โดยปกติผู้คนทั่วไป (ที่ไม่ใช่เป็นเทรดเดอร์) จะเป็นนักลงทุนมากกว่า ที่มีหุ้นบริษัทหลายตัวและกองทุนต่างๆที่มีมืออาชีพคอยบริหารจัดการเงินได้ดีกว่า ผู้คนจะมองหาผู้จัดการทางการเงินและกองทุนที่มีประสิทธิภาพในการฝากเงินลงทุนไว้
และจากนั้นพวกเขาก็รอคอย
ตั้งความหวัง
ปรารถนาให้ได้ตามที่ตัวเองต้องการ
พวกเขารอคอยให้ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวบนยอด พวกเขาตั้งความหวังว่าจะต้องได้กำไร พวกเขาต้องการภาวะกระทิง พวกเขาต้องการหุ้นไม่กี่ตัวที่แสดงเป็นสีเขียว
พวกเขาก็มีแรงจูงใจในการทำกำไรในตลาดหุ้นอย่างเต็มที่ ในการทำกำไรนั้นตลาดหุ้นจะต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวให้ดีเสียก่อน แล้วตลาดหุ้นก็จะให้เรากลับเข้าไปทำกำไรได้ แต่พวกเขาล้วนแล้วต้องการให้คนอื่นๆเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นทุกๆวัน ทำให้พวกเขาไม่ได้สนใจการเคลื่อนไหวหลังจากที่มีรายงานทางด้านเศรษฐกิจหรือมีนวัตกรรมอะไรใหม่ๆเข้ามา พวกเขาต้องการให้กองทุนเติบโตมากขึ้นถึง 10-20-30 ปี เพื่อที่จะทำให้พวกเขาสามารถลาออกจากอาชีพและเกษียณอายุอยู่กินได้อย่างสบาย ผมเข้าใจดีว่ามันไม่ใช่ความผิดสำหรับพวกเขาหรอกที่คิดแบบนี้
เทรดเดอร์จะมีความแรงปรารถนาที่ต่างกัน
ผมน่ะเหรอ? ผมไม่ใช่คนทั่วๆไปที่ทำกันแบบนั้น ผมเป็นเทรดเดอร์และด้วยเหตุผมจึงแตกต่างไปจากผู้คน
ผมเป็นคนที่รอคอยจังหวะโอกาส ผมหวังว่ากราฟหุ้นมันจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ผมต้องการความผันผวน
ไม่ว่าตลาดหุ้นจะขึ้นลงยังไง หรือแต่ละปีเป็นยังไงก็ไม่ได้ทำให้ผมกังวลหรอก ผมมีวันที่พิเศษสำหรับผม เมื่อตลาดหุ้นปรับตัวลดลง ผมก็จะเข้าไป Short ผมก็ได้กำไรจากขาลงไป และเป็นเรื่องน่าเศร้าที่บางที ผมเองก็เจอวันแย่ๆบ้าง นี่แหละคือการเล่นหุ้นโดยแท้และผมไม่ได้คิดว่าการเล่นหุ้นคือทุกย่าง ผมรักมันและก็รอคอยไม่ไหวเมื่อเห็นจังหวะโอกาสเข้ามาหลังจากที่ระฆังได้ในดังขึ้นแล้ว
แต่ผมต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นก็ทำให้ผมได้รับผลกระทบจากการเล่นหุ้นเหมือนกัน สิ่งสำคัญในการเล่นหุ้นก็คือ ไม่ว่าทิศทางแนวโน้มจะเป็นยังไง หรือยังเห็นทิศทางแนวโน้มไม่ค่อยชัดเจนนัก ก็จะทำให้ผมมีอคติขึ้นมา ช่วงเวลาของผมและก็การเคลื่อนไหวผมเองด้วยเช่นกัน ความผันผวนก็ทำให้ราคาหุ้นมีความซับซ้อนขึ้น ที่เป็นตัวควบคุมความทะเยอทะยานของผมไม่ให้มากจนเกินไป Volume ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก (จากที่ผมชอบเน้นย้ำอยู่บ่อยๆ) เพราะว่าผมต้องการให้เล่นหุ้นได้ดีและก็เพียงพอต่อการเข้าออกจากตลาดหุ้นได้อย่างสบาย
ตลาดหุ้นดี Vs ตลาดหุ้นแย่
