ก่อนเริ่มเรื่องราวในวันนี้ ผมขออนุญาติกล่าว สวัสดีครับ กับผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามจากกระทู้ (
ประสบการณ์ครั้งแรก ณ งานแต่งงานคนอินเดีย:
http://pantip.com/topic/32046779 ) ของผมน่ะครับ ผมขอขอบคุณสำหรับกำลังใจและคำแนะนำจากทุก ๆ ท่านในกระทู้ที่ผ่านมาน่ะครับ
และสวัสดีผู้อ่านท่านใหม่ ๆ ทุกท่าน
การเดินทางในประเทศอินเดียนั้น สำหรับ คนต่างประเทศอย่างผม ช่วงแรกที่ผมมา เป็นอะไรที่ยากมากๆ ผมไม่กล้าออกไปไหนมาไหนคนเดียวเป็นอันขาด เพราะกลัวผู้คนในประเทศเค้า ไม่คุ้นที่ เวลาเดินไปไหนมาไหนในเมือง หน้าตาเราไม่เหมือนเค้าเลย เวลาเดินออกไปกับเพื่อนๆ คนอินเดียชอบมามองหน้า จ้องหน้าเกือบทุกคน ผมก็ไม่เข้าใจ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ แต่ชินแล้ว พอเวลาผ่านไปซักพัก เริ่มปรับตัวเข้ากับชีวิตที่ประเทศอินเดียได้แล้ว ก็กล้าที่จะออกไปไหนมาไหนคนเดียวได้แล้ว
ใช่ครับ ผมกำลังพูดถึงการเดินทางในวันนี้ของผม
เรื่องราวในวันนี้ จะเป็นอย่างไร มาติดตามไปพร้อมๆ กันกับผมน่ะครับ
การคมนาคมของคนอินเดียตามชนบทที่ผมเคยเห็นนั้น ยังคงใช้เกวียนโดยมีวัว 1-2 ตัว ลากบ้างน่ะครับ และก็มี มอเตอร์ไซค์ , รถยนต์ , รถ Van , รถบัส(หรือเรียกว่า รถเมล์) แต่การคมนาคมหลักๆ ในเมืองบังกาลอนี้ เท่าที่ผมเคยสัมผัสมามีอยู่ 5 รูปแบบ คือ
1. รถส่วนตัว – มีทั้ง มอเตอร์ไซค์, รถยนต์ , รถเกวียน(วัวลาก, ม้าลาก, ฯลฯ[ผมเคยเห็นเพียงแค่นี้แหละครับ] )
2. รถ Auto - ลักษณะคล้ายๆ กับ ตุ๊ก ๆ บ้านเราน่ะครับ เพียงแต่ว่า คิดราคาโดยใช้ meter และแล้วแต่จะตกลงกันครับ
3. รถไฟดีเซล วิ่งระหว่างเมืองระยะทางใกล้และไกล
4. รถไฟฟ้า (คล้าย ๆ กับ BTS บ้านเราแหละครับ) รถแบบนี้วิ่งในเมือง
5. รถไฟฟ้ารางไฟบนหัวรถ – รถแบบนี้ วิ่งระหว่างเมืองน่ะครับ
6. รถ(bus)ประจำทาง หรือ บ้านเราเรียกกันว่า “รถเมล์”
เช้านี้ ผมก็มายืนรอรถเมล์(ขออนุญาติเรียกว่า รถเมล์ เพื่อผู้อ่านท่านอื่นๆ เข้าใจง่ายขึ้นน่ะครับ) ได้ซัก 10-15 นาที ระหว่างนั้นก็มีรถเมล์ 2-3 คันผ่านไป แต่ยังไม่ใช่สายรถเมล์ที่ผมต้องการจะไปน่ะครับ
รถเมล์สายที่ผมต้องการเดินทางนั้นจะมาทุกๆ 30 นาที ต่อ 1 คัน
เผอิญบ้านที่ผมอยู่ค่อนข้างชนบทน่ะครับ รถเมล์ผ่านน้อย (ถ้าวันไหนอยากไปแค่หน้าปากซอยก็นั่งรถ Auto ออกไป ราคา 10 รูปี ถ้าโบกรถเมล์ไปหน้าปากซอยก็ 5 รูปี)
กลัวผู้อ่านบางคนยังไม่เคยเห็นภาพน่ะครับว่า auto หน้าตาเป็นยังไง แต่รุปนี้เป็นแบบ full-load น่ะครับ เดี๋ยวว่างๆ จะหาแบบธรรมดามาให้ดูกันครับ
