรียนมอปลายจนจบ ส่งเรียนต่อและฝากเข้าทำงาน มีงานทำทุกวันนี้ก็เพราะท่านท่านยังเคยชมผมตลอดว่าเลือกลูกถูกคน
ผมอยู่กับท่านหกปีทำไมผมรู้สึกเหมือนเป็นลูกท่านแท้ๆ แต่ติดแค่เรื่องเดียวครับ เพราะว่าผมแต่งงานกับน้องสาวไม่ได้จริงๆ
ขอย้ำนะครับว่าพี่สาวกับน้องสาวเป็นหลานแท้ๆของท่าน ส่วนผมเป็นคนอื่นที่ท่านรักเหมือนลูกแท้ๆ และผมก็รู้สึกว่าหลังๆมานี้
น้องสาวจะเอาใจผมทุกอย่าง ตอนนี้ผมแทบไม่ได้ทำอะไรเลย กลับจากทำงานเสื้อผ้าก็ถูกชักรีดเรียบร้อย
อาหารก็เส็จเรียบร้อย จนถึงที่นอนปกติที่นอนผมจะรกรุงรังตอนนี้ถูกจัดเป็นระเบียบ น้องสาวนิสัยก็น่ารักขึ้น
เธอตื่นเช้าทำงานบ้านเส็จแล้วก็ไปโรงเรียน กลับจากเรียนเธอก็กลับบ้านเลย ดูๆไปก็เหมือนแกล้งทำให้ผมใจอ่อน
และผมก็ใจอ่อนจริงๆ ผมตอบตกลงกับแม่ครับ
แม่ดีใจมาก ชื้อที่นอนชุดใหม่ไว้รอ ตบแต่งห้องให้ใหม่ ชื้อเตียงนอนใหม่ ตูเสื้อผ้า ประดับประดาไฟสี แต่งชะสวยหรูเลย
ยิ่งเห็นแบบนั้นผมยิ่งกลุ้มมาก ผมไม่อยากแต่งงานกับน้องตัวเองเลยและที่สำคัญ ผมไม่ชอบผู้หญิงแล้วตอนนี้
และผมไม่อยากทำร้ายจิดใจใคร ผมรู้สึกว่าลึกๆผมแอบชอบผู้ชาย ถ้าผมเป็นชายแท้ ผมจะเป็นคนโชคดีมากกกก....
ผมตัดสินใจพูดเรื่องนี้กับแม่ตรงๆ ว่าผมเป็นเกย์....เวรแล้วครับ แม่ไม่เชื่อผม ท่านคิดว่าผมหาทางออกเพื่อจะหลีกเลี่ยงการแต่งงาน
พูดกับน้องสาวเขาก็ไม่เชื่อ ผมเตรียมใจมาแทบตายสำหรับการสารภาพครั้งนี้ สุดท้ายก็กลายเป็นว่าไม่มีใครเชื่อ
ผมทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขารู้ ไปแอบคบกับกระเทยเพื่อจะได้รูปเกย์มาแอบวางไว้ที่ห้อง ตอนนั้นผมยังเล่นเนตไม่เป็นครับ
ช่วงนั้น ปี 2005 โทรศัพแค่ถ่ายรูปกับฟังเพลงได้ก็หรูแล้วครับ ผมเริ่มมีเพื่อนเป็นเกย์และกระเทย ทำให้เพื่อนเก่าผมไม่ชอบใจเลย
เพราะมันเกลียดเพศที่สาม แต่ทุกอย่างที่ทำนั้นสรุปว่าเป็นข้ออ้าง
แม่บอกว่าขอร้องละอย่าประชดแม่แบบเดิมอีกเลย ถ้าแกเป็นจริงๆก็แต่งเพื่อรักษาหน้าแม่ก็แล้วกัน
แต่งแล้วถ้าเข้ากันไม่ได้ก็หย่าแม่ก็ไม่ว่า คำนี้ของแม่ทำให้ผมตัดสินใจแต่งงาน
ผมเดินทางไปปรึกษาพ่อแม่แท้ๆผมที่บ้านนอก ท่านตกใจมาก แต่ท่านก็ตามใจผม
ก็แปลกนะเวลาผมตัดสินใจอะไรพ่อแม่แท้ๆของผมจะเคารพในกานตัดสินใจผมมาก ท่านก็ช่วยเหลือเต็มที่ทุกเรื่อง
สงสัยเพราะผมเป็นลูกชายคนเดียวในบ้านและแล้วผมก็แต่งงานอย่างเป็นทางการจัดงานใหญ่พอสมควร......