สำหรับผมแล้วเมื่อไรที่ตลาดหุ้นดี ผมก็จะเห็นกราฟหุ้นดีๆในตลาดหุ้นมาก ผมรู้ว่าผมมีความเสี่ยงน้อยลง (จากการเล่นหุ้นแบบ Swing Trade) แม้ว่าผมจะเจอกับความผิดพลาดบ้าง ตลาดหุ้นที่ดีก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปรับตัวเพิ่มขึ้นเสมอไป แต่มันอยู่ที่การเคลื่อนไหวแต่ละก้าวที่ผมจะต้องพยายามทำกำไรให้ได้ ผมจึงเพียงแค่ต้องการให้ทิศทางเคลื่อนไหวพอที่จะทำกำไรสำหรับผมได้ก็พอแล้ว
ตลาดหุ้นแย่สำหรับผมแล้ว แน่นอนมันก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นขาลงเสมอไป แต่เมื่อผมไม่เห็นจังหวะโอกาสหรือเจอกับความเสี่ยงสูง ผลกำไรต่ำ ตลาดหุ้นแย่หมายความว่าตลาดไม่ค่อยมีทิศทางที่ดีและทำให้ผมไม่สามารถเข้าไปเล่นหุ้นได้ จึงทำให้ผมต้องรอคอยจังหวะโอกาสที่ดีกว่า ไม่อยากจะบอกหรอกว่า การเล่นหุ้นในช่วงที่ตลาดหุ้นแย่หมายความว่าจะต้องทำให้ผมขาดทุนอย่างเดียว ซึ่งมันก็มีหลายอย่างที่ทำให้ผมไม่สามารถทำตามแบบแผนได้
หากเราเป็นเทรดเดอร์ ผมมั่นใจว่าพวกเราจะต้องแบบที่ผมเป็นแน่ๆ การที่เรามัวแต่นั่งฟังพวกนักวิเคราะห์ที่พูดเกี่ยวกับตลาดเป็นเรื่องไร้สาระมากที่สุด เราจะต้องประเมินปัจจัยสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นแนวทางที่เราได้ใช้และการเข้าไปเล่นแต่ละช่วง เราอย่าไปถูกชักจูงจากการเคลื่อนไหวรอบใหญ่ในแต่ละครั้งหรือกลัวในสิ่งที่เราจะต้องทำ เราจะต้องยึดมั่นในแบบแผนและรู้ว่ากฎวินัยจะต้องใช้ยังไงสำหรับในภาวะกระทิง หมีและทุกๆอย่าง
เทรดหุ้นอย่างโจร !!!
ผู้เขียน Jeff White
ผู้แปล Mr.lawrence10
ที่มา : TheStockBandit.net
การเล่นหุ้น VS การลงทุน : ความแตกต่างของ 2 ประเภท
และจากนั้นพวกเขาก็รอคอย
ตั้งความหวัง
ปรารถนาให้ได้ตามที่ตัวเองต้องการ
พวกเขารอคอยให้ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวบนยอด พวกเขาตั้งความหวังว่าจะต้องได้กำไร พวกเขาต้องการภาวะกระทิง พวกเขาต้องการหุ้นไม่กี่ตัวที่แสดงเป็นสีเขียว
พวกเขาก็มีแรงจูงใจในการทำกำไรในตลาดหุ้นอย่างเต็มที่ ในการทำกำไรนั้นตลาดหุ้นจะต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวให้ดีเสียก่อน แล้วตลาดหุ้นก็จะให้เรากลับเข้าไปทำกำไรได้ แต่พวกเขาล้วนแล้วต้องการให้คนอื่นๆเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นทุกๆวัน ทำให้พวกเขาไม่ได้สนใจการเคลื่อนไหวหลังจากที่มีรายงานทางด้านเศรษฐกิจหรือมีนวัตกรรมอะไรใหม่ๆเข้ามา พวกเขาต้องการให้กองทุนเติบโตมากขึ้นถึง 10-20-30 ปี เพื่อที่จะทำให้พวกเขาสามารถลาออกจากอาชีพและเกษียณอายุอยู่กินได้อย่างสบาย ผมเข้าใจดีว่ามันไม่ใช่ความผิดสำหรับพวกเขาหรอกที่คิดแบบนี้
เทรดเดอร์จะมีความแรงปรารถนาที่ต่างกัน
ผมน่ะเหรอ? ผมไม่ใช่คนทั่วๆไปที่ทำกันแบบนั้น ผมเป็นเทรดเดอร์และด้วยเหตุผมจึงแตกต่างไปจากผู้คน
ผมเป็นคนที่รอคอยจังหวะโอกาส ผมหวังว่ากราฟหุ้นมันจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ผมต้องการความผันผวน
