แต่เดิมนั้นผมเติบโตมากับบ้านที่เลี้ยงสุนัขไทยพันธุ์ทาง
เห็นคุณยายของผมให้อาหารเจ้าตูบด้วยอาหารที่ปันมาจากกับข้าวของเรา
ผมเองก็เห็นว่าเจ้าตูบก็เติบโตดีแข็งแรง
แต่ในปัจจุบันเมื่อความสะดวกสบายเข้ามาอาหารสุนัขสำเร็จรูปก็กลายเป็นพระเอกสำหรับผู้เลี้ยงสุนัข
ด้วยเหตุผลทางคุณค่าโภชนาการของอาหาร เพราะหากเราให้อาหารทำเองเราอาจจะให้อาหารเค้ามากหรือน้อยเกินไป
สารอาหารอาจไม่สมดุล เกิดการเลือกกิน ติดอาหารคน อาจก่อให้เกิดโรค และการสะสมของไขมัน ฯลฯ
ผมเองก็คนนึงเลี้ยงสุนัขโดยใช้อาหารสำเร็จรูป
เนื่องจากเห็นเพื่อนๆ พี่ๆ หลายคนเปรียบเทียบอาหารยี่ห้อนี้ดีกว่ายิ่ห้อนี้หรือไม่
ผมเองก็อดทนไม่ได้ เลยมาตั้งกระทู้แยกตะหาก พร้อมแนะนำวิธีในการเลือกอาหารให้เจ้าตูบของเรา
สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนอาหารให้กับเจ้าตูบที่ท่านรัก
ขั้นตอนที่1
เราต้องสำรวจเจ้าตูบที่บ้านก่อน ว่าเป็นสายพันธุ์ไหน มีจำนวนกี่ตัว แต่ละตัวน้ำหนักเท่าไหร่
มีกิจกรรมอะไรในแต่ละวัน มีข้อจำกัดอะไรบ้างเช่น สุนัขที่มีปัญหาทางสุขภาพ หรือ เป็นลูกสุนัข เป็นต้น
อาจต้องหาสูตรอาหารที่เหมาะสมสำหรับเค้า
ขั้นตอนที่ 2
สำรวจอาหารที่เราให้อยู่ในปัจจุบันว่าเราให้เค้าทานอะไร
สุขภาพผิวหนัง ขน รูปร่างของเค้า และสุขภาพโดยรวมของเค้าเป็นอย่างไร
หากเค้าอ้วนหรือผอมเกินไปอย่าเพิ่งเปลี่ยนยี่ห้ออาหาร
หันกลับมาดูว่าเราเองได้ให้อาหารตามที่ฉลากแนะนำหรือไม่
เช่น เจ้าตูบอายุ 6 เดือน หนัก ไม่เกิน 2 กิโลกรัม ควรบริโภค 60 กรัมต่อวัน
หมายถึงหากคุณให้ 3 มื้อคุณจะต้องให้มื้อละ 20 กรัม ไม่ใช่มื้อละ 60 กรัม
ขั้นตอนที่3
จัดสรรงบประมาณในการจ่ายอาหารของสุนัขในแต่ละเดือน
การให้อาหารเจ้าตูบที่เรารักก็ต้องดูความพร้อมของตัวเราเองด้วย
ไม่ใช่หมาอิ่ม เราอด....