และแล้วผมก็ได้รถที่ผมต้องการซักที ขอโทษทีน่ะครับ ที่ถ่ายรูปให้ดูไม่ทันเนื่องจากต้องรีบวิ่งและแย่งกันขึ้นรถเมล์น่ะครับ ตอนนี้ผมอยู่บนรถเมล์แล้วครับ ส่วน ผู้ชาย รูปร่างอ้วนท้วมสะพายกระเป๋าหนังสีน้ำตาลที่ยืนอยู่ข้างขวาของรูปภาพ ตรงประตูทางเข้ารถเมล์นั้น คือ กระเป๋ารถเมล์นี่เองครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การจ่ายเงินค่าตั๋วรถเมล์อินเดียนั้น เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งเลย เช่น ตั๋ววันนี้ ราคา 23 รูปี ถ้าเราเอาแบ๊งค์ 10 รูปี 3 ใบให้แล้ว เค้าไม่มีเหรียญทอน(ส่วนใหญ่จะพูดแบบนี้ ทั้งๆ ที่เวลาเดินก็ได้ยินเสียงเหรียญกระทบไป-มา) เค้าจะเขียนเอาไว้หลังตั๋วรถเมล์ เช่น เลข 7 (แปลว่า 7 รุปี) แล้วเราค่อยไปเอาเงินทอนทีหลัง ซึ่ง 7/10 ครั้ง ผมไม่เคยได้เงินทอนคืนเลย ถ้าไม่ทวง 2/10 คือได้เงินทอนโดยไม่ต้องทวง ส่วน 1/10 ครั้ง ผมทวงแล้วบอกไม่มีเงินทอนให้
วิธีการไม่ทอนเงิน บอกง่ายๆ มากครับ กระเป๋ารถเมล์จะบอกเพียงว่า “next time” แล้วก็ยิ้ม ๆ จากนั้นก็หัวเราะกับคนอินเดียคนอื่นๆ ต่อหน้าเรา
คราวนี้เอาใหม่ ผมขึ้นรถปุ๊บ ตั๋วคิดแค่ 21 รูปี ผมบอกไม่มี 1 รูปี เอาแบ๊งค์ 50 รุปียื่นให้ เค้าบอกไม่มีเงินทอน(เหมือนเดิม) ผมก็บอกว่า มีแบ๊งค์ 20 รูปี เอาไหม อีก 1 รูปี “next time”
บางคนก็โอเคร บางคนก็บอกว่าจะทอน(29 รูปีคืนให้) ครับ
ลักษณะรถเมล์ของเมืองบังกาลอ ประเทศอินเดียนั้น สังเกตุน่ะครับ ว่า ที่นั่งด้านหน้าจะว่างแต่ผู้ชายจะไม่เข้ามานั่งน่ะครับ เพราะผู้หญิงจะนั่งด้านหน้าของตัวรถเมล์เท่านั้น (ผู้ชายห้ามมานั่งบริเวณด้านหน้านี้น่ะครับ ซึ่งถือว่า ปลอดภัยเอามาก ๆ)
ส่วนนี่ก็คือ ป้ายบอกว่า lady เท่านั้นน่ะจ๊ะ นายจ๋า
ประเทศนี้เค้าค่อนข้างซีเรียสเรื่องถูกเนื้อต้องตัวผู้หญิงน่ะครับ เพื่อให้ไม่เป็นปัญหา เค้าเลยจัดการให้ผู้ชายนั่งหรือยืน zone ด้านหลังเท่านั้น ส่วนผู้หญิงยืนหรือนั่ง zone ด้านหน้าเท่านั้นเช่นกันครับ อ่าวแล้วถ้ามากันเป็นคู่ล่ะจะทำยังไง (ขอตอบก่อนเลยครับ) ผู้ชายก็จะไปนั่งข้างผู้หญิงแถวหน้าซะส่วนใหญ่ครับ ไม่ค่อยเห็นผู้หญิงหลุดมานั่งกับผู้ชายด้านหลังรถครับ(จากประสบการณ์ของผมน่ะครับ)
คราวนี้ผมต้องย้ายมายืนท้ายรถเมล์เลยน่ะครับ เพราะด้านหน้าเดี๋ยวคนขึ้นมาเยอะ จะยืนเอาไม่ได้แล้วครับ อิ ๆ และก็ยืนหลัง ๆ แหละครับ มีโอกาสได้นั่งกว่า ยืนตรงกลางรถครับ
