สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ก็เป็นความจริง บางทีคุณก็ต้องยอมรับความจริง การเรียนโทไม่ได้ประสบการณ์ทางวิชาชีพโดยตรง แต่การเรียนโทได้วิธีคิด ได้ความอดทน
ในการทำวิทยานิพนธ์ ได้วิธีค้นคว้าข้อมูล และหลายๆอย่าง แต่ไม่ได้ประสบการณ์ในทำงาน
แต่บางสาขาก็เหมือนช่างสร้างบ้านนะ คนมีประสบการณ์ สร้างบ้านได้ ปูพื้นได้สวย ผสมปูนเป็น ฉาบปูนได้เรียบสวย แต่คุณสร้างบ้านเป็น
คือ คำนวณได้ว่า ควรใช้เหล็กเส้นขนาดเท่าไร ใช้ปริมาณของอย่างละเท่าไร ถ้าเทียบกันตอนแรก เขาก็ชนะคุณ แต่ถ้าเทียบกันในระยะยาว
คุณจะได้เปรียบกว่า
คุณเห็นหัวพันทิปไหม เขียนว่า การทำงานทุกอย่าง ล้วนให้ประสบการณ์แม้แต่การกวาดขยะ คนเรารู้ไม่เหมือนกัน โง่พอกันทั้งคนที่คิดว่ากรู
ไม่ยอมรับคนที่จบสูงกว่าเพราะไม่มีประสบการณ์ และคนที่คิดว่าคนที่มีประสบการณ์แต่จบต่ำกว่าไม่ดีเท่าตัวเอง
เพราะทุกคนรู้กันคนละอย่าง
ในการทำวิทยานิพนธ์ ได้วิธีค้นคว้าข้อมูล และหลายๆอย่าง แต่ไม่ได้ประสบการณ์ในทำงาน
แต่บางสาขาก็เหมือนช่างสร้างบ้านนะ คนมีประสบการณ์ สร้างบ้านได้ ปูพื้นได้สวย ผสมปูนเป็น ฉาบปูนได้เรียบสวย แต่คุณสร้างบ้านเป็น
คือ คำนวณได้ว่า ควรใช้เหล็กเส้นขนาดเท่าไร ใช้ปริมาณของอย่างละเท่าไร ถ้าเทียบกันตอนแรก เขาก็ชนะคุณ แต่ถ้าเทียบกันในระยะยาว
คุณจะได้เปรียบกว่า
คุณเห็นหัวพันทิปไหม เขียนว่า การทำงานทุกอย่าง ล้วนให้ประสบการณ์แม้แต่การกวาดขยะ คนเรารู้ไม่เหมือนกัน โง่พอกันทั้งคนที่คิดว่ากรู
ไม่ยอมรับคนที่จบสูงกว่าเพราะไม่มีประสบการณ์ และคนที่คิดว่าคนที่มีประสบการณ์แต่จบต่ำกว่าไม่ดีเท่าตัวเอง
เพราะทุกคนรู้กันคนละอย่าง
ความคิดเห็นที่ 4
คนเรียนโท. เอก ต้องรู้ว่า ระดับ ตรี โท. เอก นั้นต่างกันตรงไหน ?
ไม่ใช่ว่า โท. เรียนมากกว่าตรี หรือ เอกเรียนมากกว่าโท.
เรียน ตรี ...เรียนให้รู้ .... Newton ว่า F=ma
เรียน โท. ..เรียน Newton เพิ่มมากขึ้น ?? เปล่าเลย ....เขาเรียนให้รู้จัก "วิเคราะห์" ว่า Newton ว่าอย่างนี้มันเป็นยังไง ?
ทำนองเดียวกัน เรียก เอก ....เขาเรียนให้รู้จัก "สังเคราะห์"
ดังนั้น อุตส่าห์เรียนโท. .. แล้วให้เพื่อนคนงานมาเกทับ "ประสบการณ์"
ก็แปลว่า คนเรียนโท. ไม่เข้าใจว่า ปริญญาโท. เขาเรียนอะไร

ไม่ใช่ว่า โท. เรียนมากกว่าตรี หรือ เอกเรียนมากกว่าโท.
เรียน ตรี ...เรียนให้รู้ .... Newton ว่า F=ma
เรียน โท. ..เรียน Newton เพิ่มมากขึ้น ?? เปล่าเลย ....เขาเรียนให้รู้จัก "วิเคราะห์" ว่า Newton ว่าอย่างนี้มันเป็นยังไง ?
