15 ข้อคำถาม-คำตอบของผม

ผมถูกสัมภาษณ์รายการสดกับ Charles Krik ที่มีผู้คนหลายคนถามผมเยอะมาก แต่ก็ตอบคำถามไม่หมดเพราะคนเยอะจริงๆ

หากเราไปร่วมรายการด้วยและยังหาคำถามถามผมไม่ได้ ก็ลองดูตัวอย่างข้างล่างแล้วกันนะครับ แต่หากเรายังหาคำถามไม่ได้เลยจริงๆ ก็หวังว่าคำถาม-คำตอบนี้จะช่วยพวกเราได้มาก ผมยินดีอย่างยิ่งที่จะตอบทุกคำถาม ลองมาดูตัวอย่าง 15 ข้อคำถาม-คำตอบกันเลยนะครับ

1.    Kevin : อาจารย์ครับ อาจารย์ใช้กราฟหุ้นแบบไหนเหรอครับ และมีสัญญาณเข้าออกยังไงบ้างเหรอครับ?

คำตอบ : ขอบคุณสำหรับคำถามนะครับ ผมจะเน้นในเรื่องการใช้กราฟหุ้นรายวันในการเล่นหุ้นแบบ Swing Trade และก็ใช้กราฟหุ้น 3 นาทีในการเล่นหุ้นแบบ Day Trade ผมไม่ค่อยสนใจว่ากราฟหุ้นจะต้องมีสัญญาณเข้าที่แม่นยำเสมอไป มันอาจจะทำให้ผมเจอกับความผิดพลาดได้ แต่ผมรู้สึกว่าสำหรับผมแล้วส่วนใหญ่จะต้องเริ่มต้นให้ดีก่อน แล้วอย่างอื่นมันก็จะดีตามไปเองในเรื่องสัญญาณเข้าไปเล่นของผม

2.    Ryan : แล้วอาจารย์มีเทคนิคการเล่นหุ้นอย่างไรบ้างเหรอครับ ?

คำตอบ : ไงครับคุณ Ryan ผมเองก็มีเทคนิคง่ายๆอยู่แล้ว ผมมีจุดตัดขาดทุนในการเข้าออกเล่นหุ้นไว้อยู่แล้ว นี่แหละคือเทคนิคของผม เมื่อไรที่ราคาหุ้นมันมีอุปสรรค์ต่างๆ ผมก็จะต้องดูแล้วว่าจะเข้าไปเล่นหรือถอยออกมา ผมเองก็พยายามนำบทเรียนความผิดพลาดในอดีตมาประยุกต์ใช้กับเทคนิคของผม แต่ยังไงสุดท้ายผมก็ไม่ได้ทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำหรอกครับ และบ่อยครั้งผมก็จะใช้เวลาหาจังหวะโอกาสเข้าไปเล่นมากกว่า เมื่อผมดูในเรื่องผลกำไรแล้ว ผมก็จะต้องจำกัดการตั้งเป้าหมายและก็ปล่อยให้ราคาหุ้นขึ้นมาถึงเป้าหมายของผม แต่ก็จะต้องดูช่วงเวลาแต่ละช่วงให้ดีๆด้วยครับ

3.    Moe : แล้วอาจารย์ทำการสแกนตลาดหุ้นอย่างไรครับ แล้วอาจารย์รับมือช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนยังไงบ้างครับ และก็ควบคุมอารมณ์ในการเล่นหุ้นแต่ละวันยังไงบ้างครับ ?

คำตอบ : ครับ ผมเองก็จะต้องดูข้อมูลข่าวสารที่เป็นตัวเปลี่ยนแปลงบรรยากาศตลาดหุ้นสม่ำเสมอ และก็อาจเป็นแนวทางที่ไม่เลวทีเดียว ผมคิดว่ากุญแจที่สำคัญก็คือ อย่าไปคาดหวังกับข้อมูลข่าวสารมากเกินไปหรือไปทำนายว่าจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ผมจะดูในเรื่องของความเสี่ยงไปหลักหากว่าผมอยากจะทำกำไรจริงๆ และก็ดูกราฟหุ้นด้วยว่าผลกำไรที่ผมจะทำได้นั้นมันเหมาะสมหรือไม่ จะต้องฝึกฝนสายตาตัวเองในการหาโอกาสจังหวะเข้าไปเล่นอยู่เสมอ แล้วก็ต้องควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในกรอบการเล่นหุ้นของตัวเอง จำไว้ว่าอารมณ์กับความผันผวนมันจะนำโอกาสให้กับเราอยู่เสมอ ในทางกลับกัน ตลาดหุ้นมันก็มีช่วงเวลาไม่แน่นอนของมัน ทำให้หาโอกาสจังหวะได้ยาก จะต้องดูการเล่นหุ้นให้ดีๆและก็ดูความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นอย่างใกล้ชิด