หลังจากยืนได้ซักพัก ก็ได้ที่นั่งซักที เป็นการชิงเก้าอี้นั่งที่ดุเดือดพอตัวเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมขออนุญาติเล่าเรื่องการนั่งรถเมล์ในเมืองนี้
เค้าจะจัดการแข่งขันนั่งเก้าอี้ในรถเมล์อย่างกับเกมส์เก้าอี้ดนตรีในทุกๆ รอบของการเดินทางน่ะครับ
เกมส์จะเริ่มต้นขึ้นหลังจากรถได้เหยียบขึ้นมาบนรถเมล์
ผู้เข้าร่วมการแข่งขันเป็นเพศชายเท่านั้นใน zone ด้านหลัง (ส่วน zone ด้านหน้าไม่เคยเล่น เพราะให้จำกัดผู้เล่นเฉพาะเพศหญิงเท่านั้น) ไม่จำกัดอายุ
ผู้แข่งขัน มีทั้ง เด็ก, วัยรุ่น,วัยทำงาน, ผู้สูงวัย สามารถเข้าร่วมได้หมด ไม่มีการยกเว้นครับ
ผู้เข้าแข่งขันสามารถใช้ทั้งมือ , ขา, ลำตัว เพื่อแย่งชิงเก้าอี้ว่าง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผมเดินไปเกือบถึงเก้าอี้ตัวนั้นแล้ว แต่เค้ายื่นมือ หรือ ขา มาขวาง แล้วเราไม่เถียง ก็ถือว่า แพ้ไป (ต้องยกเก้าอี้ตัวนั้นให้เค้าไป)
แรกๆก็ยอม เพราะยังไม่รู้กติกา หลังๆเริ่มรู้กติกาแระ
เอามือกั้นคืนบ้าง ,เอาไหล่เบียดบ้าง , สามารถทำได้ ยกเว้น ต่อยกับเตะน่ะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นกีฬามวย แทน เก้าอี้ดนตรีครับ
และต้องเถียงบอกว่า “เรามาก่อนน่ะ”
คราวนี้มันเถียงกลับด้วยข้ออ้างดังต่อไปนี้ เช่น เจ็บขา, ขึ้นมาตั้งนานแล้วยังไม่ได้นั่งเลย(ทั้งๆ ที่เราก็เห็นอยู่ว่า มาทีหลังเรา), ขอนั่งหน่อย เดี๋ยวก็ลงแล้ว(ลงแล้วก็ไปยืนหน้าประตูสิ) , มีเด็กมาด้วย(ลูกใครก็ไม่รู้มันไปดึงมานั่งด้วยก็มี), ฯลฯ เอาเป็นว่า ศึกครั้งนี้ เราจะชนะหรือแพ้อยู่ที่ใจครับ
ขอยืมคำพูดของอาจารย์ เฉลิมชัย “ใจสูงมันก็รอด ใจกระจอกก็จน” สถานการณ์นี้ต้องเปลี่ยนเป็น ใจสูง(ใจแข็ง) ก็ได้นั่ง ใจกระจอก(ใจอ่อน)ก็ยืนต่อไป 5555555555555555+ ให้ใช้กับคนที่เอาเปรียบเราเท่านั้นน่ะครับ ไม่แนะนำให้ไปใช้กับคนแก่ หรือเด็ก ๆ ครับ
แต่รอบนี้ผมไม่เห็นมีคนแก่หรือเด็กยืนอยู่ ผมก็เดินเข้าไปนั่งแหละครับ เวลาเดินต้องมองซ้าย มองขวา มองคนยืนอยู่ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ 555+
การใช้งานรถเมล์นั้น เรียบง่ายครับ ถ้าคุณมีเสมหะทันทีแล้ว รู้ว่าเป็นภัยต่อลำคอคุณ สามารถ
ออกไปนอกรถได้ทันที(แต่ผมระวังน่ะครับ ถ้าจำเป็นต้องทำจริงๆ ก็จะทำตอนรถติดไฟแดงและมองข้างหลังก่อนน่ะครับ กลัวโดนใครเข้า)
เสาจับก็มีเอาไว้พิง
ราวโหนเอาไว้ผูกถุงสิ่งของ หรือ แขวนกระเป๋า, ร่ม, สิ่งของต่าง ๆ ได้ตามต้องการ
ส่วนแผ่นหลังของผู้ร่วมเดินทางสามารถพิงได้ตามต้องการจนกว่าเค้าจะโวยน่ะครับ เป็นกันทั้งรถ (ผมนึกในใจ จะมาเบียดเราทำไมครัช??)