มีต่อนะครับ
ลูกครับ พ่อเป็นเกย์
ผมได้ขออนุญาติคุณ Phaichith นำมาโพสลงพันทิปเพื่อเล่าต่อให้เพื่อนๆอ่านกัน
(คุณ Phaichith สมัครพันทิปไม่ได้ เพราะต้องยืนยันตัวบุคคลด้วยบัตรประชาชน ผมคิดว่าทางพันทิปน่าจะมีช่องทางสำหรับชาวต่างชาติบ้างก็ดีนะครับ)
ผมเคยตั้งกระทู้บอกเล่าเรื่องราวของผมแล้วครั้งหนึ่งที่โพสต์จังเมื่อสองปีที่แล้วแต่ตอนนั้นผมบอกแค่ว่า ผมเป็นเกย์เมียกำลังคลอดลูก
ได้กำลังใจตอบรับดีมาก ขอบคุณอีกครั้งนะครับ(กราบ)... แต่ตอนนั้นผมยังไม่ได้หย่ากับเมียครับ
กำลังจะด่าผมใช่มั้ยครับว่าทำไมผมถึงแต่งงานทั้งที่เป็นเกย์ ไม่สงสารผู้หญิงบ้างเหรอ ไม่สงสารลูกบ้างเหรอ ??
ก่อนอื่นต้องขอบอกล่วงหน้าก่อนนะครับว่าสิ่งที่ผมจะเล่ามาทั้งหมดนี้คือเรื่องจริงทุกประการ คือผมมีพี่น้องร่วมท้องพ่อแม่เดียวกัน 9 คน
เสียชีวิตหนึ่งคนครับ ผมเป็นลูกคนที่8 ผมมีน้องสาวคนหนึ่งและพี่สาว 6 คน พ่อแม่เล่าให้ฟังว่าพี่ชายผมเสียตอนอายุ 2 ขวบ
ตอนนั้นผมอยู่ในท้องแม่ได้ 8 เดือน หลังจากที่พี่ชายผมเสียสรุปว่าผมเป็นลูกคนเดียวที่เป็นผู้ชาย
พ่อเล่าให้ฟังว่าผมอายุได้สองขวบ ผมก็เจ็บป่วยตลอด ถึงขั้นต้องพาเข้าวัดเพื่อให้หลวงพ่อรับขวัญเป็นลูกตามความเชื่อของคนลาว
(บ้านผมเป็นบ้านนอกครับ) จากนั้นมาผมก็ไม่ค่อยเจ็บป่วยอีก จนผมอายุได้หกขวบเข้าโรงเรียน ป.1 ผมก็เริ่มเจ็บป่วยอีก
ผมนอนป่วยอยู่สี่เดือนรักษาไม่หายขาดสักที พ่อกับแม่เห็นว่าท่าไม่ไหวก็เลยไปพึ่งไสยศาตร์ เป็นหมอที่มีชื่อเสียงในหมู่บ้านในตอนนั้น
หมอก็พูดประมาณว่าดวงของพ่อแม่ผมเลี้ยงลูกผู้ชายไม่เกิด ผมอาจจะไม่รอด ก็แปลกนะ พี่น้องผมอีก 7 คนก็ไม่ค่อยเจ็บป่วย
พ่อผมก็เลยเชื่อและให้ผมไปบวซที่วัดกับหลวงพ่อ จำได้ตอนนั้นผมไม่อยากไปเลย ตอนบวซอาทิตย์แรกๆผมกลับมาเยี่ยมบ้านตลอด
ผมนอนร้องให้ทุกคืน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ แต่นานๆไปก็เริ่มชิน
ผมบวชเรียนจนจบประถม ตอนนั้นผมอายุได้ 12 ปี ผมก็ต้องย้ายเข้ามาเรียนมัธยมที่วัดในเมือง เพราะที่วัดบ้านผมมีแค่ชั้นประถม
ผมเรียนจบ ม.1 ผมก็สึกครับ ผมไม่อยากกลับบ้านแล้ว ผมเรียน ม.2 แล้วอาศัยอยู่ที่วัด ผมมีความสุขดีครับตอนนั้น
วัดกลายเป็นบ้านของผมไปแล้ว นานๆที่จะได้กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้านนอก แต่ท่านก็มาเยี่ยมผมบ่อยนะ พอจบ ม.3
ผมก็ต้องไปเรียนม.ปลายที่สายนอก (ก็คือไม่ได้เรียนในวัด เป็นโรงเรียนสามัญ ตอนนั้นโรงเรียนในวัดมีแค่ ม.3)
โรงเรียนใหม่ผมห่างจากวัดกิโลกว่าๆต้องเดินไป ตอนนั้นผมไม่มีมอไชค์แต่ผมก็เดินไปคนเดียวทุกวันนะ
ยอมรับว่าบางวันก็ขี้เกียจเดิน ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบง่าย.