ขั้นตอนที่4
เอาอาหารสำเร็จรูปของสุนัขที่ตั้งเป้าว่าจะให้สุนัขอย่างน้อย 3 ยี่ห้อมาเรียงกัน
โดยดูจาก
4.1 ปริมาณโปรตีน ทั่วไปในท้องตลาดจะเริ่มที่ 25% พรีเมียมก็จะ 30% ขึ้นไป
4.2คุณภาพของโปรตีน ว่ามาจากแหล่งใดโดยเรียงคุณภาพความดีงามดังนี้
เนื้ออบแห้ง เนื้อสด ผลพลอยได้จากเนื้อวัว
4.3 หากมีส่วนผสมจากข้าวโพด ถั่วเหลือง ใช้เพิ่มปริมาณโปรตีนให้กับอาหาร และเพิ่มปริมาณให้สัตว์รู้สึกอิ่ม
เนื่องจากผู้ผลิตต้องการลดต้นทุน
4.4ส่วนผสมฟรุ้งฟริ้งต่างๆ เช่น ดูสารอาหารอื่นๆ เช่น โอเมก้า 3 6 9, วิตามินต่างๆ
อย่าเพิ่งเห็นว่าหน้ากระสอบบอกว่ามี DHA แล้วรีบคว้ามาครองเพราะคิดว่าดีงาม
กลับไปดูฉลากว่ามีกี่เปอร์เซ็น
ขั้นตอนที่5
อย่าตัดสินอาหารว่าแพงถ้าไม่มีเครื่องคิดเลข
หยิบเครื่องคิดเลขหารน้ำหนักและราคาดังนี้ เช่น
อาหาร A หนัก 15 กิโลกรรม ราคา 2,200 ตกกิโลกรรมละ 146.66 บาท
อาหาร B หนัก 3.5 กิโลกรรม ราคา 700 ตกกิโลกรรมละ 200 บาท
แบบนี้เห็นชัดขึ้นใช่ไหมครับอย่าให้ตัวเลขมันหลอกเรา
ขั้นตอนที่6
หลังจากให้อาหารเราต้องสังเกตุ สุขภาพโดยรวม ผิวขน การแพ้ รวมไปถึง อึของเค้า
ว่ามีสี ความชื้น กลี่นเปลี่ยนไปไหม ผมเลี้ยงในบ้านของอึที่กลิ่นไม่แรง เป็นก้อนเก็บง่าย
เพราะหากต้องการเปลี่ยนอาหารอีกก็ให้กลับไปทำตามขั้นตอนด้านบนไล่มาจนถึงตรงนี้
ค ว า ม ส ำ คั ญ ข อ ง ฉ ล า ก บ น ก ร ะ ส อ บ อ า ห า ร สุ นั ข
เห็นคุณยายของผมให้อาหารเจ้าตูบด้วยอาหารที่ปันมาจากกับข้าวของเรา
ผมเองก็เห็นว่าเจ้าตูบก็เติบโตดีแข็งแรง
แต่ในปัจจุบันเมื่อความสะดวกสบายเข้ามาอาหารสุนัขสำเร็จรูปก็กลายเป็นพระเอกสำหรับผู้เลี้ยงสุนัข
ด้วยเหตุผลทางคุณค่าโภชนาการของอาหาร เพราะหากเราให้อาหารทำเองเราอาจจะให้อาหารเค้ามากหรือน้อยเกินไป
สารอาหารอาจไม่สมดุล เกิดการเลือกกิน ติดอาหารคน อาจก่อให้เกิดโรค และการสะสมของไขมัน ฯลฯ
ผมเองก็คนนึงเลี้ยงสุนัขโดยใช้อาหารสำเร็จรูป
เนื่องจากเห็นเพื่อนๆ พี่ๆ หลายคนเปรียบเทียบอาหารยี่ห้อนี้ดีกว่ายิ่ห้อนี้หรือไม่
ผมเองก็อดทนไม่ได้ เลยมาตั้งกระทู้แยกตะหาก พร้อมแนะนำวิธีในการเลือกอาหารให้เจ้าตูบของเรา
สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนอาหารให้กับเจ้าตูบที่ท่านรัก
ขั้นตอนที่1