บนรถเมล์ทุกคันจะไม่มีถังขยะซึ่งเป็นมาตราฐานเดียวกันทั้งประเทศ (อาจจะกลัวการวางระเบิดในรถเมล์ก็เป็นได้)เท่าที่เคยเห็นมา ผู้เข้าแข่งขันเมื่อกินเสร็จแล้วจะทิ้งขยะได้ทั้งด้านนอกและด้านในรถตามอัธยาศัย
ส่วนการวางของ ก็สามารถวางได้ตามทางเดินอย่างสะดวกสบายใจ ที่สำคัญที่ผมถ่ายรูปมาด้วยครับ
เพราะว่า ผมเผลอไปเหยียบเพื่อข้ามไปยังที่นั่งน่ะครับ พอรู้ตัวอีกที เจ้าของถุงเค้าก็ตะโกน “Hey!!” ผมก็ขอโทษ ขอโพยเค้าใหญ่เลย เพราะความผิดของเราเองที่ไม่ระวังเดินไปเหยียบของเค้าครับ ตอนเหยียบลงไปนุ่ม มาก ๆ แถมตอนยกเท้าออกมา ก็เห็นเหมือนมีน้ำแฉะๆ ตรงรอยเท้าที่ผมเหยียบลงไปด้วย T_T รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันครับ
สังเกตุไหมว่า ที่นั่งบนรถเมล์คนนี้ เป็นที่นั่งที่หันหน้าเข้าหากัน อิ ๆ เหมาะกับคนที่มาแบบ Team 4 คนมากๆ ครับ คงสนุกน่าดูครับ เสาเหล็กในรถนั้นเป็นสีเหลืองทั้งหมด
หนึ่งในชิ้นส่วนที่ถูกพบว่ามีร่องรอยการถูกใช้งานอย่างโชกโชน จะเป็นแบบนี้เกือบทุกคัน คือ มีชิ้นส่วนไหน สามารถแกะ หรือถอดได้ ก็จะหายไปแบบนี้ครับ
ตอนนี้ผมนั่งอยู่แถวท้ายสุดของรถเมล์ประจำทางน่ะครับ สามารถเห็นทุกอย่างบนรถจากด้านหลังสุดนี้ ที่สังเกตุเห็นก็คือ เก้าอี้ โดยสายของรถเมล์สายนี้ จะออกแบบ (design) ให้หันหน้าเข้าหากันเกือบทั้งคัน (ความเห็นส่วนตัว : ท่าทางคนที่ออกแบบรถเมล์คันนี้ อยากให้ทุกคนได้มองหน้ากันเพื่อสร้างความสัมพันธ์ตลอดระยะทางน่ะครับ)
ถ่ายด้านขวาของที่นั่งผม เท่าที่สังเกตุ คือ รถเมล์ใช้วัสดุ คล้ายๆ กับแผ่นอลูมีเนียม (อันนี้ ผมไม่แน่ใจน่ะครับว่าเป็นวัสดุอย่างว่า หรือป่าว รบกวนขอผู้รู้(Guru) ช่วยตอบแทนผมหน่อยน่ะครับ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านท่านอื่นครับ)
หลอดไฟแบบตะเกียบยาว ใช้เปิดให้แสงสว่างในรถยามค่ำคืนครับ (หลังจาก 1 ทุ่มเป็นต้นไป)
ภาพถ่าย poronama บนรถเมล์สาย 316D น่ะครับ นี่เป็นภาพสุดท้ายแล้วที่ผมได้ถ่ายบนรถเมล์ 316D ที่สังเกตุอีกอย่างหนึ่งตั้งแต่ขึ้นมาบนรถเมล์จนลงแล้วน่ะครับ
ส่วนเวลาลงจากรถนั้น คนก็จะยืนบางทางเดินแบบในรูปครับ
