## เกร็ดน่ารู้จากหนัง Godzilla ##
• Godzilla เวอร์ชั่นนี้ออกฉายปี 2014 เป็นการครบรอบ 60 ปีของหนังต้นฉบับที่ออกฉายเมื่อปี 1954
• โปรเจคนี้ถือเป็นโปรเจคสุดท้ายของการร่วมงานกันระหว่างวอร์เนอร์ บราเธอร์ส และลีเจดารี่ พิคเจอร์ส
• เรื่องนี้เคยถูกมอบหมายให้ กิลเลอร์โม เดล โตโร มาเป็นผู้กำกับ แต่เจ้าตัวก็ง่วนอยู่กับหนัง Pacific Rim จนต้องเปลี่ยนไปเป็นกาเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์
• กาเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ และทีมออกแบบ ได้ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของก็อดซิลล่า เพื่อให้ออกมาดูดีในหนัง เขากล่าวว่า "สิ่งที่ผมคิดก็คือ ผมอยากให้ก็อดซิลล่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่จริง และใครบางคนในโตโฮเคยเห็นมันมาแล้วในยุค 1950 ก่อนจะวิ่งกลับมายังสตูดิโอเพื่อวาดภาพที่เห็นนั้นให้ออกมาเป็นหนัง สำหรับหนังเรื่องใหม่นี้พวกคุณจะได้เห็นว่ามันมีจริง เป็นสิ่งสำคัญที่ก็อดซิลล่าตัวใหม่นี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับก็อดซิลล่าของโตโฮในอดีต"
• ตามคำให้การของผู้กำกับกาเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ ก็อดซิลล่าเวอร์ชั่นนี้ได้แรงบันดาลใจจากหมี และมังกรโคโมโด โดยส่วนใบหน้าจะได้มาจากส่วนหัวของหมี, สุนัข และนกอินทรีย์ (เอ็ดเวิร์ดส์ บอกว่ารูปลักษณ์ของนกอินทรีย์ทำให้ก็อดซิลล่าดูสูงส่งและยิ่งใหญ่มากขึ้น)
• สำหรับการออกแบบ มูโต้ ทีมผู้สร้างได้แรงบันดาลใจจากหนังต่อไปนี้ King Kong (1933), Alien (1979), Jurassic Park (1993) และ Starship Troopers (1997)
• ก็อดซิลล่าที่เห็นในหนังจะปรากฏกายด้วยรอยแผลเป็น โดยคอนเซปต์นี้นำมาจากหนังต้นฉบับในปี 1954 ที่มีการกล่าวถึงระเบิดปรมาณูในเมืองฮิโรชิม่าและนางาซากิ ซึ่งจุดนี้เข้ากันกับคอนเซปต์ที่ว่าก็อดซิลล่าเป็นสัตว์ประหลาดที่กำเนิดขึ้นจากอาวุธนิวเคลียร์
• ตามคำกล่าวของไบรอัน แครนสตัน ผู้กำกับได้แรงบันดาลใจมาจากหนัง Jaws ที่ไม่ให้คนดูเห็นสัตว์ประหลาดทันที แต่จะค่อยๆให้ปรากฏตัวโดยที่ยังมอบความน่ากลัวไว้เสมอ
• กาเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ บรรยายว่าก็อดซิลล่าเป็นแอนตี้ฮีโร่ "ก็อดซิลล่าเป็นตัวแทนของความกราดเกรี้ยวของธรรมชาติ ธีมของหนังเรื่องนี้คือมนุษย์ต่อสู้กับธรรมชาติ และก็อดซิลล่าก็เป็นตัวแทนของธรรมชาติ มนุษย์เอาชนะธรรมชาติไม่ได้ ธรรมชาติจะชนะเสมอ ซึ่งก็อดซิลล่าคือเครื่องมือทำโทษจากธรรมชาติ"
• นักออกแบบเสียงของหนังก็อดซิลล่า ใช้เครื่องขยายเสียงขนาดสูง 12 ฟุต กว้าง 18 ฟุต ในฉากที่ก็อดซิลล่าแผดเสียง ซึ่งใช้กำลังไฟกว่า 1 แสนวัตต์ เพื่อแสดงถึงพละกำลังอันแข็งแกร่งของก็อดซิลล่า
• ในระหว่างการถ่ายหนังเรื่องนี้ มือกำกับภาพอย่าง ซีมัส แม็คการ์เวย์ เผลอเดินเข้าไปยังบริเวณกองถ่ายของ Dawn of the Planet of the Apes ที่ตั้งกองถ่ายอยู่ในแวนคูเวอร์ใกล้ๆกัน เขาเดินเข้าไปแล้วรู้สึกแปลกๆ ไม่ค่อยคุ้น และไม่รู้จักใครซักคน จนมารู้อีกทีว่าเข้าไปผิดกอง !
