ในที่สุดวิกฤติการเมืองไทยก็เดินทางมาถึง...จุดเปลี่ยน
จุดเปลี่ยนที่ย้อนกลับไปซ้ำรอย 8 ปีที่ผ่านมา
หลังจากการเจรจา 7 ฝ่าย วันที่ 2 ไม่สามารถตกลงกันได้ด้วยดี ก็เหลือทางออกสุดท้าย...
คือการยึดอำนาจการปกครอง
โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความ สงบแห่งชาติ (คสช.)
เป็นผู้อ่านประกาศฉบับที่ 1 ด้วยตัวเอง
“เพื่อให้สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรักสามัคคี ตลอดจนเพื่อปฏิรูป
โครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และเพื่อให้เกิดความชอบธรรมกันทั่วทุกฝ่าย “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ”
ซึ่งประกอบด้วย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความจำเป็นต้องเข้า
ควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป”
“ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนทุกคนอยู่ในความสงบ ดำเนินวิถีชีวิตและประกอบอาชีพต่อไปตามปกติ ให้ข้าราชการ
ทุกกระทรวง ทบวง กรม ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ ดังที่เคยปฏิบัติ”
สำหรับข้าราชการทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ส่วนราชการต่างๆ ที่มีอาวุธเพื่อใช้ในราชการ
ของหน่วย ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังและอาวุธอย่างเด็ดขาด เว้นแต่จะได้รับคำสั่งจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบ
แห่งชาติแต่เพียงผู้เดียว”
“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่าก่อนตัดสินใจปฏิวัติยึดอำนาจ “พล.อ.ประยุทธ์” จะต้องประเมินผลดีผลเสียแล้วพอสมควร
พล.อ.ประยุทธ์ คงประเมินแล้วว่า วิกฤติครั้งนี้ไม่สามารถแก้ไขด้วยวิธีการปกติ และถ้าปล่อยให้วิกฤติลากยาวต่อไป
ก็จะยิ่งเกิดความเสียหายมากขึ้นเป็นทวีคูณ
ฉะนั้น การปฏิบัติการครั้งนี้ จึงต้องมีการวางแผนยุทธการล่วงหน้ามาเป็นขั้นตอน
เริ่มจากการประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ซึ่งเท่ากับเป็นการยึดอำนาจไปแล้ว 50 เปอร์เซ็นต์
อำนาจกฎอัยการศึกทำให้การ “ยกระดับ” เป็นการปฏิวัติสำเร็จได้สะดวกโยธิน
เพราะอำนาจของกฎอัยการศึก 17 มาตรา ใช้ได้ครอบจักรวาล
ตั้งแต่อำนาจตรวจค้น บุคคล ยานพาหนะ เคหสถาน ได้โดยไม่ต้องมีหมายจับหมายค้น ได้ทุกแห่ง ทุกเวลา
ให้อำนาจจับกุม หรือกักขัง ผู้ต้องสงสัยเพื่อดำเนินการสอบสวนได้ไม่เกิน 7 วัน
ให้อำนาจในการควบคุมสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อวิทยุ สื่อทีวี และสื่ออินเตอร์เน็ต ครบวงจร
ให้อำนาจปิดเส้นทางจราจรสาธารณะ ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ตามความจำเป็น
ให้อำนาจสั่งให้ผู้ชุมนุมทุกกลุ่มต้องยุติการชุมนุม
และให้อำนาจสั่งห้ามบุคคลออกนอกบ้านในเวลาวิกาล หรือที่เรียกว่า “เคอร์ฟิว”
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ให้เห็นว่า กฎอัยการศึกที่ คสช.ใช้เป็นเครื่องมือพิเศษในการควบคุมสถานการณ์
เป็นกฎหมายดึกดำบรรพ์ที่ประกาศใช้ตั้งแต่ พ.ศ.2457 หรือ 100 ปีที่ผ่านมา
พ.ร.บ.กฎอัยการศึกมีใช้มาก่อน รัฐธรรมนูญฉบับแรก (พ.ศ.2475) ด้วยซ้ำไป
แต่งัดออกมาใช้หรือไหร่ปิดเกมได้ทุกที.
