ตั้งมาแค่อยากเล่าครับ เผื่อจะเป็นแนวคิดครับ
ธุรกิจผมจะนำเข้าของมือสองจากญี่ปุ่นครับ ซึ่งระหว่างที่บ้านเมืองวุ่นวายผมก็โดนเต็มๆเช่นกัน
รายได้หายไป1ใน3 แต่ธุรกิจผมไม่มีต้นทุนรายเดือนเพราะทำการค้าออนไลน์อย่างเดียว
ขึ้นชื่อว่านำเข้าจากญี่ปุ่น ของจะหาซื้อในไทยไม่ได้ถูกไหมคับ
ช่วงที่วุ่นวาย ผมซื้อของทีละ 1-2หมื่น ไม่กล้าลง ไม่กล้าสต็อค ขายได้ค่อยไปเอาใหม่
จนเมื่อ2เดือนก่อน ผมรู้สึกว่า เราจะมามัวลงของหยิบมือแบบนี้ไม่ได้แล้ว
ในช่วงที่ทุกคนกลัว ไม่กล้าสต็อค ผมเลยใช้แนวคิดสวนทาง
คือ สินค้าประเภทนี้ข้อดีคือ ไม่มีขายทั่วไป ของมีจำกัด ใครมีของคนนั้นได้ลูกค้าไป
ช่วงกลางๆเมษา หลังสงกรานต์ที่ทุกปีผมจะไม่ลงของ (รวมถึงหลายๆคน) เคลียของให้หมดแล้วลงใหม่
ปีนี้ผมขอสวนกระแสครับ ผมไปลงของมาล็อตนึง(ถือว่ากลางๆ) ลงของไป80000เงินสดๆเลยคับ
เอามาโดยที่ไม่รู้ว่าวิธีที่ผมคิดมันจะเป็นจริงไหม
ผมใช้แนวคิด "ตัวเลือกเยอะกว่า ลูกค้ามากกว่า"
ดึงลูกค้าคนอื่นมาเป็นลูกค้าเรา เพราะเรามีของที่เค้าต้องการจริงๆ
ขอบแบบเดียวกัน มีหลายสี หลายแบบ ถ้าเรามีทั้งสีทั้งแบบที่ลูกค้าต้องการเราสามารถดึงลูกค้ามาได้
จนล็อตแรก ขายดีแบบผมงง เพราะทุกปีหลังสงกรานต์จะเงียบเหงา
จนล็อตแรกใกล้หมด ผมเริ่งลงหนักขึ้น หลังวันที่มีการรัฐประหาร วันเดียว
ผมสวนกระแสอีก ไปลงล็อตใหญ่กว่าเดิม รอบนี้ลงไป 120000
ผมไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น กล้าได้กล้าเสียไปเลย
และซื้อมาเพิ่มเรื่อยๆที่มีโอกาส ในเงื่อนไขต้องเงินสดติดตัวไม่ต่ำกว่า50000ไว้กินไว้จ่าย
ตอนนี้ยอดขายจากที่ตกลง 1ใน3 กลายเป็นขายดีขึ้น1ใน3แทน
ถึงตอนนี้ก็1เดือนครึ่งแล้ว ที่ทำสวนกระแสแบบนี้ ขายดีขึ้นมากจากเดิมที่กำไรใช้เดือนชนเดือน
ขอเล่าให้ฟังครับ เผื่อใครไปปรับใช้ ในช่วงตลาดฝืดๆแบบนี้ ลองเดินสวนทางกับคนอื่นครับ
ธุรกิจอาจดีขึ้นได้ครับ
พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ช่วงการเมืองวุ่น สวนกระแสตลาดด้วยการลงของแบบบ้าคลั่ง
ธุรกิจผมจะนำเข้าของมือสองจากญี่ปุ่นครับ ซึ่งระหว่างที่บ้านเมืองวุ่นวายผมก็โดนเต็มๆเช่นกัน
รายได้หายไป1ใน3 แต่ธุรกิจผมไม่มีต้นทุนรายเดือนเพราะทำการค้าออนไลน์อย่างเดียว
ขึ้นชื่อว่านำเข้าจากญี่ปุ่น ของจะหาซื้อในไทยไม่ได้ถูกไหมคับ
ช่วงที่วุ่นวาย ผมซื้อของทีละ 1-2หมื่น ไม่กล้าลง ไม่กล้าสต็อค ขายได้ค่อยไปเอาใหม่
จนเมื่อ2เดือนก่อน ผมรู้สึกว่า เราจะมามัวลงของหยิบมือแบบนี้ไม่ได้แล้ว
ในช่วงที่ทุกคนกลัว ไม่กล้าสต็อค ผมเลยใช้แนวคิดสวนทาง
คือ สินค้าประเภทนี้ข้อดีคือ ไม่มีขายทั่วไป ของมีจำกัด ใครมีของคนนั้นได้ลูกค้าไป
ช่วงกลางๆเมษา หลังสงกรานต์ที่ทุกปีผมจะไม่ลงของ (รวมถึงหลายๆคน) เคลียของให้หมดแล้วลงใหม่
ปีนี้ผมขอสวนกระแสครับ ผมไปลงของมาล็อตนึง(ถือว่ากลางๆ) ลงของไป80000เงินสดๆเลยคับ
เอามาโดยที่ไม่รู้ว่าวิธีที่ผมคิดมันจะเป็นจริงไหม
ผมใช้แนวคิด "ตัวเลือกเยอะกว่า ลูกค้ามากกว่า"
ดึงลูกค้าคนอื่นมาเป็นลูกค้าเรา เพราะเรามีของที่เค้าต้องการจริงๆ
ขอบแบบเดียวกัน มีหลายสี หลายแบบ ถ้าเรามีทั้งสีทั้งแบบที่ลูกค้าต้องการเราสามารถดึงลูกค้ามาได้
จนล็อตแรก ขายดีแบบผมงง เพราะทุกปีหลังสงกรานต์จะเงียบเหงา
จนล็อตแรกใกล้หมด ผมเริ่งลงหนักขึ้น หลังวันที่มีการรัฐประหาร วันเดียว
ผมสวนกระแสอีก ไปลงล็อตใหญ่กว่าเดิม รอบนี้ลงไป 120000
ผมไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น กล้าได้กล้าเสียไปเลย
และซื้อมาเพิ่มเรื่อยๆที่มีโอกาส ในเงื่อนไขต้องเงินสดติดตัวไม่ต่ำกว่า50000ไว้กินไว้จ่าย
ตอนนี้ยอดขายจากที่ตกลง 1ใน3 กลายเป็นขายดีขึ้น1ใน3แทน
ถึงตอนนี้ก็1เดือนครึ่งแล้ว ที่ทำสวนกระแสแบบนี้ ขายดีขึ้นมากจากเดิมที่กำไรใช้เดือนชนเดือน
ขอเล่าให้ฟังครับ เผื่อใครไปปรับใช้ ในช่วงตลาดฝืดๆแบบนี้ ลองเดินสวนทางกับคนอื่นครับ
ธุรกิจอาจดีขึ้นได้ครับ