4.    ผู้ชมรายการ : แล้วอาจารย์ทำการค้นหาหุ้นแต่ละกลุ่ม แต่ละตัวในแต่ละวันยังไงบ้างเหรอครับ ?

คำตอบ : สวัสดีครับและก็ขอบคุณสำหรับคำถามนะครับ ในการเล่นหุ้นแบบ Swing Trade นั้น ผมก็จะเล่นหุ้นหลายกลุ่มด้วยกันและมีทิศทางราคาหุ้นที่สอดคล้องกัน เมื่อผมเห็นว่าใช้แบบแผนถูกทาง ผมก็เล่นหุ้นเต็มที่ ในการเล่นหุ้นแบบ Day Trade นั้น ผมก็จะเน้นไปที่หุ้นเฉพาะเจาะจงไปอย่างเช่น กลุ่มการเงิน และพลังงานในแต่ละสัปดาห์

5.    Jon : มันไม่มีกฎเรียนรู้ทั่วๆไปที่สามารถเรียนรู้ได้เลยเหรอครับ ทั้งการเลือกหุ้น ดูภาพรวมตลาดหุ้น แล้วพวกผมจะมองหาโอกาสจังหวะในการเล่นหุ้นแต่ละวันที่จะเอาชนะตลาดหุ้นไม่ได้เลยเหรอครับ ?

คำตอบ : สวัสดีครับ Jon บ่อยครั้งที่ผมมักจะพูดถึงตลาดหุ้นภาพรวมอยู่เสมอ แน่นอนครับว่าผมเองก็ที่จะเล่นพวกหุ้นชั้นนำมากกว่า จะต้องจำเอาไว้ว่าหุ้นพวกนี้มันก็มีจุดแข็ง จุดอ่อนที่แตกต่างกันออกไป และช่วงเวลาที่ดีมันก็จะทำกำไรให้กับเราดีเอง จะต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวให้ใกล้ชิดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และเราก็จะหาหุ้นที่ดีได้เอง

6.    Sam : แล้วอาจารย์เคยเทรดพวก Options บ้างหรือเปล่าครับ

คำตอบ : อ้าวว่าไง Sam ผมก็เทรดตามจังหวะโอกาสนะครับ ในบัญชีระยะยาวของผม ผมก็จะทำการเล่นแบบเวลาสั้นๆแล้วก็เก็บแต้มสะสมเอาไว้นะครับ ผมเองก็ไม่ได้เล่นพวก Options มากนักหรอก เพราะว่ามันมีความเสี่ยงสูงมากๆ ผมจะชอบถือ Options ชั่วข้ามคืน โดยจะต้องเข้าใจและก็ยอมรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ผมจะใช้เวลาทุ่มเทกับหุ้นมากกว่าในการหาหุ้นที่สภาพคล่องสูง เล่นได้ลื่นไหล และก็เล่นหุ้นด้วยความยืดหยุ่นในแต่ละวัน แต่ละชั่วโมง

