จับกระแส สหรัฐกดดันหนัก เลิกซ้อมรบ-งดเชิญดูงาน-ตัดงบช่วยเหลือ โฆษก"ทบ."ยันทำความเข้าใจแล้ว

กระทู้สนทนา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปฏิกิริยาต่อการยึดอำนาจในประเทศไทยจากต่างประเทศยังคงปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากสหรัฐอเมริกาแถลงตัดความช่วยเหลือและความร่วมมือกับไทยเพิ่มเติม ในขณะที่สื่อต่างชาติเริ่มจับตามองการรวมตัวชุมนุมเพื่อแสดงออกคัดค้านการรัฐประหารที่เกิดขึ้นเป็นกลุ่มเล็กๆในหลายๆ จุด ทั้งๆ ที่มีคำเตือนจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยกลุ่มใหญ่ที่มีผู้เข้าร่วมราว 500 คน ที่ราชประสงค์เกิดชุลมุนกันขึ้นกับทหารที่ควบคุมฝูงชนอยู่ในขณะนั้น

ทั้งนี้ นางมารี ฮาร์ฟ รองโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา แถลงว่า นอกเหนือจากการระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศ แก่ประเทศไทยก่อนหน้านี้แล้ว กระทรวงกลาโหมสหรัฐ ได้ประกาศยกเลิกการฝึกร่วม "กะรัต" ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการฝึก รวมถึงโครงการแลกเปลี่ยนสำหรับเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสบางโครงการ อีกทั้งยกเลิกโครงการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืนแก่ตำรวจไทยซึ่งเป็นโครงการที่สนับสนุนการเงินโดยรัฐบาลสหรัฐ และมีกำหนดเริ่มการอบรมในวันที่ 26 พฤษภาคม ตลอดจนยกเลิกการเดินทางศึกษาดูงาน ณ สหรัฐอเมริกา ที่รัฐบาลสหรัฐ สนับสนุนค่าใช้จ่าย สำหรับตำรวจอาวุโสของไทยหลายคนในช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งรวมถึงการเยี่ยมชมสำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (เอฟบีไอ) และการพบปะกับเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายการบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐ

"สหรัฐขอเรียกร้องให้ประเทศไทยกลับมามีการบริหารแผ่นดินโดยพลเรือนทันทีและปล่อยตัวผู้นำทางการเมืองที่ถูกควบคุมตัวตลอดจนขอเรียกร้องให้ประเทศกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้งแต่เนิ่นๆ และขอให้เคารพสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน" นางฮาร์ฟระบุ

ทางด้าน พล.ร.ต.จอห์น เคอร์บี ร.น. โฆษกกระทรวงกลาโหมแถลงว่า สหรัฐได้กล่าวไว้อย่างชัดแจ้งแล้วว่า เป็นสิ่งสำคัญที่ทางกองทัพไทยจะต้องยุติภาวะรัฐประหารและเร่งนำทั้งหลักการและกระบวนการแห่งประชาธิปไตยกลับคืนสู่ประชาชนชาวไทยซึ่งรวมถึงการดำเนินการอย่างชัดเจนที่จะนำไปสู่การเลือกตั้ง

"แม้ว่าสหรัฐจะให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์ทางทหารอันยาวนานที่ยังประโยชน์ยิ่งระหว่างสหรัฐกับไทยทว่า หลักการประชาธิปไตยและกฎหมายของสหรัฐ กำหนดให้สหรัฐจำต้องทบทวนความช่วยเหลือและความร่วมมือทางทหารกับไทย" พล.ร.ต.เคอร์บีกล่าว และว่า ทางการสหรัฐได้ตัดสินใจยกเลิกการฝึกซ้อมร่วม "กะรัต" (CARAT-Cooperation of Afloat Readiness and Training) ประจำปี 2557 ที่กำลังดำเนินอยู่, ยกเลิกการเยือนไทยของพลเรือเอก แฮร์รี แฮร์ริส ผู้บัญชาการกองเรือสหรัฐ ประจำภาคพื้นแปซิฟิก ยกเลิก คำเชิญ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เยือนกองบัญชาการกองเรือสหรัฐ ประจำภาคพื้นแปซิฟิกในเดือนมิถุนายน และเตรียมทบทวนความร่วมมืออื่นๆ ต่อไปตามความจำเป็น