• หนังเรื่องนี้ถ่ายทำฉากเทคนิคพิเศษกว่า 960 ช็อต โดย 327 ช็อตในนั้นเป็นโมเดล 3 มิติของก็อดซิลล่าที่ประกอบขึ้นมาจากเหลี่ยมมุมกว่า 5 แสนเหลี่ยม ซึ่งหากใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเดียวในการเรนเดอร์ภาพ จะใช้เวลายาวนานถึง 450 ปี !
• ในฉากถล่มสะพานโกลเด้นเกตที่ซานฟรานซิสโก ทีมงานใช้โมเดลขนาด 400 ฟุตในอัตราส่วน 1 ต่อ 0.045 เพื่อสร้างสะพาน
• ในฉากที่ฟอร์ดและพ่อของเขาต้องกลับไปยังบ้านเก่าในญี่ปุ่น ระหว่างที่กำลังตรวจดูซากที่เหลือของห้องหนึ่งในบ้าน เราจะเห็นที่อาศัยของสัตว์ชนิดหนึ่ง และมีคำว่า Mothra (ม็อธร่า) เขียนไว้ให้เห็นอย่างชัดเจน อ้างอิงถึงสัตว์ประหลาดมีปีกนามว่าม็อธร่า ที่อยู่ในหนัง Monthra Vs. Godzilla (1964) ซึ่งมีม็อธร่าต่อสู้กับก็อดซิลล่า
• กองถ่ายของหนังเรื่องนี้ได้กองทัพเรือสหรัฐฯมาร่วมถ่ายทำด้วย ส่วนเหล่านาวิกโยธินสหรัฐปฏิเสธที่จะเข้าร่วมถ่ายทำหลังจากอ่านสคริปต์หนังเสร็จแล้ว
• จูเลียตต์ บินอช, ไบรอัน แครนสตัน, แซลลี่ ฮอว์กินส์, เดวิด สเตรเธรน, เคน วาตานาเบ, เอลิซาเบ็ธ โอลเซ่น และแอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน ทั้งหมดเป็นตัวเลือกแรกของผู้กำกับกาเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ที่จะให้มารับบทในหนัง ฮอว์กินส์กล่าวไว้ว่า "เขาเลือกจากความสามารถก่อน ฉันไม่คิดฝันว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้ และต้องขอบคุณกาเร็ธจริงๆ นักแสดงแต่ละคนไม่ธรรมดาเลย เป็นกลุ่มนักแสดงที่คุณอาจนึกไม่ถึงว่าจะมาเล่นในหนังประเภทนี้ และฉันก็หวังว่ามันจะสร้างความแตกต่างให้กับหนังสัตว์ประหลาดได้"
• โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์, เฮนรี่ คาวิลล์, สกู๊ต แม็คเนรี่ และคาเล็บ แลนดรี้ โจนส์ เคยถูกพิจารณาให้มารับบท ฟอร์ด โบรดี้ แต่ผู้กำกับก็เลือก แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน เอาไว้แล้ว
• จูเลียตต์ บินอช เข้ามาเล่นหนังเรื่องนี้หลังจากที่ได้รับจดหมายเชิญที่เขียนอย่างหวานหยดย้อยของผู้กำกับกาเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์
• แซลลี่ ฮอว์กินส์ ถูกเพิ่มเข้ามาเป็นหนึ่งในทีมนักแสดง เมื่อเหลือเวลาอีกแค่ 3 สัปดาห์ก่อนหนังจะเปิดกองถ่ายทำ