จนมีโยมแก่คนนึ่งที่เขามาทำบุญประจำ ท่านเกิดเอ็นดูผม ผมไม่รู้นะว่าท่านคุยกับหลวงพ่อมาพักนึ่งแล้วเรื่องผม
หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่าท่านชมผมให้หลวงพ่อฟังว่ามีสำมาคาระวะรู้จักวางตัวกับผู้ใหญ่ ผมยอมรับว่าผมก็ถูกชะตากับท่านเหมือนกัน
(แต่แบบแม่-ลูกนะครับ อย่าเข้าใจผิด) ท่านเคยคุยกับผมว่าพักที่บ้านแม่มั้ย (ท่านถือเหมือนผมเป็นลูก) มันจะใกล้โรงเรียนกว่า
ผมก็นึกว่าท่านพูดเล่น แต่พอได้คุยกับท่านอีกทีและก็ได้มีโอกาสไปเล่นที่บ้านท่าน ทำให้ผมชอบมาก ท่านอยู่กับหลานสาวสองคน
สามีท่านเสียได้ปีกว่าๆแล้ว ท่านบอกว่าบ้านนี้ไม่มีผู้ชายและมันก็ไม่ปลอดภัยเพราะมันอยู่ในเมือง ลูกท่านสองคนเสียตั้งแต่ยังเล็ก
ถ้ายังมีชีวิตก็จะอายุประมาณผมนี่แหละ ผมเลยเขียนจดหมายไปปรึกสาทางบ้านผม (ตอนนั้นปี 1999 แถวบ้านผมยังไม่ได้ใช้โทรศัพ)
พ่อแม่ก็ให้ผมเลือกเองถ้าผมคิดว่าดีท่านก็ไม่ว่าอะไร
ผมเลยตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่นี่ในเวลาต่อมาเพราะหลานสาวที่อยู่กับท่านก็ดูเข้ากับผมได้ดีทีเดียว แต่ผมนับถือเขาเหมือนพี่สาวคนนึ่ง
เขาอายุมากกว่าผมสี่ปี และทำงานแล้ว ส่วนผมตอนนั้นเรียน ม.4 ช่วงแรกๆ
ผมก็อยู่แบบอึดอัดเพราะยังไม่คุ้นเคยแต่ดีที่มีรถมอไชค์ขี่ไปเรียน
ผมช่วยงานที่บ้านทุกอย่างแบบไม่ขี้เกียจเลย เพราะผมเคยอยู่วัดมาก่อน รดน้ำต้นไม้, ตัดหญ้า, ทำอาหาร...
