ใครหลายคนคงเคยได้ยินและได้รู้จักกลุ่มชนกลุ่มหนึ่ง
ที่ใช้ชีวิตอยู่กับท้องทะเล กว้างใหญ่ ใต้ฟ้าสีครามแห่งอันดามัน
พวกเขาเรียกตัวเองว่า “มอแกน” ส่วนฝรั่งจะใช้คำว่า “sea gypsy”
หมายถึงมนุษย์ผู้ใช้ชีวิตเร่ร่อนกลางผืนทะเล

ในประเทศไทยก็มีพี่น้องชาวมอแกนหรือบางสำนักก็เรียกว่า “ชาวเล”
อยู่อาศัยกันมากบริเวณชายฝั่งและตามหมู่เกาะแห่งท้องทะเลอันดามัน
ทั้งจังหวัดระนอง พังงา กระบี่ เป็นต้น
แต่คนไทยมักรู้จักชาวมอแกนที่อาศัยอยู่บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเท่านั้น

ชาวมอแกนมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับท้องทะเล ราวกับว่าทะเลคือชีวิตของพวกเขา
เคยมีคนพูดเปรียบเปรยเอาไว้ว่า แม้แต่เด็กมอแกนแรกเกิดก็สามารถว่ายน้ำได้เองแล้ว
พวกเขาหากินกับทะเล ทั้งการหาปลา หอย กุ้ง แมงกะพรุน ปลิงทะเล ฯลฯ
แล้วนำมาขายให้กับพ่อค้าบนฝั่ง
ได้เงินมาก็เก็บไว้ใช้สำหรับสิ่งจำเป็นในชีวิต
ค่าอาหารแห้ง ข้าวสาร กะปิ น้ำปลา และเป็นเงินค่าขนมให้ลูกๆได้ไปโรงเรียน
ค่าน้ำมันสำหรับการออกเรือในแต่ละครั้ง




ใครหลายคนอาจเข้าใจว่าชาวมอแกนนั้นใช้ชีวิตเร่ร่อนกลางทะเล
อยู่บนเรือ นอนบนเรือ ซึ่งเป็นวิถีแบบดั้งเดิมจริงๆ
แต่แท้จริงแล้วพวกเขาใช้ชีวิตบนฝั่งมานานแล้วนะครับ
เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยให้พวกเขาเร่ร่อนไปไหนได้ตามใจอีกต่อไป
จำเป็นต้องหาที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เช่นตามชายฝั่ง หรือตามเกาะแก่งต่างๆ
พวกเขามีภาษาของเขาเอง มีวัฒนธรรม และขนบประเพณีเฉพาะตัว
สมเด็จย่าได้พระราชทานนามสกุลให้กับพวกเขา ส่วนใหญ่จะมีคำลงท้ายว่า “ทะเล”
กล้าทะเล หาญทะเล เป็นต้น เพื่อแสดงถึงความผูกพันที่มีต่อท้องทะเล




มอแกนบางกลุ่มได้รับบัตรประชาชนแล้ว บางกลุ่มยังไม่ได้
เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์บริเวณนั้นอยู่ติดกับน่านน้ำของพม่า
ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐยังคงเคลือบแคลงใจ กังวลว่าจะเป็นชาวพม่าแฝงตัวเข้ามา
ทั้งๆที่พวกเขาอาศัยอยู่ในเขตประเทศไทยมาก่อนปี พ.ศ.2446 ซึ่งเป็นปีที่มีการออก พรบ.สัญชาติขึ้น
ทำให้มอแกนบางกลุ่มมีสถานะเป็น “คนไร้รัฐ”
พวกที่ยังไม่ได้บัตรประชาชนก็จะมีปัญหาในการดำเนินชีวิตค่อนข้างมาก
ไม่ได้รับสวัสดิการการรักษาพยาบาล เดินทางไปไหนไกลๆไม่ได้ เดี๋ยวถูกตำรวจจับ
อีกทั้งไม่ได้รับการจัดสรรที่ดินทำกิน
เมื่อประสบภัยทางธรรมชาติก็จะไม่ได้รับการช่วยเหลือ หรือได้รับการช่วยเหลือเป็นกลุ่มท้ายๆเสมอ
ส่วนพวกที่มีบัตรแล้ว ก็ใช่ว่าชีวิตจะราบรื่น
ถูกดูหมิ่นดูแคลน เหยียดหยาม ถูกเอารัดเอาเปรียบต่างๆนาๆ
เพราะด้วยความที่เป็นพลเมืองชั้นสองที่อยู่ใต้ถุนสังคม