แม่ลูกจันทร์
http://www.thairath.co.th/content/424666
"ปิดเกม" แม่ลูกจันทร์ ไทยรัฐออนไลน์ .... สำหรับ ประเทศด้อยพัฒนาประชาธิปไตย
จุดเปลี่ยนที่ย้อนกลับไปซ้ำรอย 8 ปีที่ผ่านมา
หลังจากการเจรจา 7 ฝ่าย วันที่ 2 ไม่สามารถตกลงกันได้ด้วยดี ก็เหลือทางออกสุดท้าย...
คือการยึดอำนาจการปกครอง
โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความ สงบแห่งชาติ (คสช.)
เป็นผู้อ่านประกาศฉบับที่ 1 ด้วยตัวเอง
“เพื่อให้สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรักสามัคคี ตลอดจนเพื่อปฏิรูป
โครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และเพื่อให้เกิดความชอบธรรมกันทั่วทุกฝ่าย “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ”
ซึ่งประกอบด้วย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความจำเป็นต้องเข้า
ควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป”
“ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนทุกคนอยู่ในความสงบ ดำเนินวิถีชีวิตและประกอบอาชีพต่อไปตามปกติ ให้ข้าราชการ
ทุกกระทรวง ทบวง กรม ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ ดังที่เคยปฏิบัติ”
สำหรับข้าราชการทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ส่วนราชการต่างๆ ที่มีอาวุธเพื่อใช้ในราชการ
ของหน่วย ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังและอาวุธอย่างเด็ดขาด เว้นแต่จะได้รับคำสั่งจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบ
แห่งชาติแต่เพียงผู้เดียว”
“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่าก่อนตัดสินใจปฏิวัติยึดอำนาจ “พล.อ.ประยุทธ์” จะต้องประเมินผลดีผลเสียแล้วพอสมควร
พล.อ.ประยุทธ์ คงประเมินแล้วว่า วิกฤติครั้งนี้ไม่สามารถแก้ไขด้วยวิธีการปกติ และถ้าปล่อยให้วิกฤติลากยาวต่อไป
ก็จะยิ่งเกิดความเสียหายมากขึ้นเป็นทวีคูณ
ฉะนั้น การปฏิบัติการครั้งนี้ จึงต้องมีการวางแผนยุทธการล่วงหน้ามาเป็นขั้นตอน
เริ่มจากการประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ซึ่งเท่ากับเป็นการยึดอำนาจไปแล้ว 50 เปอร์เซ็นต์
อำนาจกฎอัยการศึกทำให้การ “ยกระดับ” เป็นการปฏิวัติสำเร็จได้สะดวกโยธิน
เพราะอำนาจของกฎอัยการศึก 17 มาตรา ใช้ได้ครอบจักรวาล
ตั้งแต่อำนาจตรวจค้น บุคคล ยานพาหนะ เคหสถาน ได้โดยไม่ต้องมีหมายจับหมายค้น ได้ทุกแห่ง ทุกเวลา
ให้อำนาจจับกุม หรือกักขัง ผู้ต้องสงสัยเพื่อดำเนินการสอบสวนได้ไม่เกิน 7 วัน
ให้อำนาจในการควบคุมสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อวิทยุ สื่อทีวี และสื่ออินเตอร์เน็ต ครบวงจร
ให้อำนาจปิดเส้นทางจราจรสาธารณะ ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ตามความจำเป็น
ให้อำนาจสั่งให้ผู้ชุมนุมทุกกลุ่มต้องยุติการชุมนุม
และให้อำนาจสั่งห้ามบุคคลออกนอกบ้านในเวลาวิกาล หรือที่เรียกว่า “เคอร์ฟิว”
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ให้เห็นว่า กฎอัยการศึกที่ คสช.ใช้เป็นเครื่องมือพิเศษในการควบคุมสถานการณ์
เป็นกฎหมายดึกดำบรรพ์ที่ประกาศใช้ตั้งแต่ พ.ศ.2457 หรือ 100 ปีที่ผ่านมา
พ.ร.บ.กฎอัยการศึกมีใช้มาก่อน รัฐธรรมนูญฉบับแรก (พ.ศ.2475) ด้วยซ้ำไป
แต่งัดออกมาใช้หรือไหร่ปิดเกมได้ทุกที.
แม่ลูกจันทร์
http://www.thairath.co.th/content/424666