• มือออกแบบเสียงของหนัง อีริค อาดาห์ล ได้เทปบันทึกเสียงคำรามของก็อดซิลล่าจากโตโฮเวอร์ชั่น 1954 เขานำมันมาปรับปรุงเพื่อให้มีชีวิตชีวาและร่วมสมัยมากขึ้น
• แอนดี้ เซอร์คิส รับเป็นที่ปรึกษาให้กับทีมงาน ในเรื่องของการโมแคปตัวละครก็อดซิลล่า เพื่อให้การเคลื่อนไหวดูสมจริง
• แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน เข้ารับการฝึกทางทหารโดยนาวิกโยธินเก่าที่เกษียณอายุแล้วอย่าง จ่าเจมส์ ดี ดีเวอร์ หนึ่งในผู้ให้คำปรึกษาของหนัง เพื่อทำให้เขาดูเป็นทหารที่สมจริง นอกจากนี้จ่าดีเวอร์ยังช่วยฝึกสอนสตันท์สำหรับการ HALO Jumps ด้วย
• ในงานจัดแสดง ลีเจนดารี่ได้ออกแบบคอนเซปต์ของก็อดซิลล่าโดยอาศัยคอนเซปต์เดิมจากโตโฮ โดยรูปอาร์ทเวิร์คสได้ถูกใช้ในการแสดงผลแบบ AR หรือ Augmented Reality ที่นำเสนอโดยสตูดิโอทอล์คกิ้งด็อก ผู้เข้าร่วมงานทุกคนที่เข้ามาชมในงานจัดแสดงจะได้รับเสื้อทีเชิ้ตที่มีลายคอนเซปต์อาร์ทคนละตัว เมื่อนำภาพคอนเซปต์อาร์ทบนเสื้อมาส่องผ่านกล้องเว็บแคมในบู๊ทลีเจนดารี่พิคเจอร์สในงาน ก็จะมีภาพลมหายใจที่พ่นออกมาเป็นรังสี พร้อมกับเสียงคำรามที่เป็นเอกลักษณ์ของก็อดซิลล่า
• อากิระ ทาคาระดะ ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ได้เคยแสดงใน Godzilla (1954) โดยเขาก็ได้ออกในหลายๆฉากของ Godzilla (2014) แต่ฉากทั้งหมดถูกตัดออกเพื่อให้เหมาะสมกับเวลา โดยจะไปปรากฏในเวอร์ชั่น DVD แทน
Cr. Mck's Movie
เกร็ดน่ารู้จากหนัง Godzilla
• Godzilla เวอร์ชั่นนี้ออกฉายปี 2014 เป็นการครบรอบ 60 ปีของหนังต้นฉบับที่ออกฉายเมื่อปี 1954
• โปรเจคนี้ถือเป็นโปรเจคสุดท้ายของการร่วมงานกันระหว่างวอร์เนอร์ บราเธอร์ส และลีเจดารี่ พิคเจอร์ส
• เรื่องนี้เคยถูกมอบหมายให้ กิลเลอร์โม เดล โตโร มาเป็นผู้กำกับ แต่เจ้าตัวก็ง่วนอยู่กับหนัง Pacific Rim จนต้องเปลี่ยนไปเป็นกาเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์
• กาเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ และทีมออกแบบ ได้ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของก็อดซิลล่า เพื่อให้ออกมาดูดีในหนัง เขากล่าวว่า "สิ่งที่ผมคิดก็คือ ผมอยากให้ก็อดซิลล่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่จริง และใครบางคนในโตโฮเคยเห็นมันมาแล้วในยุค 1950 ก่อนจะวิ่งกลับมายังสตูดิโอเพื่อวาดภาพที่เห็นนั้นให้ออกมาเป็นหนัง สำหรับหนังเรื่องใหม่นี้พวกคุณจะได้เห็นว่ามันมีจริง เป็นสิ่งสำคัญที่ก็อดซิลล่าตัวใหม่นี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับก็อดซิลล่าของโตโฮในอดีต"