บางครั้งก็ถูกกลุ่มนายทุนรุกรานด้วยการเข้าไปยึดพื้นดินที่อยู่อาศัย เพื่อเอาไปสร้างรีสอร์ท
โดยอาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย แล้วไล่ให้พวกเขาไปอยู่ที่อื่น
ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีคดีความฟ้องร้อง รอการตัดสินกันอยู่นับไม่ถ้วน
บ่อยครั้งเมื่อประสบอุบัติเหตุ ต้องกลายเป็นผู้พิการอันเกิดจากการทำงานรับจ้างบนเรือประมง
ก็ไม่ได้รับการชดเชยเยียวยา หรือได้รับการเหลียวแลใดๆจากเจ้าของกิจการ
จะหันไปขอความช่วยเหลือจากรัฐก็ทำไม่ได้
เพราะไม่มีบัตร ถึงมีก็จะประสบกับขั้นตอนที่ยุ่งยาก จนเข็ดขยาดที่จะไปขอความช่วยเหลือ
เป็นอย่างนี้มายาวนาน…นานแสนนาน....



ภาพชุดนี้ถ่ายและเก็บสะสมเอาไว้หลายปีแล้ว เมื่อครั้งลงไปทำงานช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสึนามิ
ร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชนและองค์กรการกุศลระหว่างประเทศหลายแห่ง
โดยใช้ fuji s2pro กับเลนส์ kid และ Nikon ais 35-105mm
เลนส์ตัวที่ช่างภาพหนังสือพิมพ์รุ่นเก่าต้องมีติดกระเป๋ากันทุกคนนั่นแหละครับ
พ่วงด้วยคอมแพกค์ fuji s20pro อีกตัวหนึ่ง
ช่วงนั้นลงใต้แทบจะทุกเดือน เดือนละหลายครั้ง
ปลายปีนี้ก็จะครบรอบสิบปีเหตุการณ์สึนามิถล่มภาคใต้
ชาวมอแกนก็ยังคงมีความเป็นอยู่…เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง!!!
ที่บอกว่าเหมือนเดิมนั้นก็หมายถึง ยังคงยากจน เจ็บป่วย ถูกเอาเปรียบ ฯลฯ อย่างเสมอต้นเสมอปลายครับผม!!!
The sea gypsy in THAILAND!!!
ที่ใช้ชีวิตอยู่กับท้องทะเล กว้างใหญ่ ใต้ฟ้าสีครามแห่งอันดามัน
พวกเขาเรียกตัวเองว่า “มอแกน” ส่วนฝรั่งจะใช้คำว่า “sea gypsy”
หมายถึงมนุษย์ผู้ใช้ชีวิตเร่ร่อนกลางผืนทะเล
ในประเทศไทยก็มีพี่น้องชาวมอแกนหรือบางสำนักก็เรียกว่า “ชาวเล”
อยู่อาศัยกันมากบริเวณชายฝั่งและตามหมู่เกาะแห่งท้องทะเลอันดามัน
ทั้งจังหวัดระนอง พังงา กระบี่ เป็นต้น
แต่คนไทยมักรู้จักชาวมอแกนที่อาศัยอยู่บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเท่านั้น
ชาวมอแกนมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับท้องทะเล ราวกับว่าทะเลคือชีวิตของพวกเขา
เคยมีคนพูดเปรียบเปรยเอาไว้ว่า แม้แต่เด็กมอแกนแรกเกิดก็สามารถว่ายน้ำได้เองแล้ว
พวกเขาหากินกับทะเล ทั้งการหาปลา หอย กุ้ง แมงกะพรุน ปลิงทะเล ฯลฯ
แล้วนำมาขายให้กับพ่อค้าบนฝั่ง
ได้เงินมาก็เก็บไว้ใช้สำหรับสิ่งจำเป็นในชีวิต
ค่าอาหารแห้ง ข้าวสาร กะปิ น้ำปลา และเป็นเงินค่าขนมให้ลูกๆได้ไปโรงเรียน
ค่าน้ำมันสำหรับการออกเรือในแต่ละครั้ง
ใครหลายคนอาจเข้าใจว่าชาวมอแกนนั้นใช้ชีวิตเร่ร่อนกลางทะเล
อยู่บนเรือ นอนบนเรือ ซึ่งเป็นวิถีแบบดั้งเดิมจริงๆ
แต่แท้จริงแล้วพวกเขาใช้ชีวิตบนฝั่งมานานแล้วนะครับ
เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยให้พวกเขาเร่ร่อนไปไหนได้ตามใจอีกต่อไป