พล.ร.ต.เคอร์บีกล่าวอีกว่า สหรัฐขอเรียกร้องให้กองทัพไทยดำเนินการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนไทยโดยการยุติการรัฐประหารครั้งนี้และนำหลักนิติธรรมและเสรีภาพที่ประกันโดยหลักการประชาธิปไตยกลับคืนสู่ประชาชนชาวไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศูนย์ควบคุมภาวะฉุกเฉินบริษัทไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ต.เชิงเนิน อ.เมือง ระยอง แจ้งสื่อมวลชน หน่วยราชการ ผู้แทนท้องถิ่นและชุมชนรอบเขตประกอบการไออาร์พีซี ขอยกเลิกการฝึกร่วม CARAT 2014 ในวันที่ 26 พฤษภาคม ซึ่งก่อนหน้ามีการประกาศเวลา 08.30-12.00 น. กองพันทหารนาวิกโยธิน ค่ายสุรสิงหนาท กองพัน ร.7 จะมีการฝึกซ้อมร่วมกับทหารสหรัฐอเมริกา ในโครงการ "ฝึกร่วม CARAT 2014" ซึ่งจะมีกิจกรรมบริเวณชายฝั่งทะเล มีเฮลิคอปเตอร์บินผ่าน โดยการฝึกครั้งนี้มีกำหนดการไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว จะยกเลิกทั้งหมด

ทั้งนี้ สำนักข่าวเอเอฟพีอ้างความเห็นของนายเออร์นี บาวเออร์ ประธานฝ่ายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และการต่างประเทศ (ซีเอสไอเอส) องค์การทางวิชาการในกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ระบุว่า ไม่คิดว่าการตัดสินใจดังกล่าวนี้ของสหรัฐอเมริกาจะส่งผลมากมายนักต่อสถานการณ์ในไทย เพราะการเผชิญหน้าครั้งนี้ในประเทศไทยเป็นการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ที่สุดในรอบศตวรรษก็ว่าได้ แต่จะทำให้สหรัฐอเมริกาได้รับผลประโยชน์ในระยะยาว เพื่อที่คนไทยจะจดจำว่าเราได้ทำอะไรเอาไว้และมีจุดยืน มีท่าทีอย่างไร

ในขณะที่นักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่งก็เตือนว่า ผลสะเทือนในระยะสั้นก็คือความเสี่ยงของสหรัฐอเมริกาเอง เพราะกองทัพไทยอาจเข้าไปใกล้ชิดกับจีนมากขึ้น ในขณะที่ไทยเองก็มีความสัมพันธ์กับจีนแนบแน่นกว่าประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศอยู่ก่อนแล้ว และตั้งข้อสังเกตว่า จีนไม่ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การยึดอำนาจของกองทัพไทยในครั้งนี้ และเป็นประเทศแรกที่รับรองการรัฐประหารครั้งล่าสุดเมื่อปี 2549 ในขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า การรัฐประหารครั้งนี้จะมีการใช้อำนาจเด็ดขาดมากกว่าครั้งที่ผ่านมา

วันเดียวกัน สื่อต่างประเทศแทบทุกสำนักหันไปให้ความสนใจกับกลุ่มชุมนุมขนาดเล็กที่เกิดขึ้นในหลายจุดทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดอาทิ เชียงใหม่ และขอนแก่น เพื่อต่อต้านการรัฐประหารครั้งนี้ บีบีซี อัลจาซีรา วอลสตรีท เจอร์นัล เอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์ รายงานถึงเหตุการณ์ชุลมุนบริเวณหน้าร้านแมคโดนัลด์