เราต้องสำรวจเจ้าตูบที่บ้านก่อน ว่าเป็นสายพันธุ์ไหน มีจำนวนกี่ตัว แต่ละตัวน้ำหนักเท่าไหร่
มีกิจกรรมอะไรในแต่ละวัน มีข้อจำกัดอะไรบ้างเช่น สุนัขที่มีปัญหาทางสุขภาพ หรือ เป็นลูกสุนัข เป็นต้น
อาจต้องหาสูตรอาหารที่เหมาะสมสำหรับเค้า
ขั้นตอนที่ 2
สำรวจอาหารที่เราให้อยู่ในปัจจุบันว่าเราให้เค้าทานอะไร
สุขภาพผิวหนัง ขน รูปร่างของเค้า และสุขภาพโดยรวมของเค้าเป็นอย่างไร
หากเค้าอ้วนหรือผอมเกินไปอย่าเพิ่งเปลี่ยนยี่ห้ออาหาร
หันกลับมาดูว่าเราเองได้ให้อาหารตามที่ฉลากแนะนำหรือไม่
เช่น เจ้าตูบอายุ 6 เดือน หนัก ไม่เกิน 2 กิโลกรัม ควรบริโภค 60 กรัมต่อวัน
หมายถึงหากคุณให้ 3 มื้อคุณจะต้องให้มื้อละ 20 กรัม ไม่ใช่มื้อละ 60 กรัม
ขั้นตอนที่3
จัดสรรงบประมาณในการจ่ายอาหารของสุนัขในแต่ละเดือน
การให้อาหารเจ้าตูบที่เรารักก็ต้องดูความพร้อมของตัวเราเองด้วย
ไม่ใช่หมาอิ่ม เราอด....
ขั้นตอนที่4
เอาอาหารสำเร็จรูปของสุนัขที่ตั้งเป้าว่าจะให้สุนัขอย่างน้อย 3 ยี่ห้อมาเรียงกัน
โดยดูจาก
4.1 ปริมาณโปรตีน ทั่วไปในท้องตลาดจะเริ่มที่ 25% พรีเมียมก็จะ 30% ขึ้นไป
4.2คุณภาพของโปรตีน ว่ามาจากแหล่งใดโดยเรียงคุณภาพความดีงามดังนี้
เนื้ออบแห้ง เนื้อสด ผลพลอยได้จากเนื้อวัว
4.3 หากมีส่วนผสมจากข้าวโพด ถั่วเหลือง ใช้เพิ่มปริมาณโปรตีนให้กับอาหาร และเพิ่มปริมาณให้สัตว์รู้สึกอิ่ม
เนื่องจากผู้ผลิตต้องการลดต้นทุน
4.4ส่วนผสมฟรุ้งฟริ้งต่างๆ เช่น ดูสารอาหารอื่นๆ เช่น โอเมก้า 3 6 9, วิตามินต่างๆ
อย่าเพิ่งเห็นว่าหน้ากระสอบบอกว่ามี DHA แล้วรีบคว้ามาครองเพราะคิดว่าดีงาม
กลับไปดูฉลากว่ามีกี่เปอร์เซ็น
ขั้นตอนที่5
อย่าตัดสินอาหารว่าแพงถ้าไม่มีเครื่องคิดเลข
หยิบเครื่องคิดเลขหารน้ำหนักและราคาดังนี้ เช่น
อาหาร A หนัก 15 กิโลกรรม ราคา 2,200 ตกกิโลกรรมละ 146.66 บาท
อาหาร B หนัก 3.5 กิโลกรรม ราคา 700 ตกกิโลกรรมละ 200 บาท
แบบนี้เห็นชัดขึ้นใช่ไหมครับอย่าให้ตัวเลขมันหลอกเรา
ขั้นตอนที่6
หลังจากให้อาหารเราต้องสังเกตุ สุขภาพโดยรวม ผิวขน การแพ้ รวมไปถึง อึของเค้า
ว่ามีสี ความชื้น กลี่นเปลี่ยนไปไหม ผมเลี้ยงในบ้านของอึที่กลิ่นไม่แรง เป็นก้อนเก็บง่าย
เพราะหากต้องการเปลี่ยนอาหารอีกก็ให้กลับไปทำตามขั้นตอนด้านบนไล่มาจนถึงตรงนี้