จำเป็นต้องหาที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เช่นตามชายฝั่ง หรือตามเกาะแก่งต่างๆ
พวกเขามีภาษาของเขาเอง มีวัฒนธรรม และขนบประเพณีเฉพาะตัว
สมเด็จย่าได้พระราชทานนามสกุลให้กับพวกเขา ส่วนใหญ่จะมีคำลงท้ายว่า “ทะเล”
กล้าทะเล หาญทะเล เป็นต้น เพื่อแสดงถึงความผูกพันที่มีต่อท้องทะเล
มอแกนบางกลุ่มได้รับบัตรประชาชนแล้ว บางกลุ่มยังไม่ได้
เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์บริเวณนั้นอยู่ติดกับน่านน้ำของพม่า
ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐยังคงเคลือบแคลงใจ กังวลว่าจะเป็นชาวพม่าแฝงตัวเข้ามา
ทั้งๆที่พวกเขาอาศัยอยู่ในเขตประเทศไทยมาก่อนปี พ.ศ.2446 ซึ่งเป็นปีที่มีการออก พรบ.สัญชาติขึ้น
ทำให้มอแกนบางกลุ่มมีสถานะเป็น “คนไร้รัฐ”
พวกที่ยังไม่ได้บัตรประชาชนก็จะมีปัญหาในการดำเนินชีวิตค่อนข้างมาก
ไม่ได้รับสวัสดิการการรักษาพยาบาล เดินทางไปไหนไกลๆไม่ได้ เดี๋ยวถูกตำรวจจับ
อีกทั้งไม่ได้รับการจัดสรรที่ดินทำกิน
เมื่อประสบภัยทางธรรมชาติก็จะไม่ได้รับการช่วยเหลือ หรือได้รับการช่วยเหลือเป็นกลุ่มท้ายๆเสมอ
ส่วนพวกที่มีบัตรแล้ว ก็ใช่ว่าชีวิตจะราบรื่น
ถูกดูหมิ่นดูแคลน เหยียดหยาม ถูกเอารัดเอาเปรียบต่างๆนาๆ
เพราะด้วยความที่เป็นพลเมืองชั้นสองที่อยู่ใต้ถุนสังคม
บางครั้งก็ถูกกลุ่มนายทุนรุกรานด้วยการเข้าไปยึดพื้นดินที่อยู่อาศัย เพื่อเอาไปสร้างรีสอร์ท
โดยอาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย แล้วไล่ให้พวกเขาไปอยู่ที่อื่น
ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีคดีความฟ้องร้อง รอการตัดสินกันอยู่นับไม่ถ้วน
บ่อยครั้งเมื่อประสบอุบัติเหตุ ต้องกลายเป็นผู้พิการอันเกิดจากการทำงานรับจ้างบนเรือประมง
ก็ไม่ได้รับการชดเชยเยียวยา หรือได้รับการเหลียวแลใดๆจากเจ้าของกิจการ
จะหันไปขอความช่วยเหลือจากรัฐก็ทำไม่ได้
เพราะไม่มีบัตร ถึงมีก็จะประสบกับขั้นตอนที่ยุ่งยาก จนเข็ดขยาดที่จะไปขอความช่วยเหลือ
เป็นอย่างนี้มายาวนาน…นานแสนนาน....
ภาพชุดนี้ถ่ายและเก็บสะสมเอาไว้หลายปีแล้ว เมื่อครั้งลงไปทำงานช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสึนามิ
ร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชนและองค์กรการกุศลระหว่างประเทศหลายแห่ง
โดยใช้ fuji s2pro กับเลนส์ kid และ Nikon ais 35-105mm
เลนส์ตัวที่ช่างภาพหนังสือพิมพ์รุ่นเก่าต้องมีติดกระเป๋ากันทุกคนนั่นแหละครับ
พ่วงด้วยคอมแพกค์ fuji s20pro อีกตัวหนึ่ง
ช่วงนั้นลงใต้แทบจะทุกเดือน เดือนละหลายครั้ง
ปลายปีนี้ก็จะครบรอบสิบปีเหตุการณ์สึนามิถล่มภาคใต้
ชาวมอแกนก็ยังคงมีความเป็นอยู่…เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง!!!
ที่บอกว่าเหมือนเดิมนั้นก็หมายถึง ยังคงยากจน เจ็บป่วย ถูกเอาเปรียบ ฯลฯ อย่างเสมอต้นเสมอปลายครับผม!!!