สาขาราชประสงค์ และอีกหลายจุดหน้าห้างสรรพสินค้าใกล้เคียง ระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมราว 500 คนกับตำรวจและทหารในบริเวณดังกล่าว ที่มีการโห่ฮา ตะโกนขับไล่ทหารและผลักแนวตั้งรับของทหาร จนกระทั่งมีการรวบตัวผู้ชุมนุม 2 คนไปหนึ่งในจำนวนนั้นมีบาดแผลได้รับบาดเจ็บด้วย

นายนิวลีย์ เพอร์เนลล์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์วอลสตรีท เจอร์นัล ระบุว่า ดูเหมือนทหารที่เดินทางไปยังจุดชุมนุมดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อควบคุมตัวนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ซึ่งเป็นผู้นัดชุมนุมผ่านหน้าเว็บเพจเฟซบุ๊ก และท้าทายว่าจะไปให้จับกุมตัว แต่ไม่ปรากฏวี่แววของนายสมบัติแต่อย่างใด

รอยเตอร์รายงานว่า พื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 3 แม่ทัพภาคเชิญตำรวจและข้าราชการพลเรือนระดับสูงเข้าพบหารือ ซึ่งรอยเตอร์ระบุว่าแสดงถึงความไม่สบายใจของทหารในพื้นที่ที่ไม่แน่ใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ทางเหนือและทางตะวันออกเฉียงเหนือที่เป็นฐานเสียงสำคัญของอดีตนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ในขณะที่ที่เชียงใหม่มีการชุมนุมต่อต้านการรัฐประหารต่อเนื่องมาเป็นเวลา 2 วันแล้ว มีการจุดเทียนและโห่ไล่ทหาร และมีเหตุชุลมุนเกิดขึ้นเป็นระยะๆ

รอยเตอร์อ้างคำกล่าวของนายตำรวจยศระดับกลางรายหนึ่งซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อระบุว่าตำรวจ 97 เปอร์เซ็นต์ต่อต้านการรัฐประหาร ตอนนี้ต้องทำตามหน้าที่ แต่ถ้าหากสถานการณ์แย่ลงไปอีก เมื่อถึงตอนที่ได้รับคำสั่งให้สลายฝูงชน "ตอนนั้นเราจะคืนอำนาจให้กับประชาชน" และรับว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องเลือกให้ชัดเจนว่าจะอยู่ข้างไหน

ทางด้านนายโรเบิร์ต เคนเนดี้ ผู้สื่อข่าวประจำกรุงเทพฯของอัลจาซีราชี้ว่า ท่าทีของทหารจากที่ได้รับทราบมาคือ ต้องการอยู่ในอำนาจในระยะสั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ในเวลาเดียวกันก็ต้องการให้มั่นใจว่าประเทศจะกลับสู่ภาวะปกติได้และไม่มีแรงต้านใดๆ หลงเหลืออยู่

แต่เอเอฟพีอ้างความเห็นของนายริชาร์ด เบนเนต ผู้อำนวยการองค์การนิรโทษกรรมสากลประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ตั้งข้อสังเกตว่ามีผู้ชุมนุมต่อต้านการรัฐประหารจำนวนหนึ่งถูกควบคุมตัวไป ซึ่งถือเป็นแบบอย่างที่เป็นอันตรายในอนาคต และชี้ว่า ทหารควรมีความอดทนอดกลั้นต่อผู้ประท้วงเรียกร้องการปกครองพลเรือนให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

ผู้สื่อข่าวระบุว่าในขณะที่มีเว็บไซต์ต่างประเทศจำนวนหนึ่งถูกปิดกั้นการเข้าถึง อาทิ เดลีเมล์ ซึ่งเมื่อคลิกเข้าไปจะมีข้อความปรากฏว่า เว็บไซต์นี้ถูกปิดตามกฎอัยการศึก นอกจากนั้น ซีเอ็นเอ็นยังระบุในเว็บไซต์ของตนว่า ทางการไทยปิดกั้นการออกอากาศของซีเอ็นเอ็นในประเทศทั้งหมด แต่ยืนยันจะยังคงทำหน้าที่รายงานสถานการณ์ในไทยต่อไป