วิธีการเดินลงแบบถูกวิธีคือ เบียดครับ พร้อมกับพูดคำว่า “excuse me” แค่นั้นครับ คุณสามารถพูด “excuse me” ได้ แต่ถ้าเค้ายังไม่หลบ ก็.....ก็..... เตรียมตัวเดินทางไกลได้เลยครับ แสดงว่า คุณกำลังมีสิทธิ์ที่จะได้กำไรในการเดินทางเพิ่มอีก 1 ป้ายรถเมล์ทันที
(ติดตามต่อ comment ที่ 7 เลยน่ะครับ เนื่องจาก text เยอะไปแว้วครับ T^T)
[รีวิว] การเดินทางบนรถเมลอินเดีย
และสวัสดีผู้อ่านท่านใหม่ ๆ ทุกท่าน
การเดินทางในประเทศอินเดียนั้น สำหรับ คนต่างประเทศอย่างผม ช่วงแรกที่ผมมา เป็นอะไรที่ยากมากๆ ผมไม่กล้าออกไปไหนมาไหนคนเดียวเป็นอันขาด เพราะกลัวผู้คนในประเทศเค้า ไม่คุ้นที่ เวลาเดินไปไหนมาไหนในเมือง หน้าตาเราไม่เหมือนเค้าเลย เวลาเดินออกไปกับเพื่อนๆ คนอินเดียชอบมามองหน้า จ้องหน้าเกือบทุกคน ผมก็ไม่เข้าใจ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ แต่ชินแล้ว พอเวลาผ่านไปซักพัก เริ่มปรับตัวเข้ากับชีวิตที่ประเทศอินเดียได้แล้ว ก็กล้าที่จะออกไปไหนมาไหนคนเดียวได้แล้ว
ใช่ครับ ผมกำลังพูดถึงการเดินทางในวันนี้ของผม
เรื่องราวในวันนี้ จะเป็นอย่างไร มาติดตามไปพร้อมๆ กันกับผมน่ะครับ
การคมนาคมของคนอินเดียตามชนบทที่ผมเคยเห็นนั้น ยังคงใช้เกวียนโดยมีวัว 1-2 ตัว ลากบ้างน่ะครับ และก็มี มอเตอร์ไซค์ , รถยนต์ , รถ Van , รถบัส(หรือเรียกว่า รถเมล์) แต่การคมนาคมหลักๆ ในเมืองบังกาลอนี้ เท่าที่ผมเคยสัมผัสมามีอยู่ 5 รูปแบบ คือ
1. รถส่วนตัว – มีทั้ง มอเตอร์ไซค์, รถยนต์ , รถเกวียน(วัวลาก, ม้าลาก, ฯลฯ[ผมเคยเห็นเพียงแค่นี้แหละครับ] )
2. รถ Auto - ลักษณะคล้ายๆ กับ ตุ๊ก ๆ บ้านเราน่ะครับ เพียงแต่ว่า คิดราคาโดยใช้ meter และแล้วแต่จะตกลงกันครับ
3. รถไฟดีเซล วิ่งระหว่างเมืองระยะทางใกล้และไกล
4. รถไฟฟ้า (คล้าย ๆ กับ BTS บ้านเราแหละครับ) รถแบบนี้วิ่งในเมือง
5. รถไฟฟ้ารางไฟบนหัวรถ – รถแบบนี้ วิ่งระหว่างเมืองน่ะครับ
6. รถ(bus)ประจำทาง หรือ บ้านเราเรียกกันว่า “รถเมล์”
เช้านี้ ผมก็มายืนรอรถเมล์(ขออนุญาติเรียกว่า รถเมล์ เพื่อผู้อ่านท่านอื่นๆ เข้าใจง่ายขึ้นน่ะครับ) ได้ซัก 10-15 นาที ระหว่างนั้นก็มีรถเมล์ 2-3 คันผ่านไป แต่ยังไม่ใช่สายรถเมล์ที่ผมต้องการจะไปน่ะครับ
