กระทู้ที่แล้ว
"การทนเจ็บได้ ไม่ใช่เวทนาในเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน" ผมได้บอกไปตอนท้ายว่า
"ต่อไป จะเป็นการอธิบายว่า การปฏิบัติธรรมแบบวิชาธรรมกาย สามารถอธิบายได้ถูกต้อง และปฏิบัติตามได้อีกด้วย"
กระทู้นี้ ก็จะมาถึงส่วนนั้นกัน
ขอสรุปความเข้าใจผิดของพระพม่า กับสาวกอีกครั้ง เพื่อชี้จุดที่บกพร่องหรือไม่ถูกต้องของพระพม่า ว่าเป็นอย่างไร
และตรงจุดนั้น
วิชาธรรมกายเป็นอย่างไร และ ถูกต้องตามหลักมหาปเทส 4 อย่างไร
เริ่มด้วย ผมขอแสดงข้อสรุป (ซึ่งได้มาจากการสรุปจากพระไตรปิฏกในกระทู้ที่แล้ว) ว่าในการปฏิบัติธรรมในหัวข้อ
"เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน" ต้องปฏิบัติได้อย่างนี้ :
ข้อบกพร่องคือ :
1- พระพม่าไม่ยอม "เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น" จึงไม่มีทาง
เห็นเวทนาในเวทนาทั้งในกายตนเอง และกายคนอื่นอย่างแน่นอน
2- พระพม่าใช้ "
รู้สึก" แทน "รู้" โดยไม่มีการเห็นเลย จึงไม่ใช่ "รู้" ในเวทนานุปัสสติปัฏฐานอย่างแน่นอน
3- พระพม่าสอนให้
ทนเจ็บ เมื่อทนเจ็บได้แล้ว ก็บอกว่าเป็น "วิปัสสนา" อันนี้ก็ผิดอย่างแน่นอน
4- เวทนานั้น
ไม่ใช่มีแต่ "เจ็บ" อย่างเดียว เจ็บอย่างเดียวเป็นเพียงบางส่วนของทุกขเวทนาเท่านั้น สุขเวทนากับอทุกขมสุขเวทนา พระพม่าไม่เคยสอนว่าเป็นอย่างไร
การทนเจ็บได้ ไม่ใช่เวทนาในเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน [2]
กระทู้นี้ ก็จะมาถึงส่วนนั้นกัน
ขอสรุปความเข้าใจผิดของพระพม่า กับสาวกอีกครั้ง เพื่อชี้จุดที่บกพร่องหรือไม่ถูกต้องของพระพม่า ว่าเป็นอย่างไร
และตรงจุดนั้น วิชาธรรมกายเป็นอย่างไร และ ถูกต้องตามหลักมหาปเทส 4 อย่างไร
เริ่มด้วย ผมขอแสดงข้อสรุป (ซึ่งได้มาจากการสรุปจากพระไตรปิฏกในกระทู้ที่แล้ว) ว่าในการปฏิบัติธรรมในหัวข้อ "เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน" ต้องปฏิบัติได้อย่างนี้ :
ข้อบกพร่องคือ :
1- พระพม่าไม่ยอม "เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น" จึงไม่มีทางเห็นเวทนาในเวทนาทั้งในกายตนเอง และกายคนอื่นอย่างแน่นอน
2- พระพม่าใช้ "รู้สึก" แทน "รู้" โดยไม่มีการเห็นเลย จึงไม่ใช่ "รู้" ในเวทนานุปัสสติปัฏฐานอย่างแน่นอน
3- พระพม่าสอนให้ทนเจ็บ เมื่อทนเจ็บได้แล้ว ก็บอกว่าเป็น "วิปัสสนา" อันนี้ก็ผิดอย่างแน่นอน
4- เวทนานั้น ไม่ใช่มีแต่ "เจ็บ" อย่างเดียว เจ็บอย่างเดียวเป็นเพียงบางส่วนของทุกขเวทนาเท่านั้น สุขเวทนากับอทุกขมสุขเวทนา พระพม่าไม่เคยสอนว่าเป็นอย่างไร