7.    Tom : แล้วอาจารย์ชอบถือหุ้นตอนที่ผลประกอบการออกมาหรือเปล่าครับ หรือว่าเล่นหุ้นตามรายงานที่ออกมา ?

คำตอบ : สวัสดีครับ Tom ผมไม่เคยอยากถือหุ้นตอนที่มีผลประกอบการออกมาเลย เทรดเดอร์ที่ใช้เครื่องมือทางเทคนิคนั้น สำหรับผมและคนอื่นๆถือว่าการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเป็นสิ่งสำคัญมากในการหาจังหวะเข้าออก ตามเทคนิคแล้วเมื่อไรที่ผลประกอบการออกมา มันก็จะมีปัจจัยพื้นฐานเข้ามาเกี่ยวข้องส่วนใหญ่ และทำให้ราคาหุ้นเปลี่ยนแปลงในแต่ละชั่วโมง ทำให้ผมไม่สามารถควบคุมความเสี่ยงได้เลย หุ้นมันจะชอบมีราคากระโดดไปมาหลังจากที่ข่าวใหม่ๆเข้ามาทำให้ผมไม่สามารถถอยหนีออกมาได้ตามแบบแผน ซึ่งเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ก็จะชอบทำนายเรื่องพวกนี้อยู่เสมอ มันก็เหมือนกับการโยนเหรียญออกหัวก้อยและผมจะไม่เล่นหุ้นด้วยวิธีนี้เป็นอันขาด ผมจะต้องรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่และก็เล่นหุ้นตามที่ผมคาดหวังเอาไว้ เพื่อที่จะทำให้ผมบริหารจัดการความเสี่ยงได้เต็มที่

8.    Frenchy : แล้วอาจารย์ชอบเล่นหุ้นแบบไหนเหรอครับ ?

คำตอบ : สวัสดีครับ Frenchy เมื่อผมจะเล่นหุ้นผมก็จะเล่นตามกราฟพวก SPY ,QQQQ, และก็ IWM ครับ ผมก็จะเจาะจงหุ้นอย่างน้อยสัก 30 ตัว และก็หาเรื่องที่ซับซ้อนมากกว่านี้อีก และขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจหุ้นที่ตัวเองเล่นอยู่ด้วย ผมจะต้องค้นหาหุ้นที่เคลื่อนไหวดีมากพอที่จะเข้าไปเล่น

9.    Leon : อาจารย์เคยเชื่อหรือเปล่าครับว่า หุ้นที่เคลื่อนไหวด้วย Volume มากๆมันก็เป็นสัญญาณหลอกได้เหมือนกัน ?

คำตอบ : สวัสดีครับ Leon นี่ถือเป็นคำถามดีมากเลยครับ ผมก็ตอบสั้นๆแล้วกันนะครับว่า เชื่อครับ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยนะครับ หุ้นบางตัวที่กำลังปรับตัวเพิ่มขึ้นบางครั้งก็เป็นสัญญาณหลอกที่เห็นว่า หมดแรงแล้ว สุดท้ายก็เห็นว่าปรับตัวลดลงอย่างหนักด้วย Volume ที่มากขึ้น บ่อยครั้งที่สะท้อนให้เห็นถึงหุ้นที่ปรับตัวลดลงมากกว่า อย่างไรก็ตาม หุ้นมันก็มีแรงเด้งกลับมาใน Volume สูงๆในแต่ละวัน ทำให้เราอาจเห็นได้ว่าไม่มีการปรับตัวลดลง แต่ผมจะต้องระวังเรื่องที่มันมีความคลุมเครืออยู่ด้วยหาก Volume ที่เพิ่มขึ้นมันสวนทางกับที่ผมคิดเอาไว้