• ตามคำให้การของผู้กำกับกาเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ ก็อดซิลล่าเวอร์ชั่นนี้ได้แรงบันดาลใจจากหมี และมังกรโคโมโด โดยส่วนใบหน้าจะได้มาจากส่วนหัวของหมี, สุนัข และนกอินทรีย์ (เอ็ดเวิร์ดส์ บอกว่ารูปลักษณ์ของนกอินทรีย์ทำให้ก็อดซิลล่าดูสูงส่งและยิ่งใหญ่มากขึ้น)
• สำหรับการออกแบบ มูโต้ ทีมผู้สร้างได้แรงบันดาลใจจากหนังต่อไปนี้ King Kong (1933), Alien (1979), Jurassic Park (1993) และ Starship Troopers (1997)
• ก็อดซิลล่าที่เห็นในหนังจะปรากฏกายด้วยรอยแผลเป็น โดยคอนเซปต์นี้นำมาจากหนังต้นฉบับในปี 1954 ที่มีการกล่าวถึงระเบิดปรมาณูในเมืองฮิโรชิม่าและนางาซากิ ซึ่งจุดนี้เข้ากันกับคอนเซปต์ที่ว่าก็อดซิลล่าเป็นสัตว์ประหลาดที่กำเนิดขึ้นจากอาวุธนิวเคลียร์
• ตามคำกล่าวของไบรอัน แครนสตัน ผู้กำกับได้แรงบันดาลใจมาจากหนัง Jaws ที่ไม่ให้คนดูเห็นสัตว์ประหลาดทันที แต่จะค่อยๆให้ปรากฏตัวโดยที่ยังมอบความน่ากลัวไว้เสมอ
• กาเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ บรรยายว่าก็อดซิลล่าเป็นแอนตี้ฮีโร่ "ก็อดซิลล่าเป็นตัวแทนของความกราดเกรี้ยวของธรรมชาติ ธีมของหนังเรื่องนี้คือมนุษย์ต่อสู้กับธรรมชาติ และก็อดซิลล่าก็เป็นตัวแทนของธรรมชาติ มนุษย์เอาชนะธรรมชาติไม่ได้ ธรรมชาติจะชนะเสมอ ซึ่งก็อดซิลล่าคือเครื่องมือทำโทษจากธรรมชาติ"
• นักออกแบบเสียงของหนังก็อดซิลล่า ใช้เครื่องขยายเสียงขนาดสูง 12 ฟุต กว้าง 18 ฟุต ในฉากที่ก็อดซิลล่าแผดเสียง ซึ่งใช้กำลังไฟกว่า 1 แสนวัตต์ เพื่อแสดงถึงพละกำลังอันแข็งแกร่งของก็อดซิลล่า
• ในระหว่างการถ่ายหนังเรื่องนี้ มือกำกับภาพอย่าง ซีมัส แม็คการ์เวย์ เผลอเดินเข้าไปยังบริเวณกองถ่ายของ Dawn of the Planet of the Apes ที่ตั้งกองถ่ายอยู่ในแวนคูเวอร์ใกล้ๆกัน เขาเดินเข้าไปแล้วรู้สึกแปลกๆ ไม่ค่อยคุ้น และไม่รู้จักใครซักคน จนมารู้อีกทีว่าเข้าไปผิดกอง !
• หนังเรื่องนี้ถ่ายทำฉากเทคนิคพิเศษกว่า 960 ช็อต โดย 327 ช็อตในนั้นเป็นโมเดล 3 มิติของก็อดซิลล่าที่ประกอบขึ้นมาจากเหลี่ยมมุมกว่า 5 แสนเหลี่ยม ซึ่งหากใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเดียวในการเรนเดอร์ภาพ จะใช้เวลายาวนานถึง 450 ปี !
