ทะเลาะกับแฟนเพราะการปั่นจักรยาน...

ขอแนะนำตัวเองก่อนครับ... ตัวผมนั้นเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ปีสุดท้ายซึ่งกำลังจะเรียนจบในไม่ช้า ส่วนแฟนของผมนั้นเป็นพยาบาลซึ่งเรียนจบแล้ว
ต่างคนต่างไม่ค่อยมีเวลาให้กัน จะเจอกันที อย่างมากก็อาทิตย์ละครั้ง ครั้งละวันสองวัน บางครั้งนับเวลาดูก็ไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ.... ปกติผมจะไปรับเธอคืนวันเสาร์ พอเที่ยงๆของวันอาทิตย์ ก็จะส่งเธอกลับ (อยู่คนละจังหวัดกัน).....
ผมถือคติอยู่อย่างหนึ่งคือ เวลาทำงานผมจะทำให้เต็มที่ ผมเลิกคลีนิคสองทุ่ม กลับมาก็จะนั่งทำฟันปลอมให้คนไข้ หรือวางแผนการรักษา จนถึงตีหนึ่งหรือตีสองทุกวัน ไม่ไปสังสรรค์กับเพื่อน ไม่ไปเดินห้าง กินแต่ข้าวกล่องเซเว่นหรือชายสี่หมี่เกี๊ยว เหล้าไม่ดื่ม บุหรี่ไม่สูบ ผับหรือร้านเหล้าก็เลิกไปแล้ว (แฟนคนนี้สั่งเลิกทุกอย่าง) เรียกได้ว่า 8 โมงเช้า ถึงตีสอง ของทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ แทบไม่มีพื้นที่ให้ตัวเองเลย.... ปกติวันเสาร์-อาทิตย์ ผมก็จะอยู่กับแฟน ไปเที่ยว ตจว บ้าง เดินห้างบ้าง นอนเล่นอยู่ห้องบ้าง ซึ่งผมก็มีความสุขดี กระนั้น....แต่ก็รู้สึกเหมือนชีวิตมันขาดอะไรบางอย่างไป ซึ่งผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน.....

เข้าเรื่องจักรยาน.... ตัวผมนั้น ตั้งแต่เด็กจนโต เป็นคนหลงใหลพวกเครื่องกลมาก ทั้งรถสปอร์ต มอเตอร์ไซค์คลาสสิค นาฬิกากลไก.... ผมเป็นคนรักความเร็วตั้งแต่เด็ก จักรยานจึงเป็นคำตอบที่ตรงที่สุดที่เด็กอายุเก้าขวบจะเอาไปใช้ประลองความเร็วกับเพื่อนในหมู่บ้านได้ หลังโรงเรียนเลิกสี่โมงเย็น กลับถึงบ้านผมคว้าจักรยานก่อนที่จะไหว้แม่ ปั่นมันออกไป กว่าจะกลับบ้านก็หกโมงหรือทุ่มกว่าๆ.... แต่ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง ทั้งการที่เพื่อนย้ายออกไป การที่เราโตขึ้นและต้องรับผิดชอบหลายๆเรื่อง การตั้งวงดนตรีกับเพื่อน ม ปลาย.... ทำให้จักรยานสีเหลืองคันเก่ง ถูกทิ้งไว้ตรงมุมรั้ว ปล่อยให้สนิมกัดแทะไปตามกาลเวลา.... จักรยานจึงหายไปจากชีวิตผมเป็นเวลากว่าสิบปี

จนเมื่อเร็วๆนี้... อาจารย์ที่เคารพท่านหนึ่ง ท่านหลงใหลการปั่นจักรยานมาก ท่านได้นั่งพูดคุยกับเพื่อนของผมระหว่างที่นั่งตรวจงาน ซึ่งผมก็รอต่อคิวส่งงานอยู่ ท่านได้พูดถึงจักรยาน เสือหมอบ เสือภูเขา (ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่รู้หรอกว่าจักรยานมันมีหลายชนิด เพียงแต่ชอบปั่น) ความเร็วที่ทำได้.... 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง.... บทสนทนาในคาบนั้น มันเหมือนจุดประกายบางอย่าง.... เหมือนมันได้ตอบโจทย์แล้วว่า ชีวิตผมขาดอะไรไป.... จากวันนั้นเป็นต้นมา ผมเริ่มศึกษาเพื่อหาซื้อจักรยาน และผมก็ได้ใช้เงินครึ่งหนึ่งของเงินเก็บมาซื้อจักรยาน เสือหมอบ สีแดง-ดำ คันงาม.... รู้ตัวอีกทีผมก็กลายเป็นพวกบ้าจักรยานเข้าขั้น.... วันๆ ดูแต่อะไหล่ และของแต่งตามเว็ปไซต์ ผมปั่นเครื่องออกกำลังกายในฟิตเนส วันละหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ เสาร์-อาทิตย์ผมจะไปปั่นจักรยานจริงๆ วันละ 50-70 กิโล.... ผมมีความสุขมาก การปั่นทำให้ผมลืมความเครียดทุกอย่าง ผมได้ออกกำลังกาย จากนักศึกษาทันตแพทย์นอนน้อย ขี้โรค พุงย้อย นอนไม่ค่อยหลับ ผมกลายเป็นคนแข็งแรง พุงหายไป มีซิกแพ็ค กล้ามขาเป็นมัด กระฉับกระเฉง และนอนหลับสนิททุกคืน...