10.    Jon : แล้วอาจารย์รู้สึกว่าราคาหุ้นมันขึ้นตาม Volume หรือ Volume ขึ้นตามราคาหุ้นน่ะครับ ?

คำตอบ : สวัสดีครับ Jon ก็เหมือนกับคำถามที่ว่าไก่กับไข่อันไหนเกิดก่อนกันนั่นแหละครับ คำตอบที่ได้มันก็ไม่ต่างกันมากนัก อย่างเช่นหุ้นบางตัวดูเหมือนจะมีสัญญาณกระทิงเข้ามา ราคาหุ้นก็มีความมั่งคงแข็งแรง แต่วันหนึ่งหุ้นก็มาถึงแนวต้านด้วย Volume ที่มาก ทำให้เราเห็นว่าจะต้องทำทะลุได้แน่ๆ Volume เองถือเป็นตัวชี้นำความคิดของเรา ในตัวอย่างอื่นๆนั้น ราคาหุ้นก็เริ่มมีแรงเคลื่อนไหวบ้างแล้ว และหุ้นก็เริ่มมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น Volume ก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น (ตามราคาหุ้นไป) ทำให้เราเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะยังไงผมก็จะเน้นในเรื่องราคาหุ้นมากกว่า แล้วก็มาดู Volume อีกทีว่ามีแรงผลักมากพอที่จะทำให้ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นหรือเปล่า ตัวอย่างเช่น ผมจะเริ่มเข้าไปเล่นหุ้นก็ต่อที่หาสัญญาณเข้าได้แล้ว ก็ทำให้ผมเชื่อว่าหุ้นเริ่มมีการเคลื่อนไหวจริงๆแล้ว จะต้องจำเอาไว้ว่าราคาหุ้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเล่นหุ้น หากเรามาผิดทาง Volume มันก็ไม่มีส่วนสำคัญหรอกว่าจะมากหรือจะน้อย เพราะยังไงเราก็จะต้องเจ็บปวดอยู่ดี

11.    Ryan : อาจารย์เคยสนใจการวิเคราะห์เรื่องอื่นๆบ้างไหมครับ ?

คำตอบ : สวัสดีครับ Ryan จริงๆแล้วผมก็มีหลักสูตรเล่นหุ้นขั้นสูงที่สอนโดยผมอยู่แล้ว ผมจึงต้องหาแนวทางวิเคราะห์อื่นๆเข้ามามากขึ้น ซึ่งผมจะนำการวิเคราะห์เท่าที่ผมรู้มาบรรจุใส่ในหลักสูตรของผม ผมไม่ได้วิเคราะห์อะไรมากมายนักหรอก ก็แค่เอาเท่าที่จำเป็นก็พอแล้ว

12.    Layne : แล้วอาจารย์ใช้เครื่องมือเล่นหุ้นอะไรบ้างเหรอครับ แล้วมันมีความแม่นยำมากน้อยแค่ไหนเหรอครับ ?

คำตอบ : นี่ถือว่าเป็นคำถามที่ดีมากเลยครับ Layne ผมอยากจะบอกว่ผมไม่เคยพึ่งพาเครื่องมือทางเทคนิคหลายชนิดปะปนกันไปเลยและจริงๆแล้วก็แทบจะไม่เคยได้ใช้เครื่องมือพวกนี้เลย อย่างไรก็ตามบางช่วงมันก็ช่วยให้ผมเล่นหุ้นได้ดีอยู่บ้าง ผมก็จะนำเครื่องมือไปใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น อย่างเช่น เส้นค่าเฉลี่ยที่ช่วยบอกทิศทางแนวโน้มตลาดหุ้นได้เป็นอย่างดี ผมก็เคยพูดถึงวิธีการใช้เส้นค่าเฉลี่ยบ้างแล้ว ก็จะต้องดูด้วยว่ามีแรงเคลื่อนไหวมากน้อยแค่ไหน และมันก็ช่วยผมได้เป็นอย่างดี หากผมรู้ว่ามีแรงเคลื่อนไหวไม่เพียงพอ ผมก็จะต้องดูว่าตัวเองรับความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน

13.    Jake : แล้วอาจารย์ตั้งค่ากราฟหุ้นยังไงก่อนที่จะทำการซื้อขายหุ้นครับ ?

คำตอบ : สวัสดีครับ Jake ก่อนอื่นผมก็จะต้องดูในส่วนของทิศทางแนวโน้มก่อนนะครับ หากว่าทิศทางแนวโน้มไม่ดี ผมก็จะต้องปรับแบบแผนให้แตกต่างกันออกไป หากว่าทิศทางแนวโน้มดี ผมก็จะจับตาเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดโดยลากเส้นแนวโน้มเป็นรูปต่างๆ เช่นรูปธง รูปสามเหลี่ยม และก็นั่งเฝ้าไปเรื่อยๆ สำคัญมากก็คือ Volume จะต้องมีสภาพคล่องที่จะทำให้ราคาหุ้นเคลื่อนไหวได้ ทำให้ผมเล่นหุ้นได้เป็นอย่างดี จะต้องหาจังหวะเข้าไปเล่นตามทิศทางแนวโน้มด้วย ซึ่งถือเป็นกุญแจดอกหนึ่งที่สำคัญมาก ผมจะต้องประเมินด้วยว่าราคาหุ้นสามารถทำทะลุแนวต้านหรือภาพรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือเปล่า มันมีหลายแนวทางที่เราสามารถทำได้ แต่ผมพบว่าจะต้องปรับปรุงตามสภาพแวดล้อมมากกว่าที่จะยึดมั่นแนวทางใดแนวทางหนึ่ง