• ในฉากถล่มสะพานโกลเด้นเกตที่ซานฟรานซิสโก ทีมงานใช้โมเดลขนาด 400 ฟุตในอัตราส่วน 1 ต่อ 0.045 เพื่อสร้างสะพาน
• ในฉากที่ฟอร์ดและพ่อของเขาต้องกลับไปยังบ้านเก่าในญี่ปุ่น ระหว่างที่กำลังตรวจดูซากที่เหลือของห้องหนึ่งในบ้าน เราจะเห็นที่อาศัยของสัตว์ชนิดหนึ่ง และมีคำว่า Mothra (ม็อธร่า) เขียนไว้ให้เห็นอย่างชัดเจน อ้างอิงถึงสัตว์ประหลาดมีปีกนามว่าม็อธร่า ที่อยู่ในหนัง Monthra Vs. Godzilla (1964) ซึ่งมีม็อธร่าต่อสู้กับก็อดซิลล่า
• กองถ่ายของหนังเรื่องนี้ได้กองทัพเรือสหรัฐฯมาร่วมถ่ายทำด้วย ส่วนเหล่านาวิกโยธินสหรัฐปฏิเสธที่จะเข้าร่วมถ่ายทำหลังจากอ่านสคริปต์หนังเสร็จแล้ว
• จูเลียตต์ บินอช, ไบรอัน แครนสตัน, แซลลี่ ฮอว์กินส์, เดวิด สเตรเธรน, เคน วาตานาเบ, เอลิซาเบ็ธ โอลเซ่น และแอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน ทั้งหมดเป็นตัวเลือกแรกของผู้กำกับกาเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ที่จะให้มารับบทในหนัง ฮอว์กินส์กล่าวไว้ว่า "เขาเลือกจากความสามารถก่อน ฉันไม่คิดฝันว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้ และต้องขอบคุณกาเร็ธจริงๆ นักแสดงแต่ละคนไม่ธรรมดาเลย เป็นกลุ่มนักแสดงที่คุณอาจนึกไม่ถึงว่าจะมาเล่นในหนังประเภทนี้ และฉันก็หวังว่ามันจะสร้างความแตกต่างให้กับหนังสัตว์ประหลาดได้"
• โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์, เฮนรี่ คาวิลล์, สกู๊ต แม็คเนรี่ และคาเล็บ แลนดรี้ โจนส์ เคยถูกพิจารณาให้มารับบท ฟอร์ด โบรดี้ แต่ผู้กำกับก็เลือก แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน เอาไว้แล้ว
• จูเลียตต์ บินอช เข้ามาเล่นหนังเรื่องนี้หลังจากที่ได้รับจดหมายเชิญที่เขียนอย่างหวานหยดย้อยของผู้กำกับกาเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์
• แซลลี่ ฮอว์กินส์ ถูกเพิ่มเข้ามาเป็นหนึ่งในทีมนักแสดง เมื่อเหลือเวลาอีกแค่ 3 สัปดาห์ก่อนหนังจะเปิดกองถ่ายทำ
• มือออกแบบเสียงของหนัง อีริค อาดาห์ล ได้เทปบันทึกเสียงคำรามของก็อดซิลล่าจากโตโฮเวอร์ชั่น 1954 เขานำมันมาปรับปรุงเพื่อให้มีชีวิตชีวาและร่วมสมัยมากขึ้น
• แอนดี้ เซอร์คิส รับเป็นที่ปรึกษาให้กับทีมงาน ในเรื่องของการโมแคปตัวละครก็อดซิลล่า เพื่อให้การเคลื่อนไหวดูสมจริง
• แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน เข้ารับการฝึกทางทหารโดยนาวิกโยธินเก่าที่เกษียณอายุแล้วอย่าง จ่าเจมส์ ดี ดีเวอร์ หนึ่งในผู้ให้คำปรึกษาของหนัง เพื่อทำให้เขาดูเป็นทหารที่สมจริง นอกจากนี้จ่าดีเวอร์ยังช่วยฝึกสอนสตันท์สำหรับการ HALO Jumps ด้วย
• ในงานจัดแสดง ลีเจนดารี่ได้ออกแบบคอนเซปต์ของก็อดซิลล่าโดยอาศัยคอนเซปต์เดิมจากโตโฮ โดยรูปอาร์ทเวิร์คสได้ถูกใช้ในการแสดงผลแบบ AR หรือ Augmented Reality ที่นำเสนอโดยสตูดิโอทอล์คกิ้งด็อก ผู้เข้าร่วมงานทุกคนที่เข้ามาชมในงานจัดแสดงจะได้รับเสื้อทีเชิ้ตที่มีลายคอนเซปต์อาร์ทคนละตัว เมื่อนำภาพคอนเซปต์อาร์ทบนเสื้อมาส่องผ่านกล้องเว็บแคมในบู๊ทลีเจนดารี่พิคเจอร์สในงาน ก็จะมีภาพลมหายใจที่พ่นออกมาเป็นรังสี พร้อมกับเสียงคำรามที่เป็นเอกลักษณ์ของก็อดซิลล่า
• อากิระ ทาคาระดะ ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ได้เคยแสดงใน Godzilla (1954) โดยเขาก็ได้ออกในหลายๆฉากของ Godzilla (2014) แต่ฉากทั้งหมดถูกตัดออกเพื่อให้เหมาะสมกับเวลา โดยจะไปปรากฏในเวอร์ชั่น DVD แทน
Cr. Mck's Movie