ไม่ว่าตลาดหุ้นจะขึ้นลงยังไง หรือแต่ละปีเป็นยังไงก็ไม่ได้ทำให้ผมกังวลหรอก ผมมีวันที่พิเศษสำหรับผม เมื่อตลาดหุ้นปรับตัวลดลง ผมก็จะเข้าไป Short ผมก็ได้กำไรจากขาลงไป และเป็นเรื่องน่าเศร้าที่บางที ผมเองก็เจอวันแย่ๆบ้าง นี่แหละคือการเล่นหุ้นโดยแท้และผมไม่ได้คิดว่าการเล่นหุ้นคือทุกย่าง ผมรักมันและก็รอคอยไม่ไหวเมื่อเห็นจังหวะโอกาสเข้ามาหลังจากที่ระฆังได้ในดังขึ้นแล้ว
แต่ผมต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นก็ทำให้ผมได้รับผลกระทบจากการเล่นหุ้นเหมือนกัน สิ่งสำคัญในการเล่นหุ้นก็คือ ไม่ว่าทิศทางแนวโน้มจะเป็นยังไง หรือยังเห็นทิศทางแนวโน้มไม่ค่อยชัดเจนนัก ก็จะทำให้ผมมีอคติขึ้นมา ช่วงเวลาของผมและก็การเคลื่อนไหวผมเองด้วยเช่นกัน ความผันผวนก็ทำให้ราคาหุ้นมีความซับซ้อนขึ้น ที่เป็นตัวควบคุมความทะเยอทะยานของผมไม่ให้มากจนเกินไป Volume ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก (จากที่ผมชอบเน้นย้ำอยู่บ่อยๆ) เพราะว่าผมต้องการให้เล่นหุ้นได้ดีและก็เพียงพอต่อการเข้าออกจากตลาดหุ้นได้อย่างสบาย
ตลาดหุ้นดี Vs ตลาดหุ้นแย่
สำหรับผมแล้วเมื่อไรที่ตลาดหุ้นดี ผมก็จะเห็นกราฟหุ้นดีๆในตลาดหุ้นมาก ผมรู้ว่าผมมีความเสี่ยงน้อยลง (จากการเล่นหุ้นแบบ Swing Trade) แม้ว่าผมจะเจอกับความผิดพลาดบ้าง ตลาดหุ้นที่ดีก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปรับตัวเพิ่มขึ้นเสมอไป แต่มันอยู่ที่การเคลื่อนไหวแต่ละก้าวที่ผมจะต้องพยายามทำกำไรให้ได้ ผมจึงเพียงแค่ต้องการให้ทิศทางเคลื่อนไหวพอที่จะทำกำไรสำหรับผมได้ก็พอแล้ว
ตลาดหุ้นแย่สำหรับผมแล้ว แน่นอนมันก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นขาลงเสมอไป แต่เมื่อผมไม่เห็นจังหวะโอกาสหรือเจอกับความเสี่ยงสูง ผลกำไรต่ำ ตลาดหุ้นแย่หมายความว่าตลาดไม่ค่อยมีทิศทางที่ดีและทำให้ผมไม่สามารถเข้าไปเล่นหุ้นได้ จึงทำให้ผมต้องรอคอยจังหวะโอกาสที่ดีกว่า ไม่อยากจะบอกหรอกว่า การเล่นหุ้นในช่วงที่ตลาดหุ้นแย่หมายความว่าจะต้องทำให้ผมขาดทุนอย่างเดียว ซึ่งมันก็มีหลายอย่างที่ทำให้ผมไม่สามารถทำตามแบบแผนได้
หากเราเป็นเทรดเดอร์ ผมมั่นใจว่าพวกเราจะต้องแบบที่ผมเป็นแน่ๆ การที่เรามัวแต่นั่งฟังพวกนักวิเคราะห์ที่พูดเกี่ยวกับตลาดเป็นเรื่องไร้สาระมากที่สุด เราจะต้องประเมินปัจจัยสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นแนวทางที่เราได้ใช้และการเข้าไปเล่นแต่ละช่วง เราอย่าไปถูกชักจูงจากการเคลื่อนไหวรอบใหญ่ในแต่ละครั้งหรือกลัวในสิ่งที่เราจะต้องทำ เราจะต้องยึดมั่นในแบบแผนและรู้ว่ากฎวินัยจะต้องใช้ยังไงสำหรับในภาวะกระทิง หมีและทุกๆอย่าง
เทรดหุ้นอย่างโจร !!!
ผู้เขียน Jeff White
ผู้แปล Mr.lawrence10
ที่มา : TheStockBandit.net