14.    Ryan : อาจารย์เข้าใจในเรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิคมากน้อยแค่ไหนเหรอครับ ที่หลายคนก็มักจะบอกว่าสามารถคาดการณ์อนาคตได้หรือเป็นตัวทำนายที่ทำให้ผู้คนทำเงินได้น่ะครับ ?

คำตอบ : สวัสดีครับ Ryan ถือเป็นอีกคำถามหนึ่งที่ดีมากเลยครับ การวิเคราะห์ทางเทคนิคแน่นอนว่าเป็นเครื่องมือชั้นยอดสำหรับเทรดเดอร์หลายคน แต่ผมคิดว่าการวิเคราะห์แบบนี้ถือว่ามีความซับซ้อนมาก อย่างแรกเลยก็คือผมไม่คิดว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะเหมาะสมสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน หากมีเทรดเดอร์ 10 คนใช้เครื่องมือแบบเดียวกันหรือถามว่าทำไมถึงใช้เครื่องมือแบบนี้ล่ะ และเราก็พบว่าได้คำตอบที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เราต้องกลับไปคิดว่าสิ่งที่ทุกคนเข้าใจนั้นมีความถูกต้องมากน้อยแค่ไหนในการทำเงินแต่ละปี เครื่องมือต่างๆมันก็จะมีสูตรคำนวณของมัน และก็มีสถานบันทางการเงินเข้ามาทำลายสูตรพวกนี้ ทำให้เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ล้มเหลวไปตามๆกัน เพียงแค่เราเห็นว่าหุ้นกำลังปรับตัวเพิ่มขึ้น มันก็ถือว่าเป็นเทคนิคที่ดีแล้ว และก็หาเหตุผลอื่นๆเข้ามารองรับด้วยก็ยิ่งดี ผมไม่คิดว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะทำเงินในตลาดหุ้นง่ายมากขึ้น สำคัญที่สุดก็คือตลาดหุ้นไม่ใช่เป็นแหล่งทำเงินเข้าออกง่ายๆ ทั้งพวกเราและผมก็จะต้องจ่ายค่าเล่าเรียนในการเรียนรู้กับตลาดหุ้น เพื่อดูว่าแบบไหนมันดี ไม่ดีสำหรับพวกเราและผมอย่างไร

15.    ผู้ชมรายการ : อาจารย์มีแบบแผนอื่นๆที่ใช้ได้ดีในแต่ละสภาพแวดล้อมอย่างไรบ้างเหรอครับ ?

คำตอบ : ขอบคุณสำหรับคำถามนะครับ และแน่นอนว่าผมจะเฝ้าดูหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้นลงอย่างใกล้ชิด โดยจะทำการลากเส้น Trend Line บริเวณแนวรับ แนวต้านในการเล่นหุ้นแบบ Swing Trade ในการเล่นแบบ Day Trade นั้น ผมก็จะดูความเคลื่อนไหวตามข้อมูลข่าวสารที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละสถานการณ์ และก็ดูว่าราคาหุ้นจะพลิกฟื้นกลับมาหรือเปล่า ส่วนใหญ่ผมก็ทำกำไรได้ดีในแต่ละเดือน เรื่องพวกนี้ผมมีหลักสูตรเล่นหุ้นขั้นสูงที่สอนโดยผมไว้อยู่แล้ว กุญแจที่สำคัญก็คือจะต้องรู้ว่าเล่นหุ้นแบบไหนเหมาะสมสำหรับเรา ทำให้พวกเราสามารถยืนหยัดต่อสู้ได้และก็ปรับปรุงแก้ไขตามสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี

เทรดหุ้นอย่างโจร !!!

ผู้เขียน Jeff White

ผู้แปล Mr.lawrence10

ที่มา : TheStockBandit.net[/

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่