ทางด้านเว็บไซต์เอบีซีนิวส์ของออสเตรเลีย นายปีเตอร์ ลอยด์ ผู้สื่อข่าวรายแรกซึ่งเผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณกำลังเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นนั้น นำเสนอบทวิเคราะห์ต่อเนื่องจากรายงานข่าวดังกล่าวว่า ความพยายามจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นดังกล่าวถือเป็นการตอบโต้ที่มีนัยสำคัญทางการเมืองเป็นครั้งแรกจาก พ.ต.ท.ทักษิณ

อย่างไรก็ตาม นายลอยด์ระบุด้วยว่า การจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นเพื่อให้บรรลุถึงเป้าประสงค์หลักนั้น จำเป็นต้องทำมากกว่าการจัดตั้งขึ้นเฉยๆ ดังนั้น หากมีการจัดตั้งขึ้นจริงก็เท่ากับว่า ประเทศไทยได้เสนอ 2 แนวทางให้โลกได้เลือกว่าจะดำเนินการต่ออย่างไร จะกลับไปเหมือนเดิมหรือจะเลือกทำความตกลงกับแนวทางใหม่นั่นเอง

ในเว็บไซต์เดียวกัน นายเสิน เซอเรย์ รถา ผู้นำขบวนการพลังประชาชนกัมพูชา (เคพีพีเอ็ม) ที่พำนักอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์เรียกร้องต่อประชาชนกัมพูชาทั้งมวล ให้ต่อต้านการใช้ดินแดนของกัมพูชาเป็นสถานที่จัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตามที่นายอัมสเตอร์ดัมอ้าง โดยอ้างว่าจะก่อให้เกิดความขัดแย้งทางด้านทหารขึ้นกับไทยที่เป็นประเทศเพื่อนบ้าน

ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีสหรัฐอเมริกาตัดงบประมาณการช่วยเหลือและตัดการฝึกร่วมกับกองทัพไทยว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ทำความเข้าใจในระดับต่างประเทศ โดยจะแยกให้เห็นถึงความแตกต่างของประเทศไทยกับต่างชาติ 3 ข้อ คือ 1.สภาพแวดล้อมของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน 2.เรามีหลักฐานและเหตุผลชัดเจนในการทำรัฐประหารที่จะแสดงต่อต่างชาติ และ 3.ประชาธิปไตยในประเทศทำให้เกิดความสูญเสีย

เว็บไซต์ของรัฐบาลอังกฤษเผยแพร่แถลงการณ์ของนายฮูโก สไวร์ รัฐมนตรีประจำสำนักการต่างประเทศ และกิจการเครือจักรภพ ที่ได้แสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทยที่สภาวะแวดล้อมด้านประชาธิปไตยกำลังเสื่อมทรามลง มีการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จในการควบคุม จำกัดสื่อทั้งสื่อท้องถิ่นและสื่อต่างชาติ รวมทั้งการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุม ทำให้เกิดความไม่น่าไว้วางใจขึ้นกับเจตนาของคณะผู้นำทหาร

"ข้าพเจ้าขอเรียกร้องให้กองทัพไทยกำหนดตารางเวลาในการฟื้นฟูการปกครองของรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งออกมาให้ชัดเจน และให้สอดคล้องกับค่านิยมตามระบอบประชาธิปไตย และเรียกร้องให้ตอบสนองต่อการชุมนุมประท้วงและต่อต้านอย่างสันติด้วยเหตุผล" นายสไวร์กล่าว และว่า สืบเนื่องจากพัฒนาการในทางลบที่เกิดขึ้นในขณะนี้ สหราชอาณาจักรกำลังทบทวนขอบเขตของความร่วมมือกับประเทศไทยทั้งหมดอยู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่