แต่แฟนผมไม่ได้เห็นดีด้วย.... เธอบอกว่า ผมไม่มีเวลาให้เธอเหมือนเมื่อก่อน (ทั้งๆที่เราก็เจอกันทุกสัปดาห์เหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนเป็นวันจันทร์-อังคาร แทน ผมก็ยอมทิ้งเวลาในการทำงานหลังเลิกเรียน เพื่อใช้เวลาร่วมกับเธอ)
เธออยากให้ผมกลับมาใช้เวลาเสาร์-อาทิตย์ไปรับเธอเหมือนเมื่อก่อน..... ผมไม่กล้าบอกเธอว่าผมรู้สึกแย่ แต่ละครั้ง วันเสาร์ของผมหมดไปกับการขับรถ 4-6 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับการจราจร) เพื่อไปรับเธอ หมดเงินค่าน้ำมันครั้งละไม่ต่ำกว่าพันบาทโดยตัวผมเองนั้น ก็ยังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่ และผมก็เกรงใจท่านมากหากต้องขอเงินค่าน้ำมัน (ผมเคยพูดเรื่องนี้กับเธอครั้งหนึ่ง เธอโกรธมาก หาว่าผมเห็นแก่ตัว ขี้งก... ผมเลยไม่ได้พูดถึงมันอีก ได้แต่เก็บไว้ในใจ) และส่วนใหญ่ผมก็ไม่ได้ขอ จึงต้องเอาเงินเก็บในบัญชีมาเติมน้ำมัน ซึ่งผมก็ไม่เคยบอกเธอ
ผมชวนเธอไปปั่นด้วยกันในวันหยุด.... เธอบอกไม่เอา เพราะกลัวดำ..... กลายเป็นว่า จะไปปั่นเองก็ไม่ได้ จะปั่นกับเธอ เธอก็ไม่เอา....
หลังๆ ผมเริ่มอดทนเรื่องค่าน้ำมันไม่ไหว... ผมจึงพูดกับเธอไปตรงๆ เรื่องที่ผมเอาเงินเก็บออกมาเติมน้ำมัน.... เธอก็จะสวนกลับทุกทีว่า ทีเอาไปแต่งจักรยาน ทำได้ แต่ให้เธอให้ไม่ได้ คนเห็นแก่ตัว (ทั้งๆ ที่ผมพยายามอธิบายให้เธอฟังว่า ผมเก็บไว้สร้างตัวส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็ไว้ซื้อความสุขให้ตัวเองบ้าง).....

หลังๆมานี้ คำว่า "เห็นแก่ตัว" หลุดออกจากปากเธอบ่อยมาก..... อยากได้คำตอบตรงๆว่า ผมเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างนั้นหรือ ? การที่ผมยอมเลิกคบเพื่อนสนิทหลายๆคน (ที่เธอไม่ชอบเพราะกินเหล้า สูบบุหรี่) เลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เลิกเที่ยว เพื่อเธอ ผมยังไม่เสียสละพอ ? ผมทำอะไรเพื่อคนอื่นมาตลอด ทำไมคนอื่นยอมให้ผมมีความสุขบ้างไม่ได้ ? เป็นแฟนกัน เวลาเห็นอีกคนทำอะไรแล้วมีความสุข เราก็น่าจะยินดีกับเค้าไม่ใช่หรือ ?


เพิ่มเติม ตอบข้อสงสัยของหลายๆคน
1) ทำไมไม่ปั่นวันธรรมดา?
-เนื่องจากผมมาเรียนอีกจังหวัดหนึ่งครับ จะขับรถกลับบ้านเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ และในละแวกมหาวิทยาลัยของผมนั้นเป็นเส้นทางที่รถบรรทุกวิ่งกันเยอะ ขับรถกันอันตรายมาก มอเตอร์ไซค์นี่เป็นศพรายวัน ประกอบกับที่บ้านไม่อยากให้ปั่นในถนนหลวงด้วย (ปกติผมจะปั่นที่สุวรรณภูมิ) เลยทิ้งจักรยานไว้ที่บ้าน

2) เคยเปิดใจคุยกับแฟนจริงๆจังๆไหม?
-มากกว่าหนึ่งครั้งครับ เล่าให้เหมือนกับที่เล่าให้พวกท่านฟัง (ยกเว้นเรื่องจักรยานคันสีเหลืองในวัยเด็ก) คำตอบที่ได้กลับมาส่วนใหญ่ก็ "ไปอยู่กับจักรยานของเธอเถอะ" "เห็นแก่ตัว"....

3) ทำไมถึงใช้คำว่าเสียสละ มันไม่เว่อร์ไปหน่อยเหรอ ?
-ผมว่ามันไม่เว่อร์ครับ.... เพราะเพื่อนของผมที่เธอไม่อยากให้คบ ล้วนแต่เป็นเพื่อนที่โตขึ้นมาด้วยกันตั้งแต่ ม ต้น ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะดูไม่ดีในสายตาคนอื่น พวกเขาคือเพื่อนแท้สำหรับผม.... แม้แต่เพื่อนในคณะ เธอก็ไม่อยากให้ไปไหนมาไหนด้วย จนทุกวันนี้ ผมเหมือนตัวคนเดียว กินข้าวเย็นคนเดียว อ่านหนังสือคนเดียว ติวคนเดียว

4) ทำไมต้องทำงานนอกงาน? บริหารเวลาไม่เป็น?
-เวลางาน = ทำคนไข้ครับ (อุดฟัน ขูดหินปูน ถอน)  หลังจากเลิกงาน = ต้องทำฟันปลอมให้คนไข้เพื่อใส่ในการนัดครั้งต่อไป (เป็นงานที่ทำในเวลางานไม่ได้ ต้องทำในห้องแล็ปหรือที่ห้องพักเท่านั้น) + อ่านหนังสือสอบ + ทำเพรเซนเทชั่นไปนำเสนออาจารย์เพื่อนำเสนอแผนการ  + ทำงานวิจัย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่