ทำให้ผมเข้ากับคนในบ้านได้ดีมาก พอผมเรียน ม.5 แม่เลี้ยงผมก็รับหลานมาเลี้ยงอีกคน เป็นผู้หญิง เขามาเรียน ม.2 ที่นี่ตอนนี้บ้านเรามีกันสี่คน
ตอนนั้นผมเพิ่งจะรู้จักจีบสาวครับ ขอย้ำนะครับว่าเป็นผู้หญิง เพื่อนของน้องสาวก็ใช่ย่อย มาบ้านผมทีไรมักจะมาแชวให้ผมอายตลอด
พูดประมาณว่า “พี่ชายแกให้ฉันจองนะ” อะไรทำนองนี้... สงสัยเขาเห็นผมเป็นคนขี้อาย ตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองชอบผู้หญิงนะ
แต่ก็แปลกว่าทำไมถึงชอบมองผู้ชายหล่อๆเหมือนกัน (แต่ผมไม่ได้เป็นคนหื่นนะ) และผมก็มีแฟนแล้วด้วย เธอน่ารักมาก
ช่วยเหลือผมทุกอย่างเลย ผมเคยพามาที่บ้าน 2ครั้ง แต่รู้สึกว่าแม่เลี้ยงผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ผมก็เลยไม่พามาอีกเลย
ผมคบเธออยู่สองปีครับ พูดแบบไม่อายเลยครับว่าเราได้เสียกันตอนเปิดเทีมตอนอยู่ ม.6 ไม่ได้เมาอะไรทั้งนั้นครับ
เป็นความตั้งใจของเราทั้งสองคน ผมยอมรับนะว่าตอนนั้นผมก็ยังรู้สึกดีกับผู้หญิง จนเข้าเทีมที่สองตอนอยู่ ม.6 มีเกย์คนนึงมาชอบผม
ตอนนั้นผมตื่นเต้นมากแบบไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะปกติจะไม่มีเพศที่สามมาชอบผมเลย จะมีก็แต่สาวๆ
ผมก็ไม่เข้าใจ เพื่อนผมบางคนจีบสาวไม่ค่อยจะติดเลย สาวๆที่มันจีบส่วนมากจะมาชอบผมนะ แต่เกย์กับกระเทยชอบมันเยอะมาก
แต่มันไม่ชอบ ผมยังแอบอิจฉามันเลย (แต่มันก็อิจฉาผมเหมือนกัน เรื่องสาวๆ) แต่ผมไม่ได้พูดอะไรนะกลัวมีคนรู้ว่าผมเบี่ยงเบน
พอผมจบมอปลาย ผมก็เลิกกับแฟนครับ เพราะเราต่างคนต่างแยกกันไปเรียนต่อและเราก็ห่างกันไปเอง เธอไปเรียนต่อที่เวียงจัน
ส่วนผม แม่เลี้ยงก็สนับสนุนให้ผมเรียนต่อที่เมืองแถวบ้านจนจบและฝากผมเข้าทำงานด้วย
ตอนแรกที่มาอยู่ผมกะจะมาอาศัยเรียนมอปลายเท่านั้นคับ ไม่ได้กะจะให้ท่านส่งเสียอะไรหรอก
จบแล้วผมก็อยากจะกลับบ้านเกิดผมทำนาทำไร่ แต่ความผูกพันมันแม่ลูกกันจริงๆ แม่แท้ๆผมมาเยี่ยมก็ดูเข้ากับท่านได้ดีทีเดียว
ท่านมีบุญคุณกับผมมากเหลือเกินครับ
แต่อยู่มาวันนึ่งแม่เลี้ยงผมก็พูดแหย่ผมว่า “แม่ไม่ให้ไปแต่งงานที่ไหนแล้ว แม่จะให้แต่งกับน้องสาวแก” พูดแล้วท่านก็ขำ
ผมยอมรับว่าผมตกใจมากไม่คิดว่าแม่พูดคำนี้ แต่ก็พยายามคิดว่าท่านล้อเล่น ผมเลยตัดสินใจไปแอบคุยกับน้องสาว
สรุปว่าน้องสาวรู้หมด แล้วรู้มานานแล้วด้วย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ถ้าผมโอเค เธอก็โอเค ผมยิ่งคิดมากจนนอนไม่หลับ