รถเมล์สายที่ผมต้องการเดินทางนั้นจะมาทุกๆ 30 นาที ต่อ 1 คัน
เผอิญบ้านที่ผมอยู่ค่อนข้างชนบทน่ะครับ รถเมล์ผ่านน้อย (ถ้าวันไหนอยากไปแค่หน้าปากซอยก็นั่งรถ Auto ออกไป ราคา 10 รูปี ถ้าโบกรถเมล์ไปหน้าปากซอยก็ 5 รูปี)
กลัวผู้อ่านบางคนยังไม่เคยเห็นภาพน่ะครับว่า auto หน้าตาเป็นยังไง แต่รุปนี้เป็นแบบ full-load น่ะครับ เดี๋ยวว่างๆ จะหาแบบธรรมดามาให้ดูกันครับ
และแล้วผมก็ได้รถที่ผมต้องการซักที ขอโทษทีน่ะครับ ที่ถ่ายรูปให้ดูไม่ทันเนื่องจากต้องรีบวิ่งและแย่งกันขึ้นรถเมล์น่ะครับ ตอนนี้ผมอยู่บนรถเมล์แล้วครับ ส่วน ผู้ชาย รูปร่างอ้วนท้วมสะพายกระเป๋าหนังสีน้ำตาลที่ยืนอยู่ข้างขวาของรูปภาพ ตรงประตูทางเข้ารถเมล์นั้น คือ กระเป๋ารถเมล์นี่เองครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ลักษณะรถเมล์ของเมืองบังกาลอ ประเทศอินเดียนั้น สังเกตุน่ะครับ ว่า ที่นั่งด้านหน้าจะว่างแต่ผู้ชายจะไม่เข้ามานั่งน่ะครับ เพราะผู้หญิงจะนั่งด้านหน้าของตัวรถเมล์เท่านั้น (ผู้ชายห้ามมานั่งบริเวณด้านหน้านี้น่ะครับ ซึ่งถือว่า ปลอดภัยเอามาก ๆ)
ส่วนนี่ก็คือ ป้ายบอกว่า lady เท่านั้นน่ะจ๊ะ นายจ๋า
ประเทศนี้เค้าค่อนข้างซีเรียสเรื่องถูกเนื้อต้องตัวผู้หญิงน่ะครับ เพื่อให้ไม่เป็นปัญหา เค้าเลยจัดการให้ผู้ชายนั่งหรือยืน zone ด้านหลังเท่านั้น ส่วนผู้หญิงยืนหรือนั่ง zone ด้านหน้าเท่านั้นเช่นกันครับ อ่าวแล้วถ้ามากันเป็นคู่ล่ะจะทำยังไง (ขอตอบก่อนเลยครับ) ผู้ชายก็จะไปนั่งข้างผู้หญิงแถวหน้าซะส่วนใหญ่ครับ ไม่ค่อยเห็นผู้หญิงหลุดมานั่งกับผู้ชายด้านหลังรถครับ(จากประสบการณ์ของผมน่ะครับ)
คราวนี้ผมต้องย้ายมายืนท้ายรถเมล์เลยน่ะครับ เพราะด้านหน้าเดี๋ยวคนขึ้นมาเยอะ จะยืนเอาไม่ได้แล้วครับ อิ ๆ และก็ยืนหลัง ๆ แหละครับ มีโอกาสได้นั่งกว่า ยืนตรงกลางรถครับ
หลังจากยืนได้ซักพัก ก็ได้ที่นั่งซักที เป็นการชิงเก้าอี้นั่งที่ดุเดือดพอตัวเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนการวางของ ก็สามารถวางได้ตามทางเดินอย่างสะดวกสบายใจ ที่สำคัญที่ผมถ่ายรูปมาด้วยครับ