ทำนองเดียวกัน เรียก เอก ....เขาเรียนให้รู้จัก "สังเคราะห์"
ดังนั้น อุตส่าห์เรียนโท. .. แล้วให้เพื่อนคนงานมาเกทับ "ประสบการณ์"
ก็แปลว่า คนเรียนโท. ไม่เข้าใจว่า ปริญญาโท. เขาเรียนอะไร
ความคิดเห็นที่ 24
ต้องแยกกันครับ ระหว่างความสำเร็จในการเรียนกับความสำเร็จในการทำงาน
ความสำเร็จในชีวิตคน มี 4 เรื่องใหญ่
1) ประสบความสำเร็จในการเรียน คือเรียนจบได้วุฒิการศึกษา
ทำให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างน้อยสังคมก็เชื่อว่าจะทำได้ดีกว่าคนที่ไม่มีวุฒิการศึกษา
2) ประสบความสำเร็จในการทำงาน คือ รับผิดชอบงานแล้ว ทำสำเร็จ ไม่เกิดปัญหาย้อนหลัง
ทั้งยังเกิดรายได้ที่เพียงพอเลี้ยงองค์กร
คนที่ทำงานเป็นก็คือคนที่คิดงานเป็น ทำงานเป็น แก้ปัญหาได้ ส่งงานได้ทันใช้ทันเวลา
ซึ่งแน่นอนว่า มันต้องใช้ประสบการณ์จากการทำบ่อยๆ จนรู้วิธีทำงานให้เร็วและดี
3) ประสบความสำเร็จในการดูแลครอบครัว
คือดูแลทุกคนในบ้านให้มีความสุขสบาย
ทั้งด้านปัจจัย 4 เงินทอง จิตใจ
คนในบ้านมีความรักความสามัคคี มีครอบครัวอบอุ่น
มีความเอาใจใส่ดูแลระมัดระวังไม่ให้ใครเจ็บไข้ได้ป่วย
4) ประสบความสำเร็จในชีวิต คือ
ความสุขด้านจิตใจในระดับที่เราสามารถแบ่งปันความสุขที่เรามีให้ผู้อื่นได้
เช่น แบ่งเวลาไปทำประโยชน์ให้แก่สังคม สร้างสาธารณกุศล
ให้ทุนการศึกษา ทอดกฐินผ้าป่าพัฒนาวัด บริจาคช่วยเหลือโรงพยาบาล
พัฒนาคุณธรรม พัฒนาจิตใจให้สูงขึ้น รู้จักความพอเพียง
ไม่โลภ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ดูดายคนดีๆ ที่ขาดโอกาสในสังคม
เรื่องของวุฒิการศึกษากับเรื่องประสบการณ์ มันเป็นคนละเรื่องกันครับ
เหมือนกับคนอ่านตำราปลูกข้าวจบ สอบได้ปริญญา แต่ถ้ายังไม่เคยปลูกข้าว
ก็ถือว่าเป็นผู้มีความรู้ แต่ยังไม่มีประสบการณ์ จนเมื่อได้ลองไปปลูกข้าวเมื่อไหร่
เมื่อนั้นแหละ จะเป็นตัววัดผลว่า ความรู้ที่เรามีนั้น มันมีพอ หรือไม่พอจะทำงาน
ชีวิตคือการเรียนรู้ครับ
ความรู้มีทั้งที่ได้ใบปริญญาและความรู้ที่ไม่มีปริญญา
ความรู้ในมหาวิทยาลัย คือความรู้ที่มีใบปริญญา
ประสบการณ์ก็คือความรู้ที่ไม่มีใบปริญญา ต้องมีทั้งสองอย่างครับ
ความสำเร็จในชีวิตคน มี 4 เรื่องใหญ่
1) ประสบความสำเร็จในการเรียน คือเรียนจบได้วุฒิการศึกษา
ทำให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างน้อยสังคมก็เชื่อว่าจะทำได้ดีกว่าคนที่ไม่มีวุฒิการศึกษา
2) ประสบความสำเร็จในการทำงาน คือ รับผิดชอบงานแล้ว ทำสำเร็จ ไม่เกิดปัญหาย้อนหลัง
ทั้งยังเกิดรายได้ที่เพียงพอเลี้ยงองค์กร
คนที่ทำงานเป็นก็คือคนที่คิดงานเป็น ทำงานเป็น แก้ปัญหาได้ ส่งงานได้ทันใช้ทันเวลา
ซึ่งแน่นอนว่า มันต้องใช้ประสบการณ์จากการทำบ่อยๆ จนรู้วิธีทำงานให้เร็วและดี
3) ประสบความสำเร็จในการดูแลครอบครัว
คือดูแลทุกคนในบ้านให้มีความสุขสบาย
ทั้งด้านปัจจัย 4 เงินทอง จิตใจ
คนในบ้านมีความรักความสามัคคี มีครอบครัวอบอุ่น
มีความเอาใจใส่ดูแลระมัดระวังไม่ให้ใครเจ็บไข้ได้ป่วย
4) ประสบความสำเร็จในชีวิต คือ
ความสุขด้านจิตใจในระดับที่เราสามารถแบ่งปันความสุขที่เรามีให้ผู้อื่นได้
เช่น แบ่งเวลาไปทำประโยชน์ให้แก่สังคม สร้างสาธารณกุศล
ให้ทุนการศึกษา ทอดกฐินผ้าป่าพัฒนาวัด บริจาคช่วยเหลือโรงพยาบาล
พัฒนาคุณธรรม พัฒนาจิตใจให้สูงขึ้น รู้จักความพอเพียง
ไม่โลภ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ดูดายคนดีๆ ที่ขาดโอกาสในสังคม
เรื่องของวุฒิการศึกษากับเรื่องประสบการณ์ มันเป็นคนละเรื่องกันครับ
เหมือนกับคนอ่านตำราปลูกข้าวจบ สอบได้ปริญญา แต่ถ้ายังไม่เคยปลูกข้าว
ก็ถือว่าเป็นผู้มีความรู้ แต่ยังไม่มีประสบการณ์ จนเมื่อได้ลองไปปลูกข้าวเมื่อไหร่
เมื่อนั้นแหละ จะเป็นตัววัดผลว่า ความรู้ที่เรามีนั้น มันมีพอ หรือไม่พอจะทำงาน
ชีวิตคือการเรียนรู้ครับ
ความรู้มีทั้งที่ได้ใบปริญญาและความรู้ที่ไม่มีปริญญา
ความรู้ในมหาวิทยาลัย คือความรู้ที่มีใบปริญญา
ประสบการณ์ก็คือความรู้ที่ไม่มีใบปริญญา ต้องมีทั้งสองอย่างครับ
แสดงความคิดเห็น
จบโท ใครเคยโดนเพื่อนร่วมงานพูดประมาณว่า จบโทสู้ประสบการณ์ไม่ได้ บ้างครับ รบกวนเล่าสู่กันฟังครับ
รบกวนเล่าสู่กันฟังครับ
ขอบคุณทุกความเห็นครับ : )