เพราะผมไม่ได้คิดกับน้องแบบนั้นเลย ไม่ได้รักด้วย ผมเริ่มคบสาวแบบไม่ซ้ำหน้า แต่ยิ่งคบ ผมยิ่งรู้ตัวเองมากขึ้นว่าผมเริ่มไม่ชอบผู้หญิง
คงเป็นเพราะผู้หญิงบางคนที่ผมคบนิสัยไม่น่ารักเลย ผมตื่นแต่เช้าไปทำงานแต่กลับดึกเกือบทุกวัน
ผมจงใจที่จะทำแบบนั้นเพื่อหลบหน้าแม่เลี้ยงผมครับ พอท่านเห็นพฤติกรรมของผมแบบนั้น ท่านก็เรียกผมไปคุยด้วยแบบเปิดใจเลย
ถ้าผมไม่แต่งก็ไม่แต่งแม่ก็ไม่ว่าอะไร แกเปลี่ยนไปแม่แบบนี้แม่ก็ไม่ชอบ ผมก็เลยคิดได้ว่าตัวเองทำเกินไปจริงๆ
เป็นแค่ลูกเลี้ยงแต่ทำตัวเกินหน้าที่แต่แม่รักผมเหมือนลูกจริงๆนะ ตอนนั้นผมมาอยู่เป็นลูกของท่านห้าปีแล้ว
ผมขอโทษท่านแล้วทุกอย่างก็เหมือนเดิมผมก็ระวังตัวมากขึ้นไม่หยอกล้อกับน้องสาวเหมือนเดิม คุยกันทำธรรมดาแบบผู้ใหญ่
แล้วอยู่มาวันนึ่ง ในช่วงปลายปีนั้นเองตอนผมกลับมาจากทำงานตอนค่ำก็เห็นแม่ทะเลาะกับพี่สาวแรงมาก
เรื่องอะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จากที่ผมทันได้ยินบางคำ คงจะเป็นเพราะพี่สาวทะเลาะกับน้อง
ลูกคนละพ่อแม่มาอยู่ด้วยกันเวลาทะเลาะกันน่ากลัวนะครับ แต่แรงแค่ไหนผมไม่รู้ เท่าที่รู้พี่สาวผม
ที่แม่เอามาเลี้ยงก่อนผมเป็นสิบปีเก็บข้าวของออกจากบ้านไป วันนั้นเลยแม่ร้องไห้มาก แม่ไม่ได้ไล่ครับ แต่พี่สาวผมไม่น่าทำแบบนั้นเลย
คำที่ผมทันมาได้ยิน
พี่สาวด่าแม่ว่า “กูจะคอยดูว่านาง น จะดูแลมิงได้ไหม (ชื่อน้องสาวสมมุติว่า น นะครับ) กูกลัวมันปล่อยให้ตายไม่มีใครเผาศพชะมากกว่า"
ขึ้นกูขึ้นมิงเลยครับ
แล้วแม่ก็ตอบว่า “เออ มิงไปกูก็ไม่ตายหรอก กูจะให้เขาแต่งงานกัน แล้วกูจะคอยดูว่ามิงจะไปได้สักกี่น้ำ”
ผมได้ยินคำนี้ผมเสียใจมากครับ พี่สาวผมกลับไปบ้านแม่แท้ๆของเขาเองครับ วันนั้นผมก็ช่วยเขาขนของ
จะได้ยินแม่บอกผมว่าไม่ให้ช่วยแต่ผมก็ทำเพราะสงสารพี่ที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี จากวันนั้นมาบ้านเราเงียบเหงามากครับ มีกันแค่สามคน
แม่มักจะมาขอร้องให้ผมแต่งกับน้องสาวได้ไหม ผมก็บอกทำไม่ได้เพราะคิดแค่น้องสาว ผมเริ่มจะอยู่ไม่เป็นสุขแล้วครับในบ้านนี้
บางครั้งผมก็อยากทำแบบพี่สาวทำ เก็บข้าวของหนีชะเลย แต่ถ้าทำแบบนั้นแม่อาจรับไม่ได้ ผมก็สงสารท่านมาก ท่านมีบุณคุนกับผม