เพราะว่า ผมเผลอไปเหยียบเพื่อข้ามไปยังที่นั่งน่ะครับ พอรู้ตัวอีกที เจ้าของถุงเค้าก็ตะโกน “Hey!!” ผมก็ขอโทษ ขอโพยเค้าใหญ่เลย เพราะความผิดของเราเองที่ไม่ระวังเดินไปเหยียบของเค้าครับ ตอนเหยียบลงไปนุ่ม มาก ๆ แถมตอนยกเท้าออกมา ก็เห็นเหมือนมีน้ำแฉะๆ ตรงรอยเท้าที่ผมเหยียบลงไปด้วย T_T รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันครับ
สังเกตุไหมว่า ที่นั่งบนรถเมล์คนนี้ เป็นที่นั่งที่หันหน้าเข้าหากัน อิ ๆ เหมาะกับคนที่มาแบบ Team 4 คนมากๆ ครับ คงสนุกน่าดูครับ เสาเหล็กในรถนั้นเป็นสีเหลืองทั้งหมด
หนึ่งในชิ้นส่วนที่ถูกพบว่ามีร่องรอยการถูกใช้งานอย่างโชกโชน จะเป็นแบบนี้เกือบทุกคัน คือ มีชิ้นส่วนไหน สามารถแกะ หรือถอดได้ ก็จะหายไปแบบนี้ครับ
ตอนนี้ผมนั่งอยู่แถวท้ายสุดของรถเมล์ประจำทางน่ะครับ สามารถเห็นทุกอย่างบนรถจากด้านหลังสุดนี้ ที่สังเกตุเห็นก็คือ เก้าอี้ โดยสายของรถเมล์สายนี้ จะออกแบบ (design) ให้หันหน้าเข้าหากันเกือบทั้งคัน (ความเห็นส่วนตัว : ท่าทางคนที่ออกแบบรถเมล์คันนี้ อยากให้ทุกคนได้มองหน้ากันเพื่อสร้างความสัมพันธ์ตลอดระยะทางน่ะครับ)
ถ่ายด้านขวาของที่นั่งผม เท่าที่สังเกตุ คือ รถเมล์ใช้วัสดุ คล้ายๆ กับแผ่นอลูมีเนียม (อันนี้ ผมไม่แน่ใจน่ะครับว่าเป็นวัสดุอย่างว่า หรือป่าว รบกวนขอผู้รู้(Guru) ช่วยตอบแทนผมหน่อยน่ะครับ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านท่านอื่นครับ)
หลอดไฟแบบตะเกียบยาว ใช้เปิดให้แสงสว่างในรถยามค่ำคืนครับ (หลังจาก 1 ทุ่มเป็นต้นไป)
ภาพถ่าย poronama บนรถเมล์สาย 316D น่ะครับ นี่เป็นภาพสุดท้ายแล้วที่ผมได้ถ่ายบนรถเมล์ 316D ที่สังเกตุอีกอย่างหนึ่งตั้งแต่ขึ้นมาบนรถเมล์จนลงแล้วน่ะครับ
ส่วนเวลาลงจากรถนั้น คนก็จะยืนบางทางเดินแบบในรูปครับ
วิธีการเดินลงแบบถูกวิธีคือ เบียดครับ พร้อมกับพูดคำว่า “excuse me” แค่นั้นครับ คุณสามารถพูด “excuse me” ได้ แต่ถ้าเค้ายังไม่หลบ ก็.....ก็..... เตรียมตัวเดินทางไกลได้เลยครับ แสดงว่า คุณกำลังมีสิทธิ์ที่จะได้กำไรในการเดินทางเพิ่มอีก 1 ป้ายรถเมล์ทันที
(ติดตามต่อ comment ที่ 7 เลยน่ะครับ เนื่องจาก text เยอะไปแว้วครับ T^T)