ส่งเสียผมเรียนมอปลายจนจบ ส่งเรียนต่อและฝากเข้าทำงาน มีงานทำทุกวันนี้ก็เพราะท่านท่านยังเคยชมผมตลอดว่าเลือกลูกถูกคน
ผมอยู่กับท่านหกปีทำไมผมรู้สึกเหมือนเป็นลูกท่านแท้ๆ แต่ติดแค่เรื่องเดียวครับ เพราะว่าผมแต่งงานกับน้องสาวไม่ได้จริงๆ
ขอย้ำนะครับว่าพี่สาวกับน้องสาวเป็นหลานแท้ๆของท่าน ส่วนผมเป็นคนอื่นที่ท่านรักเหมือนลูกแท้ๆ และผมก็รู้สึกว่าหลังๆมานี้
น้องสาวจะเอาใจผมทุกอย่าง ตอนนี้ผมแทบไม่ได้ทำอะไรเลย กลับจากทำงานเสื้อผ้าก็ถูกชักรีดเรียบร้อย
อาหารก็เส็จเรียบร้อย จนถึงที่นอนปกติที่นอนผมจะรกรุงรังตอนนี้ถูกจัดเป็นระเบียบ น้องสาวนิสัยก็น่ารักขึ้น
เธอตื่นเช้าทำงานบ้านเส็จแล้วก็ไปโรงเรียน กลับจากเรียนเธอก็กลับบ้านเลย ดูๆไปก็เหมือนแกล้งทำให้ผมใจอ่อน
และผมก็ใจอ่อนจริงๆ ผมตอบตกลงกับแม่ครับ
แม่ดีใจมาก ชื้อที่นอนชุดใหม่ไว้รอ ตบแต่งห้องให้ใหม่ ชื้อเตียงนอนใหม่ ตูเสื้อผ้า ประดับประดาไฟสี แต่งชะสวยหรูเลย
ยิ่งเห็นแบบนั้นผมยิ่งกลุ้มมาก ผมไม่อยากแต่งงานกับน้องตัวเองเลยและที่สำคัญ ผมไม่ชอบผู้หญิงแล้วตอนนี้
และผมไม่อยากทำร้ายจิดใจใคร ผมรู้สึกว่าลึกๆผมแอบชอบผู้ชาย ถ้าผมเป็นชายแท้ ผมจะเป็นคนโชคดีมากกกก....
ผมตัดสินใจพูดเรื่องนี้กับแม่ตรงๆ ว่าผมเป็นเกย์....เวรแล้วครับ แม่ไม่เชื่อผม ท่านคิดว่าผมหาทางออกเพื่อจะหลีกเลี่ยงการแต่งงาน
พูดกับน้องสาวเขาก็ไม่เชื่อ ผมเตรียมใจมาแทบตายสำหรับการสารภาพครั้งนี้ สุดท้ายก็กลายเป็นว่าไม่มีใครเชื่อ
ผมทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขารู้ ไปแอบคบกับกระเทยเพื่อจะได้รูปเกย์มาแอบวางไว้ที่ห้อง ตอนนั้นผมยังเล่นเนตไม่เป็นครับ
ช่วงนั้น ปี 2005 โทรศัพแค่ถ่ายรูปกับฟังเพลงได้ก็หรูแล้วครับ ผมเริ่มมีเพื่อนเป็นเกย์และกระเทย ทำให้เพื่อนเก่าผมไม่ชอบใจเลย
เพราะมันเกลียดเพศที่สาม แต่ทุกอย่างที่ทำนั้นสรุปว่าเป็นข้ออ้าง
แม่บอกว่าขอร้องละอย่าประชดแม่แบบเดิมอีกเลย ถ้าแกเป็นจริงๆก็แต่งเพื่อรักษาหน้าแม่ก็แล้วกัน
แต่งแล้วถ้าเข้ากันไม่ได้ก็หย่าแม่ก็ไม่ว่า คำนี้ของแม่ทำให้ผมตัดสินใจแต่งงาน
ผมเดินทางไปปรึกษาพ่อแม่แท้ๆผมที่บ้านนอก ท่านตกใจมาก แต่ท่านก็ตามใจผม
ก็แปลกนะเวลาผมตัดสินใจอะไรพ่อแม่แท้ๆของผมจะเคารพในกานตัดสินใจผมมาก ท่านก็ช่วยเหลือเต็มที่ทุกเรื่อง
สงสัยเพราะผมเป็นลูกชายคนเดียวในบ้านและแล้วผมก็แต่งงานอย่างเป็นทางการจัดงานใหญ่พอสมควร......
มีต่อนะครับ